ไซม่อนถูกคำพูดนั้นยั่วยุจนโกรธมาก ทำให้พูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน: “เลี้ยงหมาเวลาเห็นฉันยังรู้จักกระดิกหางให้ เลี้ยงลูกชายมีแต่ยั่วโมโหฉันให้กระอักเลือดตาย เป็นเพราะฉันไม่มีลูกชายคนที่สอง ไม่งั้นเปลี่ยนแกไปนานแล้ว ไม่ให้แกมาทำตัวจองหองแบบนี้หรอก!”
คำพูดนี้เขาพูดให้พสธรฟัง
พสธรรีบปลอบใจเขาขึ้นมาว่า: “ไซม่อน คุณอย่าโกรธไปเลย ลูกชายของคุณถึงแม้จะยั่วโมโหคุณจนอยากกระอักเลือดตาย แต่อย่างน้อยก็ยังแบ่งเบาเรื่องในบริษัทให้คุณได้บ้าง ลูกชายผมสิวันๆ เอาแต่เที่ยวๆ กินๆ ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย ผมคาดหวังอะไรกับเขาไม่ได้เลย”
“มีแต่คนเขาพูดกันว่าเลี้ยงลูกไว้พึ่งพายามแก่ ผมเลี้ยงลูกเหมือนเลี้ยงบรรพบุรุษไว้ สักวันหนึ่ง ถ้าผมล้มป่วย ไม่แน่ลูกชายผมอาจถอดสายออกซิเจนผมออกก็ได้ พึ่งพายามแก่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
“ใช่เลย ตอนนี้เลี้ยงลูกเหมือนเลี้ยงบรรพบุรุษ อย่าไปคาดหวังว่าจะพึ่งพาได้ตอนแก่ ไม่มายั่วโมโหจนทำให้กระอักเลือดตายก็ถือว่าดีมากแล้ว”
คุณพ่อทั้งสองกำลังบ่นลูกชายของกันและกันอยู่
พสธรรู้สึกว่าลูกชายและลูกสาวของไซม่อนดีกว่าลูกชายและลูกสาวของเขาเยอะเลย
ไม่พูดถึงประยสย์ พูดถึงเทวิกาที่เพิ่งกลับมาก็พอ เทวิกาได้แต่งงานกับเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองแอคเซสซ์และกลายเป็นคุณหญิงไปแล้ว แล้วลูกสาวเขาหล่ะ?ตอนนี้ไซม่อนไม่ทางแต่งงานกับลูกสาวของเขาอีกเป็นอันขาด ให้ลูกสาวแต่งงานกับชลเหรอ อย่าว่าแต่ลูกสาวเขาไม่ยอมเลย แม้แต่เขาก็ไม่ยินยอมเลย
ลูกสาวเขาที่ยังสาวยังสวยถูกไอ้แก่ชลรังแก พสธรอยากหั่นชลให้ละเอียดเป็นชิ้นๆ แต่ที่ทำให้เขาโกรธยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นความผิดของลูกสาว และข่าวก็กระจายไปทั่วจนทุกคนรู้กันหมด ทำให้เขาที่อยากฆ่าชลให้ตายก็ไม่สามารถทำได้
หลังจากที่ประยสน์กลับไปถึงออฟฟิศรองประธานห้องทำงานของเขาแล้ว ก็ได้รับผลสรุปที่ไปตรวจสอบเด็กคนนั้นจากลูกน้องของเขา
“ไม่ใช่คนเมืองซูเพร่า?ตรวจสอบอะไรไม่เจอเลย?”
หลังจากที่ประยสย์ได้รับผลตรวจสอบมาแล้ว หัวสมองว่างเปล่าไปหมด จนทำให้เขาต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน
เด็กน้อยที่ยังเดินไม่ได้ ไม่สามารถโผล่ออกมาจากอากาศและปรากฏตัวอยู่บนถนนที่เข้าออกเพียงเส้นทางเดียวของตระกูลสาระทาได้ เป็นไปไม่ได้ที่ตรวจสอบอะไรไม่เจอหรือร่องรอยถูกคนเจตนาลบทิ้ง?
“ถ้าฝั่งของพสธรมีความเคลื่อนไหวอะไรไหม?”
ประยสย์สงสัยว่าเรื่องนี้พสธรเป็นคนทำ
ลูกน้องตอบออกมาว่า: “ตามรูปถ่ายที่คุณชายให้มา ผลสรุปที่ตรวจสอบมาได้คือทางฝั่งของตระกูลเลิศธนโยธา ก็ไม่เคยเห็นหน้าเด็กคนนี้มาก่อนเช่นกัน”
“เมืองซูเพร่าตรวจสอบไม่เจอ ก็ขยายวงกว้างไปตรวจสอบที่อื่นดู เรื่องนี้แฝงไปด้วยความแปลกประหลาดหลายอย่าง ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนให้ได้”
ลูกน้องตอบรับออกมาอย่างเคารพ
นั่งลงบนเก้าอี้หมุนสีดำ ประยสย์จ้องมองผลสรุปที่ว่างเปล่าได้สักพัก ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาน้องสาว หลังจากเทวิการับโทรศัพท์ขึ้นมาแล้ว เขาพูดขอโทษน้องสาวออกมาว่า: “วิกา พี่ช่วยอะไรเธอไม่ได้ ตรวจสอบไม่เจอว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของบ้านไหน พี่ให้ลูกน้องไปตรวจสอบดูแล้ว ตรวจสอบอะไรไม่เจอเลย ”
“เด็กคนนั้นปรากฏตัวอยู่บนถนนได้ยังไง?บนถนนไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเหรอ?ลองตรวจสอบกล้องวงจรปิดถนนเส้นนั้นดู”
เทวิกาพูดแนะนำพี่ชายออกมา
“เดี๋ยวพี่จะให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดถนนเส้นนั้นดู”
ถนนเส้นนั้นเป็นทางผ่านเข้าไปคฤหาสน์ของตระกูลสาระทา และเป็นถนนที่ตระกูลสาระทาเป็นคนออกเงินสร้างเอง ทุกระยะเส้นทางจะติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ ถ้าไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดคงตรวจเจออะไรบ้าง อย่างน้อยก็สามารถตรวจเจอว่าใครเป็นคนเอาเด็กไปทิ้ง
“วิกา เดี๋ยวให้คำตอบเธอ”
ประยสย์พูดคำนี้จบ ก็วางสายลง แล้วสั่งให้ลูกน้องไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดถนนเส้นนั้น
เมื่อไปตรวจสอบก็ตรวจสอบเจอจริงๆ
สิบนาทีก่อนที่รถของเทวิกาและพวกจะขับผ่าน มีรถสีดำที่ถอดป้ายทะเบียนออกแล้วจอดอยู่ข้างถนน ผ่านไปสักพักประตูรถถูกเปิดออก มีหญิงสาวคนหนึ่งผมเผ้ายุ่งเหยิง อุ้มเด็กลงมาจากรถอย่างยากลำบาก โดยหันหลังให้กล้องวงจรปิด แล้ววางเด็กไว้ข้างถนน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน