รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 389

บทที่ 389 คุณมันสกปรก คุณมันน่าขยะแขยง

เขาคว้าผมของหลี่ซูเจ๋ และกระชากเข้าหาตัว “ผู้ชายคนนั้นมันเป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้แล้ว ชาตินี้คุณไม่มีทางได้เจอ อย่าได้คิดถึงมันอีก”

หลี่ซูเจ๋โกรธจนขาดสติ จึงตบหน้าเขาเข้าเต็มแรง

“เวร ตบกูรึ” สีหน้าลู่เหวินซูแข็งกร้าว ง้างมือขึ้นหมายจะตบเธอ แต่เมื่อเห็นเธอเงยหน้ามามองตัวเขา ก็เห็นโหนกแก้มที่ขึ้นจนเห็นร่องชัด ไม่มีเนื้อ และขาวซีด

เขารู้สึกเจ็บปวด ผ่านไปเพียงพริบตา ก็ผลักเธอออกไปอย่างรุนแรง “จะไม่กินใช่ไหม เดี๋ยวจะให้คนรับใช้มาง้างปากเดี๋ยวนี้แหละ ยัดมันแม่งไปทั้งช้อนเลย” 

ทิ้งคำพูดไว้เสร็จ แล้วก็สาวเท้าออกจากห้องไป

หลี่ซูเจ๋ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเพียงอึดใจ หลังจากนั้นก็ไปเก็บเศษภาพที่ถูกฉีกไปมาประกอบด้วยกัน

เธอมองภาพชายคนหนึ่งที่นอนอยู่บนโซฟา ในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่มีช่อดอกทานตะวัน มีเพียงแต่ภาพร่างเท่านั้น ภาพที่วาดเสร็จแล้วนั้นคงอยู่ในใจของเธอ แต่ตอนนี้มันค่อยๆเลือนรางไปหมดแล้ว

หากเขาไม่คิดจะเชื่อเธอ แล้วเธอจะไปอธิบายให้เขาฟังได้อย่างไร

ลู่เหวินซูที่เดือดดาล ทานข้าวไปได้ไม่กี่คำก็กลับห้องหนังสือไปทำงานต่อ

แต่ทำไปได้ไม่เท่าไหร่ ในหัวก็มีแต่ภาพหลี่ซูเจ๋ที่ถือรูปนั้นอย่างระมัดระวัง ทั้งหวงแหนมัน ทั้งตบหน้าเขา

“แม่งเอ๊ย” ยิ่งคิดก็ยิ่งเดือด เขาตบปากกาลงกับโต๊ะอย่างรุนแรง

เขาไม่ควรปล่อยพ่อบ้านคนนั้นไปง่ายๆ น่าจะหักแขนหักขามันเสียก่อน ให้หลี่ซูเจ๋ได้เห็นเต็มสองตา จะได้ไม่กล้านึกถึงชายอื่นอีก

“คุณผู้ชายคะ” คนรับใช้เคาะประตูและกล่าวอย่างตะกุกตะกัก “ป้อนข้าวคุณหลี่หมดแล้วค่ะ มีอะไรจะสั่งอีกหรือไม่คะ”

ลู่เหวินซูตวาดลั่น “ไม่มี ออกไป”

เขากวาดเอกสารบนโต๊ะลงไปกองที่พื้น แม้แต่คอมพิวเตอร์ก็ถูกทุบจนแตกละเอียด เมื่อระบายอารมณ์ไปได้เพียงครู่ ระลอกคลื่นในใจยังคงรุนแรงเช่นเดิม และใบหน้าก็ยังคงมืดครึ้ม

นั่งอยู่ตรงนั้นสิบนาทีเต็ม ทันใดนั้นลู่เหวินซูก็ออกไปจากห้องหนังสือทันที

เขาสาวเท้าเข้าไปในห้องนอนที่เจียน่าพักอยู่ เมื่อเข้าไปแล้วก็เห็นเจียน่าออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุมอาบน้ำ ก็ฉุดกระชากลากถูเธอขึ้นไปยังชั้นสามทันที

ลู่เหวินซูเตะเปิดประตูห้องนอนของหลี่ซูเจ๋ เมื่อเห็นว่าเธอยังคงนั่งวาดรูปอยู่ที่หน้าต่างดังเดิม สายตาพลันมืดครึ้ม ดึงเจียน่าเข้าหาอ้อมกอด ฝ่ามือก็โอบไหล่ของเธอไว้

เขาก้มหน้าไปถามเจียน่าอย่างอ่อนโยน “ที่รัก คุณชอบที่นี่ไหมครับ”

เมื่อถูกมือที่เย็นเฉียบของเขาสัมผัสที่ไหล่ เจียน่าก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง

เธอไม่ได้โง่ รู้ด้วยว่าที่ลู่เหวินซูเดินไปหาตัวเองที่ห้องด้วยสีหน้ามืดครึ้ม และลากตัวเธอขึ้นมาที่นี่ ทั้งยังเอ่ยกับเธอเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้ ก็ทำเพื่อให้หลี่ซูเจ๋ดูทั้งนั้น

“ที่นี่แสงเข้าดีมากค่ะ ฉันต้องชอบมันอยู่แล้ว” เจียน่าพิงอ้อมกอดของเขา และเอ่ยเสียงแผ่ว “แต่คุณลู่ลืมไปหรือคะ ว่าคุณหลี่พักอยู่ที่นี่”

ลู่เหวินซูเหลือบสายตามองทางผู้หญิงที่อยู่ริมหน้าต่าง และจงใจพูดเสียงดัง “คุณคือที่รักของผม เพียงแค่คุณชอบ จะอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น”

เจียน่าทุบเขาหนึ่งที “คุณลู่อย่าทำแบบนี้สิคะ คุณหลี่ยังอยู่ที่นี่”

“อย่าทำแบบนี้หรือ” ลู่เหวินซูลูบผิวของเธอไปมา และหัวเราะเสียงทุ้ม “ที่รัก ตัวคุณหอมมาก จนทำให้ผมอยากจะทำเรื่องที่ไม่ดีเสียแล้วสิ”

“คุณลู่คะ...” เจียน่าอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเขา

แต่สายตาของลู่เหวินซูนั้นเหลือบมองไปอีกทาง เมื่อเห็นหลี่ซูเจ๋ยังคงสนใจรูปภาพดั่งเก่า ราวกับมองไม่เห็นตัวเองกับเจียน่า เขาก็ยิ่งเดือดจัด

เขาโยนเจียน่าและกดเธอลงกับเตียง ก่อนจะจูบเธออย่างดุเดือด

เจียน่าชะงัก หลังจากนั้นก็คล้องสองมือกับคอของชายหนุ่ม

ทั้งสองจูบกันอย่างร้อนแรงบนเตียง และมักจะหลุดคำที่ทำให้คนฟังหน้าแดงออกมาตลอดเวลา

“คุณลู่คะ เปลี่ยนที่กันเถอะ”

“คุณชอบที่นี่ใช่หรือ ที่นี่ไม่ดีรึ”

“แต่ว่าคุณหลี่ยังอยู่ที่นี่”

“แล้วเกี่ยวอะไรกันล่ะ เธอชอบก็ให้เธอมองไป”

“เกลียด”

“.....”

หลี่ซูเจ๋พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สนใจพวกเขา แต่พอได้ยินคำพูดพวกนั้นที่ลอยมา แขนของเธอก็เริ่มสั่นจนถือพู่กันเอาไว้ไม่ได้

เธอมองชายหญิงที่โรมรันกันอยู่บนเตียง แนบชิดกันจวนจะแทบเป็นร่างเดียว มันยิ่งทำให้เธอขยะแขยง

หลี่ซูเจ๋อดทนจนถึงขีดสุด สุดท้ายก็วางพู่กันลงและเลือกที่จะเดินออกไป

เธอคิดจะเปิดประตูเพื่อออกไป แต่เพราะเมื่อครู่เพิ่งจะพลิกคว่ำถาดสี มือจึงเปียกชื้น จนบิดปลดล็อกประตูไม่ได้ เธอโกรธจนเตะประตูอย่างแรงไปสองที นิ้วที่สั่นเทาต้องการจะยกเสื้อผ้าทาจับที่ลูกบิดประตู

ลู่เหวินซูกระชากแขนของเธอไว้อย่างรวดเร็ว “จะไปไหน”

“อย่ามาจับฉัน” หลี่ซูเจ๋กรีดร้อง สะบัดมือของเขาออก และรีบวิ่งไปเปิดประตู

ลู่เหวินซูดึงเธอไว้อีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ซูเจ๋ดิ้นรนราวกับแมว ทั้งยังข่วนเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย “คุณมันสกปรก คุณมันน่าขยะแขยง อย่ามาจับฉันนะ”

เธอได้กลิ่นน้ำหอมที่ฉุนกึกมาจากตัวของเขา มันเป็นกลิ่นเดียวกับที่ห้องรับแขก

ไม่ได้ต้องนึกสงสัย มาจากร่างของเจียน่าเป็นแน่

ทันใดนั้นหลี่ซูเจ๋ก็รู้สึกมวนท้อง เธอพิงตัวกับกำแพง พะอืดพะอมอยู่เพียงครู่ก็อาเจียนออกมา ยังไม่ทันจะได้หนีไปจากลู่เหวินซู ดวงตาพร่ามัว และเป็นลมล้มพับไปทันที

“ที่รัก คุณเป็นอะไร” ลู่เหวินซูรีบเข้าไปกอดร่างของหลี่ซูเจ๋เอาไว้

เขาที่เห็นเจียน่ายังนั่งอยู่ที่เตียง ใบหน้าพลันมืดครึ้ม และตวาดเธอ “ใครใช้ให้เธออยู่ที่นี่ ออกไปซะ”

เจียน่าที่โดนตวาดเช่นนั้น ก็กลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง และรีบวิ่งออกไปทันที

หลังจากที่ลู่เหวินซูวางเธอลงนอนที่เตียง ก็รีบโทรหาเย่นจิ่งเหนียนอย่างเร่งรีบ “ไอ้สาม รีบมาหาฉันเดี๋ยวนี้”

“เกิดอะไรขึ้นกับนาย”

“ไม่ใช่ฉัน เธอเป็นลม มือเท้าก็เย็นเฉียบเลย”

“เป็นลมก็เรียกหมอสิ เรียกฉันทำบ้าอะไร” เย่นจิ่งเหนียนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันเป็นนักวิจัย ไม่ใช่หมอ พวกนายอย่า...”

“มาภายในสิบนาทีเดี๋ยวนี้”

ไม่ปล่อยให้เย่นจิ่งเหนียนมีโอกาสได้พูด ลู่เหวินซูกล่าวจบก็วางสายทันที

ลู่เหวินซูนั่งอยู่ที่ข้างเตียง มองใบหน้าซีดเผือดของหลี่ซูเจ๋ อารมณ์โกรธภายในใจได้หายไปแล้ว เหลือเพียงความเสียใจเท่านั้น

เขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงนึกถึงท่าทางของเธอที่หวงแหนภาพนั้น และคิดถึงชายคนอื่น เขาก็ไม่สามารถข่มกลั้นความโกรธในใจไว้ได้ จึงเลือกที่จะเข้าใกล้ผู้หญิงคนอื่น เพื่อยั่วยุเธอ

สิบนาทีต่อมา เย่นจิ่งเหนียนก็มาถึง พร้อมพาหมอมาด้วยถึงคน

หลังจากที่ขึ้นมาและเจอกับลู่เหวินซู เย่นจิ่งเหนียนก็ด่าเขาอย่างไม่ไว้หน้าก่อนเป็นอย่างแรก “ฉันเป็นนักวิจัยเว้ย หากมีเรื่องอีกครั้งหน้าก็รบกวนตามหมอด้วย อย่าให้ฉันต้องขึ้นบัญชีดำนายเลย”

เขาเหลือบมองหลี่ซูเจ๋ที่นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว ท่าทางจะผ่านอะไรมาอย่างหนักหน่วง ก็กล่าวด้วยใบหน้านิ่ว “นายทำอะไรกับเธออีก ทำไมเหมือนเธอกำลังจะตายเลย”

“หุบปาก” ลู่เหวินซูจ้องเย่นจิ่งเหนียนอย่างดุดัน ก่อนจะให้หมอตรวจอาการหลี่ซูเจ๋

“เหอะ” เย่นจิ่งเหนียนแค่นหัวเราะเสียงเย็นชา

หากรู้ว่าลู่เหวินซูจะอารมณ์ร้ายแบบนี้ เขาจะไม่เป็นเพื่อน และไม่มาที่นี่เด็ดขาด

เมื่อเห็นหมอตรวจร่างกายหลี่ซูเจ๋ และยังทำท่าจะเลิกชุดนอนของเธอขึ้น

ลู่เหวินซูก็ร้อนรน และคว้าข้อมือของหมอทันที “ผมไม่ได้ตีเธอ คุณจะเปิดเสื้อของเธอดูอะไรกัน”

“เธอเหมือนจะท้องครับ” หมอเริ่มเจ็บข้อมือที่เขากำไว้ แต่ก็ยังคงกล่าวอย่างใจเย็น “แต่ว่าไม่ได้นำเครื่องทดสอบมาด้วย จึงไม่เหมาะที่จะเจาะเลือดเท่าไหร่ ผมจึงจะต้องใช้Uicเพื่อตรวจอาการของเธอ”

“อะ อะไรนะ” ลู่เหวินซูยื่นนิ่งอย่างมึนงง

“นี่คือเพื่อนของฉัน ของที่นำมามันสามารถใช้ได้แค่ที่ประเทศLHเท่านั้น นายคิดว่านี่คือหมอธรรมดาหรืออย่างไร” เย่นจิ่งเหนียนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ และดันลู่เหวินซูออกห่าง

เย่นจิ่งเหนียนหันไปกล่าวกับหมอ “อย่าไปสนมันเลย ตรวจต่อได้เลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน