รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 380

บทที่ 380 แก้ปัญหาแทนเธอ

จ๋องซึงพาลู่เหวินซูไปยังห้องส่วนตัวของพ่อตัวเองที่กำลังคุยธุรกิจกันอยู่

ระหว่างทาง ไฮโซคนนั้นก็ยังคุยกับเขาไปด้วย “ไม่เพียงแต่บริษัทเหอเสิ้ง ประธานบริษัทหยางซิงเองก็อยู่ด้วย เหวินซูหากนายคุยได้จริงๆ เผื่อแผ่มาทางฉันสักเล็กน้อยก็ได้นะ”

ลู่เหวินซูคาบบุหรี่และจุดไฟมัน และตบปิดไฟแช็กเข้าที่ท้ายทอยของเขา “รู้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นนายย่อมได้ผลประโยชน์ร่วมอย่างแน่นอน”

ไฮโซหนุ่มหัวเราะ “เยี่ยม ฉันรู้ว่านายใจกว้างที่สุดแล้ว”

เมื่อมาถึงที่หมาย จ๋องซึงก็พาลู่เหวินซูเข้าไปในห้องส่วนตัว

ห้องส่วนตัวนี้ถือว่าใหญ่นัก ดวงไฟสีสลัว จึงทำให้มองเห็นชายหนุ่มไม่กี่คนที่นั่งอยู่บนโซฟา ราวกับว่ากำลังพูดคุยกันอยู่

“พ่อ” จ๋องซึงทักทายชายหนุ่มคนหนึ่งในวงสนทนานั้น และผายมือมายังลู่เหวินซูที่อยู่ข้างกาย “เหวินซู ฉันคงไม่ต้องแนะนำใช่ไหม พ่อต้องรู้จักอยู่แล้ว”

ท่านจ๋องมองไปที่ลู่เหวินซู และกล่าวยิ้มๆ “ชายหนุ่มคนนี้คือประธานลู่คนลูก ฉันย่อมรู้จักอยู่แล้ว”

“ตรงไหนกันครับ เมื่อเทียบกับพวกคุณอาแล้ว ผมยังคงห่างไกลนัก” ลู่เหวินซูกล่าวอย่างถ่อมตน “ผมเพิ่งจะรับช่วงต่อตระกูลลู่มาเท่านั้น ในมือยังไม่มีทรัพยากรอะไร ได้ยินจ๋องซึงบอกว่าท่านคุยธุรกิจกันอยู่ที่นี่ จึงอยากได้รับการสั่งสอนจากพวกท่านครับ”

ท่านจ๋องแสร้งทำเป็นโมโห “สั่งสอนอะไรกัน นายยังเด็ก ทั้งยังเป็นเพื่อนกับลูกชายของฉันด้วย พวกเราก็ถือเป็นเพื่อนกันแล้ว ฉันยังตั้งตาคอยที่จะได้ร่วมลงทุนระยะยาวกับตระกูลลู่อยู่นะ”

ลู่เหวินซูอมยิ้ม “เพียงแค่ท่านเห็นตระกูลลู่อยู่ในสายตา ไม่ว่าธุรกิจอะไรพวกเราก็คุยด้วยได้ทั้งนั้นครับ”

เพียงไม่กี่คำ ลู่เหวินซูก็ได้นั่งลงที่นี่

ท่านจ๋องแนะนำชายหนุ่มไม่กี่คนที่นั่งอยู่บนโซฟาให้ลู่เหวินซูรู้จัก

ทันทีที่ลู่เหวินซูได้ยินชื่อเหล่านั้น บังเอิญเหลือเกิน ที่เป็นรายชื่อห้าคนที่ยังไม่ถูกลบออกไปจากบันทึกของหลี่ซูเจ๋

ลู่เหวินซูจับมือกับพวกเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจกลับกล่าวว่า โชคดีเสียเหลือเกินวันนี้ ทั้งห้าคนมาอยู่พร้อมหน้ากัน ทั้งยังอยู่ในห้องเดียวกันอีกด้วย

คุณเสิ้งและพวกของเขาต่างเป็นมิตรของลู่ลี่เฉิง ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้สนใจคนหนุ่มอย่างลู่เหวินซู แต่อย่างไรลู่เหวินซูก็รับช่วงต่อตระกูลลู่มาแล้ว พูดคุยกันอย่างไรก็ต้องไว้หน้าเขาด้วย

ทั้งสองฝ่ายต่างดื่มเหล้าและคุยกันเรื่องธุรกิจไปด้วย คุยกันไปจนถึงสองชั่วโมงกว่าๆ บรรยากาศก็เป็นไปได้ด้วยดี

ลู่เหวินซูบอกว่าอยากออกไปสูดอากาศ จึงออกไปใช้ห้องน้ำข้างนอก

ทันทีที่ออกมาจากห้องส่วนตัว เขาก็สาวเท้าไวขึ้น พอเข้าไปในห้องน้ำได้ ก็รีบต่อสายโทรออกทันที

“คุณลู่ ดึกดื่นแล้วนะครับ มีธุระหรือครับ”

“นายอยู่ที่ไหน”

“ตอนค่ำนอกจากทานข้าวและเข้านอนแล้วยังทำอะไรได้อีกอย่างนั้นหรือ แน่นอนว่าต้องอยู่กับแฟนสิ” เฉินคางพูดด้วยความมึนงง “หรือว่าประธานมู่มีธุระให้ผมไปทำหรือ”

ลู่เหวินซูจุดบุหรี่ สูบบุหรี่เข้าไปและเอ่ยอย่างไม่จริงจัง “ฉันมีเรื่องส่วนตัวที่อยากให้นายไปจัดการให้หน่อย”

“.....”

เมื่อวางสาย ลู่เหวินซูก็กลับเข้าห้องส่วนตัวไปอีกครั้ง

ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ทุกคนต่างดื่มเหล้ากันไปไม่มากไม่น้อยแล้ว เรื่องธุรกิจก็คุยกันจบแล้ว ลุกขึ้นเตรียมออกไป ลู่เหวินซูก็ตามไปเช่นกัน

รถสองคันที่จอดอยู่ข้างทาง ดูเหมือนว่าจะเป็นของคุณเสิ้ง และกำลังจอดรอพวกเขา

ลู่เหวินซูมองคุณเสิ้งที่เดินเพื่อจะขึ้นรถ ก็ชิงตัดหน้า และเปิดประตูให้กับเขา “ประธานเสิ้งครับ วันนี้ผมได้ประโยชน์มากมายจากที่พวกเราคุยกัน หวังว่าในอนาคตผมยังจะมีโอกาสได้พูดคุยกับท่านอีกครั้งนะครับ”

“ฮ่าฮ่า ได้ ฉันกับพ่อของนายก็เป็นเพื่อนกัน อนาคตถ้ามีธุรกิจอะไร จะจำนายเอาไว้อย่างแน่นอน”

ลู่เหวินซูกล่าวอย่างสดใส “เป็นพระคุณมากจริงๆ ครับ”

รอจนกระทั่งคุณเสิ้งขึ้นรถไป ลู่เหวินซูก็ปิดประตูให้เขา ร่างโปร่งหยุดยืนที่ตรงนั้น มองรถทั้งสองคันที่ตีคู่กันออกไป นัยน์ตาทอประกายมืดครึ้ม

“เหวินซู ทำไมนิ่งไปล่ะ” จ๋องซึงเดินเข้าไปหา และตบที่ไหล่ของเขา “มันดีมากเลยนะ คุยกับคุณเสิ้งกันเข้าคอได้ไวขนาดนี้ ธุรกิจร่วมกันในอนาคตจะต้องมีมาอย่างไม่หวาดไม่ไหวแน่”

ลู่เหวินซูขยี้ก้นบุหรี่ สายตาจดจ้องไปยังถนนที่ว่างเปล่า ในใจพลันหัวเราะเย้ยหยัน

ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาแล้ว ว่าจะยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนั้นไหม

***

หลังจากเย็นนั้น หลี่ซูเจ๋ถูกคนรับใช้พาไปล้างตัวทั้งข้อมือ รอยยิ้มใบหน้าเริ่มหายไป เพียงนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องนอน โดยมีคนใช้คอยจับตามองราวกับนกในกรง

หลังจากเย็นนั้น ลู่เหวินซูก็ไม่ได้มาหาอีกเลย

ถึงแม้หลี่ซูเจ๋จะถูกขังอยู่ที่ชั้นสาม นอกจากโทรศัพท์แล้ว สิ่งของต่างๆ คนรับใช้ก็เตรียมเอาไว้ให้เธอเพียบพร้อม ทุกวันเธอต้องทานข้าว เข้านอน อ่านหนังสือเป็นเวลา

บางครั้งถ้ามีแสงแดด ก็จะไปนั่งวาดรูปอยู่ที่ข้างหน้าต่างภายใต้แสงแดด สายตามองไปทางทิวทัศน์ข้างนอกนั้น และค่อยๆ วาดมันทีละน้อยๆ นั่งอยู่ตรงนั้นก็สามารถนั่งได้ทั้งบ่าย

ในห้องนอนนั้นไม่มีนาฬิกาอยู่ เธอเองก็ไม่รู้ว่าวันเวลาแบบนี้ผ่านไปแล้วกี่วันกัน

“คุณหลี่” คนรับใช้คนหนึ่งเคาะประตูและเดินเข้ามา เป็นชายวัยรุ่น ในมือถือถาดอาหารเข้ามา และเขาก็วางมันลงบนโต๊ะ “คุณควรทานอาหารกลางวันนะคะ”

“อือ” หลี่ซูเจ๋รับคำ

วางผู้กันลงเพื่อทานอาหาร เธอถึงได้พบว่าคนที่มาในวันนี้ยังเป็นชายวัยรุ่น ดูธรรมดา แต่ร่างกายถือว่าอยู่ในขั้นที่ดี จนทำให้เขาดูดีมากขึ้น

หลี่ซูเจ๋จ้องเขา “ทำไมฉันถึงไม่เคยเจอเธอ มาใหม่หรือ”

“ป้าของผมป่วยครับ ผมมาแทน” พ่อบ้านคิดว่าเธอรังเกียจตัวเอง จึงรีบเอ่ยเป็นพัลวัน “แค่วันนี้เท่านั้นครับ อย่าได้บอกคุณลู่เลยนะครับ”

“ไม่เป็นไร นายเองก็ไม่มีทางเลือกนี่” เมื่อนึกถึงชายคนนั้น หลี่ซูเจ๋ก็ทรมานใจ นั่งลงเพื่อทานอาหารกลางวัน ส่วนพ่อบ้านนั้นยืนรออยู่อีกทางหนึ่ง

อาหารกลางวันนั้นไม่มาก หลี่ซูเจ๋ทานไปครู่เดียวก็หมด จึงหันกลับไปวาดรูปต่อ

เธอรู้สึกหิวน้ำ จึงจะให้คนรับใช้นำน้ำมาให้ พอเงยหน้าขึ้น ก็พบว่ายังคงเป็นพ่อบ้านคนนั้น

พ่อบ้านกล่าวอย่างระมัดระวัง “วันนี้ผมมาแทนที่ป้าของผม หากคุณหลี่ไม่พอใจ ผมจะไปเปลี่ยนตัวกับพวกเขาครับ”

“ไม่ต้อง” โดยปกติแล้วเหล่าคนใช้มักจะยืนก้มหน้ากัน ไม่ได้พูดคุยกับหลี่ซูเจ๋ เมื่อเจอคนที่พูดด้วยได้ หลี่ซูเจ๋ก็ไม่ได้รังเกียจนัก

เธอชี้ไปที่โซฟาและสั่งว่า “นายย้ายโซฟามาตรงนี้สิ”

พ่อบ้านทำตามทันที

เมื่อโซฟาถูกย้ายมาแล้ว หลี่ซูเจ๋ก็สั่งให้เขานั่งลง และส่งช่อดอกทานตะวันให้เขาอุ้มไว้

พ่อบ้านตื่นตระหนก และทำท่าจะลุกขึ้นทันที

หลี่ซูเจ๋กดไหล่ของเขาไว้ ให้เขากลับไปนั่ง “แทนที่วันนี้จะต้องมานั่งจับตามองฉันทั้งวัน มานั่งเป็นแบบให้ฉันดีกว่า นั่งตรงนั้นและถือดอกไม้ขึ้นมา อย่าขยับ”

ภายใต้คำสั่งของหลี่ซูเจ๋ พ่อบ้านถือดอกทานตะวันขึ้นมา และนั่งนิ่งไม่กล้าขยับไปไหน

หลี่ซูเจ๋มองพ่อบ้านที่นั่งอยู่ที่โซฟา ปากกาที่อยู่ในมือนั้นตวัดลงบนกระดานภาพอย่างรวดเร็ว

เพียงแค่มองไปทางโซฟาอีกครั้ง พ่อบ้านคนนั้นก็เหมือนกับลู่เหวินซูไปในทันที

เขาไม่ได้นั่ง แต่นอนอย่างเกียจคร้านบนโซฟา พร้อมกอดช่อทานตะวันเอาไว้ และยิ้มให้กับเธอ “ที่รัก วาดแบบนี้ไปก็ไม่มีความหมายเลยสิ ให้คุณวาดผมตอนถอดเสื้อผ้าแล้วยังดีเสียกว่า”

ปากกาในมือของหลี่ซูเจ๋ยังคงขยับต่อไป แต่ไม่รู้ว่าสตินั้นลอยไปที่แห่งหนใดเช่นกัน

เมื่อเธอดูบนกระดานวาดอีกครั้ง ก็พบว่ารูปนั้นเป็นชายหนุ่มที่นอนอยู่บนโซฟา

เสื้อสีขาวกางเกงสีดำ กอดดอกทานตะวันเอาไว้ในอ้อมแขน เพียงแค่แบบร่างเท่านั้นยังไม่ได้เติมแต่งอะไรไป

หลี่ซูเจ๋นวดหัวคิ้ว

เห็นได้ชัดว่านายแบบคือพ่อบ้าน วาดไปวาดมา ทำไมถึงได้กลายเป็นลู่เหวินซูไปได้กัน

พ่อบ้านยังคงนั่งอยู่บนโซฟาไม่ขยับไปไหน เมื่อเห็นปากกาในมือของหลี่ซูเจ๋หยุดลง ก็เลยเอ่ยถาม “คุณหลี่ครับ ไม่วาดหรือครับ หรือว่าวาดเสร็จแล้ว”

“เปล่า วาดไม่ดีน่ะ เดี๋ยวฉันจะวาดใหม่” หลี่ซูเจ๋กล่าว

แต่เดิมเธอคิดจะฉีกรูปภาพที่ยังวาดไม่เสร็จนี้ทิ้ง แต่มือชะงักนิ่ง นำภาพวาดและเฟรมนั้นไปวางไว้อีกข้าง และนำเฟรมใหม่ขึ้นมาวาดแทน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน