รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 390

บทที่ 390 สงบสติอารมณ์แล้วลองทบทวนให้ดี

หมอพยักหน้า มือที่เลิกเสื้อของหลี่ซูเจ๋ขึ้นสั่นเทาเล็กน้อย ใช้Uicอันเล็กๆ เลื่อนไปมาบนผิวขาวของเธออย่างแผ่วเบา

เพียงชั่วครู่ หน้าจอเล็กของUicก็ปรากฏภาพภายในท้องขึ้นมาอย่างชัดเจน

หมอรีบถกเสื้อของหลี่ซูเจ๋ลงอย่างรวดเร็ว กลัวว่าหากนานไป ลู่เหวินซูอาจจะลงมือกับตนอีกก็เป็นได้ หลังจากนั้นก็ส่งUicให้เย่นจิ่งเหนียนดู “เธอท้องแล้ว แต่อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

เย่นจิ่งเหนียนกวาดสายตามอง หลังจากนั้นก็หันไปถามลู่เหวินซู “ประจำเดือนครั้งล่าสุดของเธอมาเมื่อไหร่”

“ฉันก็ไม่รู้ เหมือนว่าก่อนหน้านี้เธอทานข้าวน้อย ประจำเดือนเลยไม่มา” ลู่เหวินซูคิ้วขมวด แม้แต่ตอนนี้เขาก็ไม่อยากจะเชื่อ หลี่ซูเจ๋ท้องแล้ว แต่ในใจของเขานั้นกลับสับสน

โดยเฉพาะเมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของเธอ ร่างกายอ่อนแอถึงขนาดนี้ จะไปท้องได้อย่างไรกัน

ณ ตอนนี้ เขานึกเสียใจกับการกระทำในอดีตของตัวเองที่ทำกับหลี่ซูเจ๋

“ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับนายจริงๆ” เย่นจิ่งเหนียนได้แต่ส่ายหน้าและถอนหายใจ

ตามเวลาที่ลู่เหวินซูได้ใช้กับหลี่ซูเจ๋ครั้งที่แล้ว หมอก็ลองนับเวลาการตั้งครรภ์ของหลี่ซูเจ๋ ใบหน้าเผยแววเคร่งเครียด “เสียงหัวใจของตัวอ่อนนั้นโผล่มาเร็วเกินไป และ...”

ลู่เหวินซูกังวลขึ้นมาทันที “เธอมีปัญหาหรือ”

“เธอไม่เป็นอะไร แค่ขาดสารอาหารเท่านั้น” เย่นจิ่งเหนียนกล่าว และกล่าวเสริมจากคำพูดของหมอ “แต่หากไม่เจอตัวอ่อน นั่นก็ยุ่งยากแล้ว แสดงว่าเด็กมีปัญหา”

ในเรื่องนี้ลู่เหวินซูไม่เข้าใจนัก แต่เมื่อได้ยินเย่นจิ่งเหนียนบอกว่าลูกมีปัญหา เขาก็นึกเจ็บปวดใจทันที

เขากักขังหลี่ซูเจ๋ไว้ที่นี่เพื่อแก้แค้นเธอ แต่ไม่คิดว่าเธอจะท้องจริงๆ

เขาได้สูญเสียลูกไปแล้วสองคน และไม่ต้องการเห็นอะไรแบบนั้นอีกแล้ว

“ไอ้สาม ฉันรู้ว่านายกับเพื่อนนายนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ” ลู่เหวินซูตบบ่าของเขาและกล่าวด้วยความนับถือ “ช่วยฉันดูแลเธอและลูกด้วย”

เย่นจิ่งเหนียนปัดมือของเขาออก และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “บอกกับฉันไปก็เท่านั้น ฉันเป็นนักวิจัย ไม่ใช่หมอสูติ และหากในถุงตั้งครรภ์ไม่มีตัวอ่อน นั่นก็เท่ากับตายแล้ว”

“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้นะ” หมอเฉพาะทางกล่าวขึ้น “เพียงแค่มองไม่เห็นตัวอ่อนเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าไม่มี ต่อจากนี้หากดูแลเธอให้ดี ไปใช้เครื่อง B-ultrasound ที่โรงพยาบาลก็น่าจะหาเจอ”

ลู่เหวินซูหันมองหมอดังขวับ ท่าทางฟาดฟันได้หายไปสิ้นแล้ว “ต้องรบกวนคุณแล้ว อยากได้อะไรแค่เอ่ยปากมาได้เลย”

เย่นจิ่งเหนียนแสยะยิ้ม “เขาไม่ได้หน้าเลือดขนาดนั้นเว้ย”

แต่หลังจากนั้นเขาก็โดนเพื่อนหมอตัวดีตีแสกหน้าเข้าให้ “คุณลู่สบายใจได้ ให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะครับ ผมจะให้คนส่งยาที่ดีที่สุดให้ แล้วก็ ห้องปฏิบัติการของพวกเรายังขาดเงินลงทุนสำหรับการวิจัยยาตัวใหม่อีกมาก...”

ลู่เหวินซูกล่าว “ถึงตอนนั้นส่งเลขบัญชีมาให้ผม ผมจะใช้เงินส่วนตัวช่วยเหลือห้องปฏิบัติการของคุณเอง”

“ขอบคุณครับคุณลู่”

เย่นจิ่งเหนียน “.....”

หมอยังคงวุ่นกับการอุปกรณ์ เย่นจิ่งเหนียนและลู่เหวินซูจึงนำหน้าออกมาก่อนสองคน

เดินลงตึกพร้อมคุยกับเย่นจิ่งเหนียนไปพลาง “อีกสองวันฉันจะไปประเทศYเพื่อร่วมParty มีเรื่องอะไรก็ไปหาเหล่าพันเอาแล้วกัน ด้านนี้เขาเชี่ยวชาญมากกว่าฉัน”

“พี่รองให้นายไปหรือ” ทันใดนั้นสายตาของลู่เหวินซูก็ทอประกายมืดครึ้ม “ไปช่วยหลินเฉิงจี๋รึ”

เย่นจิ่งเหนียนถอนหายใจ “นายเองก็รู้ว่าพี่รองมีบัญชีแค้นกับจี้เจียจื้อ เขาไม่ชอบหลินเฉิงจี๋ก็จริง แต่ถ้าครั้งนี้หลินเฉิงจี๋แพ้ อเล็กซ์เลียร์ก็จะเป็นของจี้เจียจื้อ เครือข่ายมนุษย์ของจี้เจียจื้อก็กว้างขวางมากแล้ว หากให้เขาได้อำนาจมาในมือ มันก็ยากที่จะหยุดยั้งไม่ให้เขาเข้ามาในเอเชีย และการจัดการเขาก็จะยากยิ่งขึ้น”

“ไม่ใช่ว่ากวนชิงเฟิงไปแล้วหรอกรึ”

“เขาเก่งก็จริง แต่คนข้างกายของจี้เจียจื้อก็ดูเบาไม่ได้เช่นกัน” เย่นจิ่งเหนียนเองก็ปวดหัวมาก “ตอนพวกนายไปเที่ยวประเทศRด้วยกันไม่ใช่ว่ายังดีดีกันอยู่รึ ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ เฮ้อ”

ลู่เหวินซูแค่นเสียงในลำคอ “ต่อให้นายไปประเทศYก็คงไร้ประโยชน์”

เย่นจิ่งเหนียนรับรู้สิ่งผิดปกติได้ในทันที เอ่ยถามด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด “นายทำอะไร”

“ฉันอยู่ในประเทศไม่ได้ไปไหน จะทำอะไรได้กัน” ลู่เหวินซูกล่าวอย่างไม่แยแส ก่อนจะทิ้งห่างเย่นจิ่งเหนียน และลงตึกไปอย่างรวดเร็ว

เย่นจิ่งเหนียน “.....”

“คุณลู่คะ” เจียน่าที่นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก ก็เข้ามาถามอย่างห่วงใย “คุณหลี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”

ลู่เหวินซูหาได้สนใจเธอไม่

เจียน่ายิ้มเจื่อน และถอนเท้าห่างออกไปอย่างรู้ตัว

เย่นจิ่งเหนียนที่ผ่านมาเหลือบมองไปเห็นเธอ ก็นึกขึ้นได้ว่าในวิลล่านี้นอกจากหลี่ซูเจ๋ ก็ยังมีผู้หญิงอื่นอยู่ด้วย และนึกไปถึงนมที่นำไปตรวจตอนที่มาครั้งที่แล้ว

ลู่เหวินซูมาส่งเย่นจิ่งเหนียนถึงหน้าประตู หลังจากหมอที่เก็บอุปกรณ์เสร็จแล้วตามลงมา ก็มองพวกเขาขึ้นรถไป

หมอบอกกับลู่เหวินซูว่าจะมาตรวจอาการของหลี่ซูเจ๋อีกครั้งในหนึ่งอาทิตย์ให้หลัง

เย่นจิ่งเหนียนไม่ได้รีบร้อนขึ้นรถ และส่งรายงานฉบับหนึ่งให้กับลู่เหวินซู “นี่คือรายงานนมหลี่ซูเจ๋ดื่ม ครั้งที่แล้วที่ฉันมาฉันได้นำมันกลับไปตรวจด้วย”

“นมไม่สดหรือ” ลู่เหวินซูเอ่ยถาม และรับรายงานมาเปิดทันที

เมื่อเห็นคำว่า โพรเจสเทอโรน ใบหน้าเขาพลันมืดครึ้มทันที

เย่นจิ่งเหนียนที่รู้ว่าเขาได้อ่านแล้ว ก็เอ่ยขึ้น “เหมือนกับที่นายคิดไว้ ในนมนั้นใส่ยาคุมไว้ แต่นายขังเธอไว้ที่นี่ คนรับใช้เองก็เป็นคนของนาย เป็นไปไม่ได้ที่จะมีสิ่งนี้อยู่”

“ทุกครั้งที่ฉันมา ฉันเห็นได้เลยว่าสภาพของเธอแย่ทุกครั้ง ผอมจนเหลือแต่หนัง ทั้งนาย นายไม่ได้รู้สึกเลยหรือว่านายที่เปลี่ยนไปตอนนี้ สูญเสียสามัญสำนึกไปขนาดไหน”

เมื่อเห็นลู่เหวินซูก้มหน้าไม่พูดอะไร เย่นจิ่งเหนียนก็ตบบ่าของเขา “หากนายต้องการรักษาเธอและลูกไว้จริงๆ ก็สงบสติอารมณ์และลองทบทวนให้ดี มองผู้คนรอบตัวนายซะ”

กล่าวจบก็ขึ้นรถไปทันที

แม้ว่ารถจะออกไปไกลแล้ว แต่ลู่เหวินซูก็ยังยืนขยำรายงานอยู่ที่ตรงนั้น คำพูดของเย่นจิ่งเหนียนยังคงดังก้องอยู่ในหู จิตใจจึงได้ค่อยๆ สงบลง

เย่นจิ่งเหนียนพูดถูก ช่วงนี้เขาเปลี่ยนไปราวกับไม่เหมือนตัวเอง ถูกยั่วยุได้อย่างง่ายดาย

ถึงแม้คนรับใช้ที่ดูแลหลี่ซูเจ๋จะเป็นคนที่เขาเชิญมา แต่ทุกครั้งที่เขามาที่นี่ก็ไม่ได้อยู่เป็นเวลานานนัก และครั้งนี้ที่ห่างหายไปเป็นเดือน จึงไม่รู้เลยว่าหลี่ซูเจ๋ได้รับการดูแลเช่นไรบ้าง

ลู่เหวินซูก้มหน้าอ่านรายงานอีกครั้ง และเดินเข้าบ้านไปด้วยใบหน้าแข็งกร้าว

“เรียกคนรับใช้มาทั้งหมด ทั้งคนที่ลาพักด้วย” เมื่อเข้าไป ลู่เหวินซูสั่งกับหัวหน้าคนรับใช้ ดึงเก้าอี้มานั่ง และเอ่ยเสียงเย็นชา

เจียน่าที่เห็นสีหน้าของเขาเช่นนั้น ใจพลันเต้นระรัว ลอบคิดว่าไม่ใช่ว่าเขามองอะไรออกแล้วใช่ไหม

“คุณลู่คะ ดึกขนาดนี้แล้ว เรียกคนรับใช้มาทำไมหรือคะ” เจียน่าเดินไปข้างๆ เขา และเอ่ยถามอย่างสงสัย “รู้สึกว่าคนรับใช้ดูแลคุณหลี่ไม่ดีหรือคะ”

ลู่เหวินซูเหลือบมองเธอ และแสยะยิ้ม “ใช่ เธอผอมเกินไป ผมรู้สึกว่าพวกคนรับใช้ดูแลได้ไม่ดี ผมไม่ค่อยได้อยู่ที่นี่ แต่คุณอยู่ที่นี่ตลอด ไหนลองพูดมาสิ ว่าคนรับใช้ดูแลเธออย่างไรกัน”

“คน คนรับใช้ก็ดูแลคุณหลี่อย่างใส่ใจนะคะ” เจียน่าที่โดนเขาจ้องเช่นนั้นก็สันหลังวาบ และพยายามที่จะยิ้มไว้ “ทุกครั้งที่ถึงเวลาทานข้าว ก็ยกขึ้นไปให้คุณหลี่ก่อน โภชนาการครบถ้วนนะคะ ฉันว่าเป็นคุณหลี่เองมากกว่าที่ไม่อยากทาน ทุกครั้งที่คนรับใช้ลงมา ข้าวในชามเหลือเยอะมากค่ะ ใช่ไหมชิงเหอ”

กล่าวจบ เจียน่าก็หันไปมองคนรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างของห้องรับแขก

“ค่ะ คุณเจียน่าพูดไม่ผิดค่ะ” ชิงเหอตอบอย่างหลบหน้าหลบตา น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย “ทุกครั้งคุณหลี่จะบอกว่าไม่อยากทานค่ะ ทานไปได้นิดหน่อย ก็ไม่ทานต่อแล้วค่ะ...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน