นับหนึ่งยื่นมือเปิดประตูแล้วเดินออกจากห้อง แววตาดูลอยๆเหมือนคนไร้วิญญาณความรู้สึก เดินไปยังลานจอดรถโดยไม่พูดไม่จาอีก
คนขับรถหนุ่มเห็นเธอแล้วรู้สึกสงสารจับใจ เป็นครั้งแรกที่เห็นผู้หญิงออกมาจากห้องเจ้านายในสภาพไร้วิญญาณเช่นนี้ จนเขาเริ่มสงสัยในสิ่งที่เธอบอกก่อนหน้า
[ หรือว่า เธอจะไม่ใช่อิงฟ้าจริงๆ ]
แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร แค่รู้ว่าเจ้านายพอใจในตัวหญิงสาวมันก็พอแล้ว
เพราะหน้าที่เขาคือ รับส่งและดูแลผู้หญิงของเจ้านายให้ดี หากอยากทำงานโดยไร้ปัญหา เรื่องอื่นเขาไม่ควรเข้าไปยุ่ง
เขาเดินไปเปิดประตูรถให้นับหนึ่ง พอเธอขึ้นไปในรถแล้ว เขาก็กลับขึ้นไปนั่งในที่คนขับแล้วขับรถออกไป
นับหนึ่งนั่งเหม่อลอย ร้องให้น้ำตาไหลไม่หยุดแต่กลับไม่มีเสียงสะอื้นเลยแม้แต่น้อย
สถานการณ์บีบบังคับให้เธอกลายเป็นคนร้ายกาจ เลือดเย็น ไร้หัวใจ
หากแม้มีโอกาสเพียงน้อยนิด เธอก็จะแก้แค้นผู้ชายคนนี้ ทำให้เขาตกนรกทั้งเป็นพร้อมๆกับแม่เลี้ยงเธอ
ทั้งที่เธอขอร้องอ้อนวอนขอให้เขาปล่อย ขอให้เขาตรวจสอบ ขอให้เขาเห็นใจ
แต่เขากลับไม่ฟังเลย แถมยังขืนใจเธออย่างป่าเถื่อน พูดจาหยาบคาย ไม่ให้เกียรติ ปฏิบัติเหมือนเธอเป็นเครื่องระบายความใคร่ที่ไร้ความรู้สึก
นำพาความอัปยศอดสูมาสู่ชีวิตของเธอ เธอเกลียดพ่อ แค้นแม่เลี้ยง แค้นคนที่ข่มขืนเธอ เกลียดอิงฟ้าที่สมรู้ร่วมคิด
เธอรู้สึกสิ้นหวังและท้อแท้ที่จะมีชีวิตต่อ มีชีวิตอยู่ไปก็ต้องถูกส่งมาอีก สู้ใครก็ไม่ได้ เธอเหนื่อยมากเหลือเกิน
คนขับรถแอบมองเธอผ่านกระจกหลังเป็นพักๆ ในใจรู้สึกสงสารแต่ทำอะไรไม่ได้
นับหนึ่งเหลือบไปมองหน้าเขาผ่านกระจกหลังแล้วเอ่ย
" พาฉันไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ในห้างหน่อย "
เธอเอ่ยเสียงเรียบในน้ำเสียงและแววตาเจือไปด้วยความสิ้นหวัง
" ได้ครับ "
คนขับรถตอบรับคำแล้วก็ขับไปส่งเธอที่ห้าง พอถึงห้างนับหนึ่งจึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
" คุณไปลงไปซื้อให้ฉันหน่อย "
คนขับรถจะปฏิเสธแต่เห็นสภาพนับหนึ่งแล้วก็ได้แต่กลืนคำปฏิเสธลงคอไป
จากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินเข้าห้างไปโดยไม่ได้ถามว่าเธอจะเอาชุดอะไร ไซซ์ไหน
หลังจากคนขับรถเข้าไปในห้าง นับหนึ่งก็เปิดประตูลงจากรถ
แล้ววิ่งไปหาตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่อยู่ใกล้แถวนั้นเพื่อขอความเชื่อเหลือ
" คุณตำรวจช่วยหนูด้วยค่ะ หนูถูกแม่เลี้ยงส่งไปขายตัว แม่เลี้ยงหนูเป็นพวกค้ามนุษย์ คุณตำรวจช่วยหนูหน่อยนะคะ หนูขอร้อง หนูไม่อยากกลับไปบ้านแล้ว "
ด้วยสภาพที่ดูไม่เรียบร้อย เสื้อผ้าก็ฉีกขาด ปกปิดเฉพาะหน้าอก
ทำให้ตำรวจนึกว่าเธอเป็นหญิงเสียสติ แต่ก็ไม่ได้นิ่งดูดายหรือเมินเฉยต่อเธอ
" แล้วแม่เลี้ยงหนูอยู่ไหนล่ะ หนูมีหลักฐานมั้ย ว่าแม่เลี้ยงเป็นพวกค้ามนุษย์ "
เมื่อตำรวจถามถึงหลักฐาน เธอก็นิ่งเงียบไป จะเอาหลักฐานจากที่ไหนล่ะ ในเมื่อเธอไม่มีเครื่องมือเก็บหลักฐานเลย พอเธอเงียบไป ตำรวจก็เอ่ยว่า
" หนูจะแจ้งความเอาผิดมันต้องมีหลักฐานด้วยนะ ไม่งั้นเราอาจจะโดนฟ้องกลับในข้อหาแจ้งความเท็จได้ "
" แต่หนูพูดเรื่องจริงนะคะ หนูถูกส่งไปขายตัวจริงๆ ดูเสื้อผ้าหนูสิ ในร่างกายหนูสามารถตรวจหาDNAของคนที่ข่มขืนหนูได้ ได้โปรดช่วยหนูหน่อยนะคะ "
คนขับรถมาตามนับหนึ่งถึงสถานนีตำรวจ เพราะรู้ว่าคนฉลาดแบบเธอจะต้องมาที่นี่แน่ๆ
แต่เมื่อเห็นเธอมาขอแจ้งความเขาเลยเดินเข้าไปยืนหลังเธอแล้วเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งเฉย
" นึกว่าหายไปไหน มาหลบอยู่นี่นี่เอง เรานี่นะ ดื้อจริงๆเลย ป่ะ กลับบ้าน อย่าก่อความวุ่นวายให้คุณตำรวจเขาเลย "
จากนั้นเขาก็หันไปยิ้มให้ตำรวจด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูเกรงใจ
" ขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้ดูแลน้องสาวให้ดี ปล่อยให้มาวุ่นวายถึงนี่
พอดีเธอไม่ค่อยสบายน่ะครับ ทะเลาะกับแม่แล้วหนีออกมา
ตอนนี้ทุกคนกำลังตามหากันจ้าละหวั่นเลย ขอโทษจริงๆครับ "
" อ๋อ ไม่เป็นไรครับ "
ตำรวจเอ่ยตอบเสียงเรียบอย่างไม่สงสัยอะไร
คำพูดของคนขับรถกำลังสื่อให้คนอื่นมองว่านับหนึ่งป่วยทางจิต ทำให้นับหนึ่งโกรธมากเธอจึงรีบเอ่ยอธิบายด้วยสีหน้าอ้อนวอน
" เขาจงใจทำให้หนูถูกมองว่าเป็นคนป่วย คุณตำรวจต้องเชื่อหนูนะคะ หนูไม่ได้บ้า ไม่ได้ป่วยจริงๆ ช่วยหนูด้วยค่ะ หนูขอร้อง "
" หนูเรื่องภายในครอบครัวอย่าให้คนนอกเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลยนะครับ "
ตำรวจไม่ได้เชื่อคำพูดของนับหนึ่งเลย นั่นทำให้นับหนึ่งรู้สึกสิ้นหวังและเสียใจมากๆที่คำพูดตัวเองไม่มีน้ำหนักเลย
ทำให้เธอรู้ว่า สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดของประชาชนตาดำๆคือ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตัดสินคนที่การแต่งตัวภายนอกที่หาใช่เนื้อแท้ภายใน
คนขับรถก็พานับหนึ่งกลับมาขึ้นรถ นับหนึ่งรู้สึกท้อแท้กับชะตาชีวิตของตัวเองมากๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก