บทที่ 82 นี่มันประเมินค่าไม่ได้เลยนะ
“เพราะมีเพียงเวลาที่ผมทำงานเท่านั้น ผมถึงรู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่”
เขาพูดเสียงเบามาก ไม่มีเสียงออกมาเลย หูของถังซินได้ยินแต่เสียงกรอบแกรบของใบไม้ ฟังประโยคนั้นที่พูดออกมาไม่ออกก็เลยถามออกไป “ประธานมู่ คุณพูดว่าไงนะคะ”
เธออยากจะเดินหน้าไปใกล้ ๆ เพื่อฟังสักหน่อยแต่เท้ากลับสะดุดเถาวัลย์ ขณะที่หัวจะไปชนเอาหลังของมู่เฉินหย่วน
ราวกับว่ามู่เฉินหย่วนมีประสาทสัมผัสไวจึงหันตัวจับมือเธอเอาไว้แน่นอย่างรวดเร็ว
“คุณถัง เส้นทางนี้เดินลำบากนะ” มู่เฉินหย่วนรู้สึกจนใจนิด ๆ บางครั้งเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ฉลาดมาก บางครั้งก็รู้สึกว่าเธอโง่มาก แม้แต่เดินบนถนนก็ยังเดินไม่ดีเลย
มือของชายหนุ่มเปลี่ยนไปจับข้อมือของเธอแทน อีกทั้งตัดกิ่งไม้ทั้งสองด้านไปด้วย เดินไปข้างหน้าไปด้วย
ถังซินมองข้อมือที่ถูกเขาจับอยู่แล้วจู่ ๆ ใจก็เต้นขึ้นมา หูก็แดงก่ำ
ผ่านไปสิบนาทีในที่สุดทั้งสองคนก็เดินออกมาได้จนเห็นกลุ่มอาคารที่ล้อมรอบอยู่ซึ่งมีลักษณะรูปทรงโบราณเรียบง่ายแค่แข็งแรง รอบ ๆ มีผักนานาชนิดปลูกอยู่ มีชีวิตชีวามาก
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” ถังซินตะโกนเรียกมู่เฉินหย่วนเอาไว้ จากนั้นควักดินโคลนที่พื้นขึ้นมาทาที่หน้าที่แขนแล้วก็ทาให้เขาด้วย มู่เฉินหย่วนขมวดคิ้วแน่น
ถังซินพูด “พวกเราเข้าไปแบบนี้ก็ไม่ดี ต้องทำเป็นหลงทางค่ะ”
“...”
“ประธานมู่คะ มีคนมาค่ะ” เห็นคนมีคนออกมาพร้อมกับจอบ ดูเหมือนว่าจะไปทำทำฟาร์ม เธอพูดกับมู่เฉินหย่วนหนึ่งประโยค “ทำตามสถานการณ์ไปค่ะ” คลานไปบนพื้นอย่างระมัดระวังแกล้งทำเป็นเป็นลม
“...”
พอเห็นมีผู้ชายกำลังเดินมาทางนี้ มู่เฉินหย่วนรีบย่องต่อไปแล้วกอดถังซินเอาไว้ ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยโคลนราวกับกำลังหนีภัยอยู่ ภายใต้ดวงตาของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้หาประสบการณ์เพิ่มให้เขาอีกแล้ว
ไม่นานผู้ชายก็วิ่งมา เดิมที่เขาระวังตัวมาก พอเห็นท่าทางของมู่เฉินหย่วนกับถังซินดูกำลังตกที่นั่งลำบากอยู่ เราก็เลิกระวังตัว แล้วก็ตะโกนอะไรก็ไม่รู้
มู่เฉินหย่วนฟังไม่ออก แต่เห็นผู้ชายชี้ไปที่หมู่บ้านก็เลยพยักหน้าแล้วอุ้มถังซินอย่างอ่อนโยนตามผู้ชายเข้าไปในหมู่บ้านแล้วเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง
ไม่นานนักก็มีผู้หญิงที่มีผ้าโพกหัวเข้ามา ในมือถือน้ำมาด้วยหนึ่งชาม
น้ำในชามใสจนเห็นก้นชามเหมือนกับน้ำในลำธารที่เย็นชุ่มคอ
มู่เฉินหย่วนรับชามมา แกล้งทำเป็นว่าตัวเองหิวน้ำเลยดื่มน้ำไปก่อน พอแน่ใจว่าไม่มีอะไรแล้วถึงป้อนให้ถังซิน
ถังซินอ้าปากดื่มน้ำไปสองอึก จากนั้นก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ
“โอ้ว พระเจ้า นี่พวกเรายังไม่ตายเหรอเนี่ย” ถังซินพูดด้วยความดีใจจนน้ำตาไหลออกมาแล้วโผเข้ากอดมู่เฉินหย่วน
“...” มู่เฉินหย่วนคิ้วกระตุก ๆ
แสดงละครเก่งกว่าจู่ซือซืออีก เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้แสดงละครเก่งมาก
ถังซินก็ไม่ได้กอดนาน ไม่นานก็ผละออกจากอ้อมกอดของมู่เฉินหย่วน เธอเช็ด ๆ น้ำตาเหมือนกับเพิ่งเห็นผู้หญิงแล้วถามเธอเป็นภาษาอังเกอร์ด้วยความอยากรู้ “ขอโทษนะคะ ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ”
“คุณ คุณพูดภาษาของพวกเราได้ด้วยเหรอ” ผู้หญิงมองถังซินอย่างอึ้ง ๆ และรู้สึกตื่นเต้นนิด ๆ ด้วย “ฉันคิดว่าจะมีแต่คนในหมู่บ้านของพวกเราที่พูดภาษานี้ได้เสียอีก”
เพราะว่าภาษาอังเกอร์ได้หายสาบสูญไปแล้ว อีกทั้งเพราะพวกเขาก็ฟังภาษาของคนภายนอกไม่ออกและล่าสัตว์ดำรงชีพมาตลอดด้วย
ถังซินพูด “ปู่ของฉันสอนมาค่ะ เขาเติบโตมาจากทางเหนือ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ไม่มีวันลืมบ้านเกิด น่าเสียดายที่...คุณปู่ท่านจากไปเร็วเสียก่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน
สนุกมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่มีนิยายสนุกๆ ได้อ่าน...
สนุกมากๆๆๆ...