บทที่393 คนที่รักตายไปแล้ว หัวใจก็ตายไปด้วย
สักพักนึงเขาจึงเปิดประตู
พอเข้าไปสายตาก็เห็นแสงไฟที่หลี่ซูเจ๋ใช้ไฟแช็คจุดของในมือ ไฟลุกขึ้นมาอย่างโชกโชน เขาตกใจจนต้องวิ่งเข้าไป
เขาปัดภาพวาดในมือของหล่อนออกแล้วรีบเอาเสื้อคลุมมาผิดไฟที่ลุกโชนอยู่นั่น ลู่เหวินซูถอนหายใจออกมา ใบหน้าเย็นชากำลังด่าหล่อนว่า“อยากตายหรือไง?”
หลี่ซูเจ๋ไม่มองเขา ได้แต่ก้มหน้าแล้วมองเสื้อตรงพื้น
“วันนั้นเขาเอาข้าวมาให้ฉัน ฉันคิดว่าหุ่นเขาดีจัง ให้เขามาเป็นนายแบบ ฉันไม่รู้ว่าทำไม วาดไปวาดมาก็กลายเป็นคนอื่น พอเขาดูก็ถามฉันว่าคือใคร”
ลู่เหวินซูคิดแปปนึงถึงรู้ว่าหล่อนพูดถึงเรื่องภาพที่วาดนั้น คล้ายว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง
“ฉันว่า ต้องเป็นผู้ชายที่ฉันเคยรัก”สายตาของหลี่ซูเจ๋ลอยๆไม่มีความสดใส น้ำเสียงก็นิ่งๆ“จากวันนี้เป็นต้นไปเขาตายแล้ว ฉันก็รักเขาไม่ได้แล้ว”
ลู่เหวินซูยืนอยู่ตรงนั้น ตัวแข็งไปทั้งตัว
หลี่ซูเจ๋สะบัดออก ดึงแขนออกจากมือเขาโดยไม่มองเขาสักนิดแล้วเดินไปที่เตียงพร้อมเปิดผ้าห่มออกแล้วถึงเอาตัวเองเข้าไปทำเหมือนว่าตั้งแต่ต้นจนจบที่นี่มีแค่หล่อน
ลู่เหวินซูที่ยืนอยู่นั่นก็ขยับนิ้วมือ เขาหยิบเสื้อขึ้นมาเปิดมาเห็นภาพวาดถูกเผาจนไหม้เกรียม
เขาใช้มือเช็ดจนสะอาด เห็นใบหน้าของชายคนนั้นที่ยังไม่ถูกเผา เห็นสายตาของชายคนนั้นที่ดูน่าหลงใหล มุมปากก็ยิ้มออกมาเบาๆ——ที่แท้ก็คือเขาเอง!
ตอนนี้ ในใจของลู่เหวินซูเจ็บปวดมาก นิ้วมือที่ลูบรูปวาดนั้นกำลังสั่น
ที่จริงหลี่ซูเจ๋ไม่เคยวาดรูปชายคนอื่น
คนที่รักคือเขา ภาพนั่นก็คือเขา
--
สองเดือนมานี้ ถังซินใช้อำนาจในมือบวกกับแรงค้ำจุนของตระกูลอเล็กซ์เลียร์เอารายชื่อนักการเมืองคนดัง一一พูดจาหว่านล้อมเพื่อคนๆเดียวที่ชื่อว่าแมกซี่
คนๆนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับผ้า ถึงจะสู้เหล่านักการเมืองไม่ได้แต่มีรายชื่ออยู่ยังไงก็สำคัญ
ครึ่งเดือนมานี้ถังซินติดต่อกับแมกซี่นับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่เอาสูตรผ้าที่ย้อมยากมาคุยเป็นข้อเสนอกับแมกซี่ ฝ่ายตรงข้ามก็ยังไม่สน
คุยจนช่วงสุดท้าย แมกซี่พูดอย่างคลุมเครือว่า“คุณถัง ผมอยากทำธุรกิจกับคุณแต่คงเป็นไปไม่ได้ ของที่ฝ่ายตรงข้ามให้มีราคาสูงกว่า”
“ฝ่ายตรงข้ามคือใครคะ?”
“ผมก็ไม่รู้ครับ เรื่องนี้คุณถังต้องไปสืบเอง”
หลังจากวางสาย ถังซินก็ขมวดคิ้ว
รายชื่อนักการเมืองคนดังสนับสนุนจี้เจียจื้อต่างก็รู้ว่าหลินเฉิงจี๋ได้รับความรักจากโบแนร์มากกว่า โอกาสที่จะชนะเยอะมาก ไม่งั้นหล่อนก็ไม่สามารถพูดจาโน้มน้าวพวกเขาได้ง่ายขนาดนั้น
นายทุนต่างเอาผลประโยชน์เป็นหลักใครเหนือกว่าก็สนับสนุนคนนั้น หลังจากนั้นก็รอโจมตี ไม่มีทางช่วยจี้เจียจื้อ ต่างอยู่ข้างหลินเฉิงจี๋
นอกจากจี้เจียจื้อ ยังมีใครไม่อยากให้หลินเฉิงจี๋ได้สืบทอดอีกล่ะ?
พอคิดเรื่องนี้ถังซินก็ปวดหัว ไม่ทันได้ยินเสียงเคาะประตูและก็ไม่ทันสังเกตว่าหลินเฉิงจี๋เข้ามาแล้ว พร้อมกับเอาซุปร้อนๆมาให้
“ซุปนกพิราบกำลังร้อนๆเลย”หลินเฉิงจี๋นั่งข้างหล่อนเห็นว่าสีหน้าหล่อนซีดๆก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง“แมกซี่ปฏิเสธเหรอ?”
“ใช่ไง”ถังซินโกรธอีกรอบ นิ้วเรียวๆนั่นถูตรงขมับ“เขาบอกฉันว่ามีคนซื้อเขาไปแล้ว ไม่ให้เขาเซ็นเอกสารและก็ไม่ยอมบอกว่าคือใคร”
หลินเฉิงจี๋พูดว่า“เขาไม่เซ็นก็ช่างเถอะ อย่าคิดมาก อารมณ์ไม่ดีจะมีผลต่อเด็กในท้องนะ”
ได้ยินดังนั้นถังซินก็ลูบท้อง
หล่อนท้องมาสามเดือนกว่าแล้ว และยังเป็นแฝดด้วย แต่ท้องก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย
ถ้าไม่ใช่ว่าทุกคืนแอบเอาเครื่องมาฟังหัวใจลูกเต้นแล้วเห็นว่าปกติดี หล่อนก็คงกังวล
ถังซินยกซุปขึ้นมาดื่มนิดๆแล้วพูดกับเขาว่า“เขาไม่เห็นด้วย พวกเรายังมีเรื่องอื่นต้องทำ บางครั้งเพื่อชัยชนะ วิธีสกปรกใช้ได้ก็ใช้”
“คุณคิดแบบนี้คือจะให้ผมไปสืบใช่ไหม?”หลินเฉิงจี๋ถาม
“ฉันอยากให้ปลอดภัยมากขึ้น ใครจะรู้ว่ามีคนไปซื้อเขาแล้ว”ครั้งนี้มันกระทันหันไปถังซินก็คิดไม่ถึง“เขาทำธุรกิจมาหลายปีแล้วไม่มีทางที่จะจับจุดอ่อนสักนิดไม่ได้”
หล่อนถามอีกครั้ง“ข้อมูลของแมกซี่หาหมดยัง?”
“จงเซิงกำลังจัดการ ตอนบ่ายจะส่งให้โทรศัพท์คุณ”หลินเฉิงจี๋เอามือไปบีบจมูกหล่อน“คุณนับวันยิ่งพูดดีไม่รู้จริงๆใครสอนคุณดีแบบนี้”
เขาพูดจบถึงคิดได้ว่าผิดไป สีหน้าเปลี่ยนหน่อยๆ
สายตาถังซินวิบวับหน่อยๆแปปนึงก็ยิ้ม“ติดต่อกับรัฐบาลพวกนี้ ความคิด รูปแบบการพูดยังไงก็ต้องเปลี่ยนคุณลืมแล้วเหรอว่าคนคือสัตว์ชั้นสูงนะ เรียนรู้อะไรก็ไว”
หลินเฉิงจี๋ยิ้มแบบฝืนๆ“อื้อ คุณพูดถูก”
“คุณเป็นไงบ้าง?”ถังซินเปลี่ยนเรื่องแล้วถามอย่างเป็นห่วง“หัวใจยังเจ็บอยู่ไหม?”
“เจ็บไม่บ่อยแล้วแล้วก็ไอไม่มีเลือดแล้ว”หลินเฉิงจี๋พูดอย่างนุ่มๆทุ้มๆว่า“หมอบอกว่าผมรักษาอารมณ์ให้ดี กินยาตรงเวลา สามารถอยู่ได้อีกครึ่งปี”
ถังซินเจ็บปวดจนดื่มซุปไม่ลง
หล่อนพูดเสียงทุ้มต่ำ“ขอโทษนะ ตอนแรกฉันระมัดระวังสักหน่อยจี้เจียจื้อก็คงทำไม่สำเร็จ ห้องแล็บนั่นก็คงไม่......”
“ไม่ใช่ความผิดคุณ ยินยิน”หลินเฉิงจี๋ลูบผมหล่อน“จี้เจียจื้อเป็นคนโหดเหี้ยม คุณไม่ใช่ว่าเพิ่งรู้ คุณจะระวังยังไงก็เลี่ยงไม่ได้”
ถังซินขยับปากอยากพูดอะไรออกมาอีก แต่เขาปิดปากไว้แล้วส่ายหัว“ยินยินอย่าโทษตัวเองเลย มีคุณอยู่ข้างๆ แม้จะแค่หนึ่งปีผมก็พอใจแล้ว”
“แต่ฉันอยากให้คุณอยู่นานกว่านี้”ถังซินเบ้าตาสั่น
หล่อนตัดสินใจมาประเทศYกับเขาเพื่ออยากมาจัดการจี้เจียจื้อ ล้างแค้นแทนจู่ซือซือ ก็ห่วงเขาไม่อยากให้เขาจากไปไว
แต่หล่อนหาทางช่วยไม่ได้แล้ว
“อย่าร้องอย่าร้อง”เห็นหล่อนจู่ๆน้ำตาไหล หลินเฉิงจี๋ก็เจ็บปวดขึ้นมา“ถ้าลูกร้องไห้ด้วยแล้วจะทำยังไง?ไม่ใช่ว่ายังเหลืออีกครึ่งปีเหรอ บางทีถึงตอนนั้นอาจจะมีความหวังนะ”
ทันใดนั้นถังซินก็ตกใจจับท้องไว้“เหมือนลูกจะถีบฉันแหละ”
“จริงเหรอ?”หลินเฉิงจี๋ลูบท้องอย่างระมัดระวัง ท้องแบนจังเขาอดห่วงไม่ได้“สามเดือนกว่าแล้ว ทำไมไม่มีไรเลย?”
ถังซินยิ้มและพูดว่า“ไม่เป็นไร ทุกคืนฉันฟังเสียงหัวใจพวกเขา ปกติดี พวกเขาอาจจะกินอาหารช้าไปหน่อย ถึงโตช้า เดือนเจ็ดเดือนแปดท้องน่าจะโตขึ้น”
หลินเฉิงจี๋ฟังแล้วก็งงๆ“คุณเคยท้องเหรอ ถึงรู้ดี?”
“ถามที่เว็บ”
“ไม่ได้ ถึงตอนนั้นก็ต้องไปเช็คที่โรงพยาบาล ปลอดภัยนิดนึง”หลินเฉิงจี๋พูดพร้อมกับมองไปที่ท้องหล่อน
เขาลังเลแปปนึงแล้วเงยหน้าถามถังซิน“ผมฟังเสียงหัวใจพวกเขาได้ไหม?”
เขาถามอย่างระวังตัวทำให้ถังซินใจอ่อน แปปนึงกลับปฏิเสธอย่างใจร้ายว่า“ฉันง่วงแล้ว อยากนอนกลางวัน คุณมีเรื่องต้องไปจัดการไม่ใช่เหรอ?”
สายตาหลินเฉิงจี๋ผิดหวังหน่อยๆแล้วก็ยิ้มออกมา“งั้นคุณพักผ่อนเยอะๆ ผมไปละ”
“อื้ม”
พอเขาออกไปถังซินก็มองท้องแต่ไม่ได้ลูบอีกรอบ กลัวว่าลูบบ่อยๆทำให้รกพันคอ
หล่อนรู้ว่าหลินเฉิงจี๋อยากเลี้ยงหล่อนกับลูก แต่หล่อนแค่อยากช่วยให้เขาอาการดีขึ้น แข็งแรง มีชีวิตของตัวเองไม่เอาหล่อนมาเป็นทั้งหมดของชีวิต
นี่เป็นลูกของหล่อนกับมู่เฉินหย่วนถึงแม้เขาทั้งสองจะทะเลาะกันหนัก เขาก็มีสิทธิ์ที่จะรู้
รอเขาบอกว่าไม่ต้องการลูก หล่อนค่อยเลี้ยงเอง
สองเดือนนี้ถังซินยุ่งมาก ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น แต่พอตอนนี้คิดถึงเขาขึ้นมาในใจก็เจ็บ
เขาเป็นไงบ้างนะ?
หรือหาแฟนใหม่แล้ว เอาแมวหล่อนทิ้งไปแล้ว?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน