กัญณิศาก็รู้สึกว่าไม่ต้องให้ประยสย์ไปส่งเธอด้วยตัวเองเช่นกัน
หลังจากที่เทวิกาส่งสายตาให้แม่แล้ว คงไม่ดีที่จะบังคับ กลัวว่าถ้าบังคับ จะทำลายความประทับใจที่พี่ชายมีต่อณิศา
จึงทำได้เพียงให้บอดี้การ์ดช่วยส่งของที่กัญณิศาซื้อกลับไปที่ตระกูลนนท์สัจทัศน์
ภายนอกของคฤหัสน์ตระกูลนนท์สัจทัศน์ดูเก่ามาก นั่นเป็นบ้านที่ท่านกรรณสร้างขึ้นตอนหนุ่มๆ อาศัยกันมาสามรุ่นแล้ว ไม่เคยปรับปรุงใหม่ ดังนั้นจึงดูเก่ามาก
เมื่อก่อน ตอนที่พวกกิติยาสองพี่น้องยังเด็ก ตระกูลนนท์สัจทัศน์ก็ตกอยู่ในสภาพที่ต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลว สองพี่น้องจึงไม่มีความคิด และไม่มีความสามารถพอที่จะปรับปรุงบ้าน
รอจนกระทั่งกิติยาทำให้บริษัทมั่นคงได้ ธุรกิจของตระกูลนนท์สัจทัศน์ค่อยๆฟื้นตัว ก้าวผ่านความเสี่ยง หลังจากที่สองพี่น้องปรึกษากัน จึงยังคงรักษาสภาพปัจจุบันของบ้านเอาไว้
เพราะ ด้านในนี้มีความทรงจำอยู่มากมาย
ช่วงสุดสัปดาห์ กิติยาก็ยุ่งมากเช่นกัน แต่ยังได้กลับบ้านเร็วกว่าปกตินิดหน่อย
ตอนที่บอดี้การ์ดของตระกูลสาระทาส่งกัญณิศากลับมา กิติยารออยู่ในบ้านอยู่แล้ว
“กลับไปขอบคุณคุณน้า คุณชายประยสย์และวิกาแทนฉันด้วยนะคะ”
กัญณิศากล่าวขอบคุณบอดี้การ์ดของตระกูลสาระทา
บอดี้การ์ดของตระกูลสาระทาพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร หลังจากที่คนรับใช้ของตระกูลนนท์สัจทัศน์ช่วยย้ายของๆกัญณิศาเข้าไป พวกเขาถึงได้ขับรถกลับ
“นั่นบอดี้การ์ดของตระกูลไหน? ตระกูลอริยชัยกุลเหรอ?”
กิติยาถามน้องสาว แล้วพูดต่อ: “แกซื้ออะไรมานักหนา ถึงได้ยัดเข้ารถแกไม่หมด”
“นั่นบอดี้การ์ดข้างกายคุณชายตระกูลสาระทาในเมืองซูเพร่า น้อยครั้งที่จะมีเวลาไปชอปปิง วันนี้ชอบใจอะไรก็เลยซื้อกลับมา พี่ ถือว่าฉันได้สัมผัสความรู้สึกที่ได้จ่ายเงินราวกับน้ำไหลแล้วนะ”
สถานการณ์ของตระกูลนนท์สัจทัศน์ ทำให้พวกกิติยาสองพี่น้องได้เรียนรู้ถึงการประหยัด แม้ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลนนท์สัจทัศน์จะดีขึ้น กัญณิศาก็หาเงินเองได้มากมาย แต่เธอยังคงรักษานิสัยมัธยัสถ์นี้เอาไว้ วันนี้ได้ไปเดินซื้อของกับพวกวิกา เห็นคุณน้าณินซื้อของ ไม่ว่าจะแพงขนาดไหน ก็จ่ายเงินราวกับน้ำไหล โดยที่ตาไม่กระพริบด้วยซ้ำ
ส่วนเธอก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จึงรูดบัตรรูดบัตรรูดๆๆตามไปด้วย
กิติยาเผชิญหน้ากับน้องสาวก็เหมือนที่ประยสย์เผชิญหน้ากับเทวิกานั่นแหละ อ่อนโยนเป็นพิเศษ
เธอยิ้ม: “แกชอบ ก็ซื้อกลับมาเถอะ ตอนนี้เราไม่ได้ขัดสนเงินเล็กน้อยนั่นแล้ว”
สองพี่น้องเดินกลับมาที่ห้อง
“บอดี้การ์ดของคุณชายตระกูลสาระทาตามมาด้วยเหรอ?”
“วิกาเรียกพี่ชายเธอมาช่วยถือของน่ะ”
กิติยาอ้อออกมา
พ่อแม่แท้ๆของเทวิกาคือสองสามีภรรยาผู้นำตระกูลสาระทาของเมืองซูเพร่า เรื่องนี้ คนทั้งเมืองแอคเซสซ์รู้กันทั้งนั้น
“สนุกไหม?”
“สนุกมาก พี่ คราวหน้าพี่ออกไปชอปปิง ก็นัดพี่ชเนนทร์มา ให้เขาช่วยพี่ถือของสิ”
คำพูดนี้ของกัญณิศาปะปนไปด้วยความหยอกเย้า
กิติยาจึงพูดออกไปโดยสัญชาตญาณ: “พี่ถือเองได้ ไม่ต้องให้เขาช่วยหรอก”
จู่ๆณิศาก็นึกถึงสภาพของประยสย์ที่ถือถุงเล็กๆใหญ่ๆเต็มสองมือ เดินตามหลังพวกเธอต้อยๆ จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หัวเราะไปพูดกับพี่สาวไปด้วย: “พี่ ไม่เห็นสภาพหมดอาลัยตายอยากของคุณชายตระกูลสาระทาที่หิ้วของอยู่ข้างหลังพวกฉัน ฉันขำจะแย่”
“ฉันคิดว่า เขาอายุขนาดนี้ คงไม่เคยทำเรื่องประเภทนี้แน่ๆ คงมีคุณน้าณินกับวิกานี่แหละที่สามารถกดขี่เขาเป็นทาสได้”
“ฉันจึงได้อาศัยใบบุญไปด้วย ได้ใช้สอยคุณชายตระกูลสาระทานิดหน่อย”
กิติยาเอียงหัวมองน้องสาว ยิ้ม: “ความประทับใจที่แกมีต่อคุณชายตระกูลสาระทาไม่เลวเลยนะ”
“ก็โอเค พี่ชายของวิกาไม่เลวจริงๆ”
คำพูดของณิศาตีความได้สองความหมาย
กิติยาจึงนึกถึงชเนนทร์ พยักหน้าอย่างลำบากใจ พูดขึ้น: “แกเป็นคนมีวาสนาไง”
สองพี่น้องทางฝั่งตระกูลนนท์สัจทัศน์กำลังพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ส่วนทางฝั่งประยสย์ในที่สุดก็ส่งแม่กับน้องสาวกลับไปถึงคฤหัสน์เมเปิลสักที แค่กลับไปถึงคฤหัสน์ เขาก็แอบหนีไปเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน