หลังจากเสร็จกิจกรรมบนเตียง นับหนึ่งก็ออกมาจากห้อง โดยมีคนขับรถรออยู่หน้าห้อง คอยรับส่งเธอ
หลังจากนั้นมาเธอก็ไปเรียนตามปกติทุกวัน พอถึงวันที่ 29 ชุดและเครื่องประดับก็ถูกส่งมาที่บ้าน
เธอรับของแล้วแกะออกมาดู จากนั้นก็เก็บใส่กระเป๋าเป้ไว้อย่างดี
พรุ่งนี้เป็นวันปัจฉิมนิเทศแล้ว เธอเตรียมเอกสารทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้ว เหลือแต่รอหนีออกจากบ้านอย่างเดียว
เช้าวันรุ่งขึ้น เธอขอให้แม่เลี้ยงไปเป็นผู้ปกครองให้ที่โรงเรียน รานีเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะเขาถูกกำชับให้ดูแลนับหนึ่งดีๆ
ภายในงานปัจฉิมนิเทศ พิธีบายศรีสู่ขวัญ ดำเนินขึ้นแต่เช้า ต่อด้วยการแสดงของรุ่นน้อง
หลังจากเสร็จพิธีในช่วงเช้าแล้ว นับหนึ่งก็เดินมาหาแม่เลี้ยงแล้วแสร้งเอ่ยเสียงหวาน
" คุณแม่ขา เดี๋ยวคุณแม่รอหนูตรงนี้ได้มั้ยคะ รอจนกว่าหนูจะกลับมาโอเคมั้ย "
" แล้วลูกจะไปไหนล่ะ "
รานีเอ่ยถามด้วยความสงสัย นับหนึ่งจึงเอ่ยตอบเสียงใสว่า
" หนูต้องไปเข้าพบ ผอ. ค่ะ เหมือนว่าจะให้หนูไปรับทุน มีผู้ใจบุญมามอบให้ เดี๋ยวหนูจะเอาทุนที่ได้กลับมาให้คุณแม่นะคะ "
รานีระบายยิ้มออกมาแล้วเอ่ยตอบเสียงหวาน
" ได้จ้ะ "
แล้วนับหนึ่งก็หมุนตัวเดินออกไปพร้อมกับแสยะยิ้มเยาะออกมาอย่างร้ายๆ
ในขณะที่เพื่อนคนอื่นกำลังถ่ายรูปมอบของขวัญและช่อดอกไม้ให้กันและกันก่อนจะจากกัน
นับหนึ่งกลับนั่งรถกลับมาที่บ้าน พอรถจอดลงตรงหน้าบ้าน เธอก็กำชับกับคนขับรถก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ
" ลุงรอหนูแป๊บนะคะ เดี๋ยวหนูมาค่ะ "
" ได้ครับ "
คนขับรถเอ่ยตอบรับคำ แล้วนับหนึ่งก็รีบลงจากรถ วิ่งเข้าบ้านไป
ไม่นานเธอก็ออกมาพร้อมกับกระเป๋าเป้เดินทาง สะพายอยู่ข้างหลัง วิ่งมาขึ้นรถอย่างไวแล้วเอ่ย
" ไป โรงรับจำนำค่ะ จากนั้นก็ไปมหาลัย MTC ต่อเลยค่ะลุง "
" ได้ครับ "
แล้วคนขับรถก็ขับไปส่งเธอตามที่เธอได้บอกไว้ พอไปถึงโรงรับจำนำเดินเข้าไปต่อคิว
แล้วเอาเครื่องเพชรกับชุดเดรสแบรนด์หรูและรองเท้าแบรนด์ดังออกมาจำนำในราคาที่ถูกกว่า
" ได้เท่าไหร่หนูเอาเท่านั้นค่ะ หนูรีบใช้เงินต้องไปจ่ายค่าเทอมในมหาลัย เมตตาหนูด้วยนะคะ "
เธอยกมือไหว้พนักงานเพราะเห็นพนักงงานมองหน้ากันแบบอึ้งๆ เลยนึกว่าจะจำนำไม่ได้ เลยไหว้ขอความเมตตาไว้ก่อน
โดยที่ไม่รู้ว่าชุดเครื่องประดับกับรองเท้านั้นราคาเท่าไหร่ เพราะเธอไม่รู้จักของแบรนด์เนมเลย
พนักงานคิดว่าเธอคงจะร้อนเงินจริงๆถึงเอาของมีค่ามาจำนำ จากนั้นพนักงานก็เอ่ยกับเธอว่า
" เราจะเก็บไว้ให้คุณ หากคุณมีเงินค่อยมาไถ่คืนนะคะ "
" ขายทอดตลาดไปเลยค่ะ หนูไม่เอาแล้ว "
ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้เงิน เธอจะไม่มีวันขออะไรจากคนชั่วช้าคนนั้นหรอก
เพราะการที่เธอทำแบบนั้น เธอรู้ดีแก่ใจว่ามันเหมือนเธอยอมรับการขายตัว
เธอจะไม่มีวัน ที่จะมาไถ่คืนของสกปรกที่นำพาความอัปยศอดสูมาให้เธอหรอก เพราะเธอรู้สึกรังเกียจมันยิ่งกว่าอะไร
พนักงานเห็นสีหน้านับหนึ่งดูจริงจัง เลยเอ่ยว่า
" ทางเรามีให้คุณแค่ล้านเดียวนะคะ "
ได้ยินดังนั้นดวงตานับหนึ่งลุกวาวเลย
[ ตั้งล้านหนึ่งเลยเหรอ ]
แล้วนับหนึ่งก็กลับมาทำหน้านิ่งพร้อมกับเอ่ยตอบ
" ได้ค่ะ "
แล้วพนักงานก็ยื่นถุงเงินสดมาให้เธอ
พอได้เงินมาก้อนหนึ่งเธอก็กลับมาขึ้นรถแล้วเดินทางไปยังมหาลัยต่อ
แล้วเดินหาหอพักใกล้ๆมหาลัย พอเห็นป้ายที่เขียนว่ามีห้องว่างให้เช่า
เธอก็เดินเข้าไปทำเรื่องเช่า จากนั้นเจ้าของหอก็มาเปิดประตูให้เธอเข้าอยู่ หลังจากที่เจ้าของห้องออกไปแล้ว เธอก็หยิบถุงเงินสดขึ้นมาดู
" หวังว่าเงินนี่จะพอจ่ายค่าเทอมกับค่าหอและค่าเล่าเรียนต่างๆจนเรียนจบนะ "
เอ่ยจบเธอก็หงายหลังนอนลงไปบนเตียง
[ หลุดพ้นจากขุมนรกนั่นซะที ]
หลังจากพึมพำในใจเสร็จเธอก็หลับตาลงอย่างสบายใจ
ทางด้านรานี แกนั่งรอนับหนึ่งจนทุกคนในงานทยอยกันกลับไปจนหมด ก็ยังไม่เห็นนับหนึ่งกลับมา
" แกไปรับทุนอะไรของแก นานเป็นปีเป็นชาติ ไม่ใช่ว่าไปล่อ ผอ. อยู่หรอกนะ "
รานีบ่นออกมา ว่าให้นับหนึ่งอย่างหยาบคาย แล้วเดินกลับมาขึ้นรถอย่างหมดอารมณ์รอ จากนั้นก็ขับรถออกจากโรงเรียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก