ขณะที่นับหนึ่งกำลังจะยื่นมือไปเปิดประตู
กฤตก็เข้ามายืนขวางประตูเอาไว้แล้วเอ่ยถามขึ้นเสียงเรียบด้วยสีหน้าเย็นชา
" ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ คุณรู้มั้ยว่าคนอื่นเขาตามหาคุณกันวุ่นวายแค่ไหน "
คำพูดชวนแสลงหู เหมือนว่านับหนึ่งเป็นตัวต้นเหตุทำให้คนอื่นวุนวาย นับหนึ่งเลยสวนไปว่า
" ตามหาฉันทำไม ฉันเป็นญาติคุณเหรอ "
" ถึงคุณไม่ใช่ญาติผม แต่คุณเป็นคนที่เจ้านายผมต้องการ "
นับหนึ่งโมโหมากที่ได้ยินแบบนั้น ถึงกับกำมือแน่นอยากจะต่อยหน้าคนตรงหน้าที่แสนน่ารำคาญคนนี้
" แต่ฉันไม่ต้องการเจ้านายบ้ากามของคุณ หลีกไปเลยนะ ไม่งั้นฉันจะร้องตะโกนให้คนรุมกระทืบคุณเดี๋ยวนี้เลย "
เธอเอ่ยขู่เสียงค่อยด้วยแววตาแข็งกร้าว เพราะกลัวเสียงดังแล้วคนอื่นจะได้ยินจนต้องหันมามอง ทางเธอกับผู้ชายตรงหน้า
และไม่อยากให้ใครรู้ประวัติอันน่าสมเพชที่สุดแสนจะน่ารังเกียจของเธอโดยเฉพาะเพื่อนร่วมงานกับเจ้านาย
เธอไม่อยากถูกผู้คนตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงขายตัวตั้งแต่เด็ก
เธอรับไม่ได้กับความทรงจำอันเลวร้ายนั่น ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเกลียดแค้นทุกคนจนอยากจะฆ่าพวกเขาให้ตาย
กฤตนึกขำในใจที่เธอเอ่ยขู่แบบนั้น เลยเอ่ยตอบโต้ไปแบบท้าทายความกล้าของเธอ
" อยากร้องตะโกนก็ร้องเลย ดีเหมือนกันเจ้านายผมจะได้รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ "
ได้ยินดังนั้นนับหนึ่งก็นิ่งเงียบไป เพราะไม่อยากถูกจับกลับไป
เธอยืนจ้องหน้ากฤตด้วยสีหน้าบูดบึ้งพร้อมกับกำมือแน่นจนมือสั่นด้วยความโกรธจัดแต่ทำอะไรไม่ได้
จากนั้น เธอก็ค่อยๆถอนหายใจ ระบายความโกรธที่มีในใจออกมาเบาๆ แล้วพยายามเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ อย่างสะกดกลั้นอารมณ์
" ถ้าคุณไม่อยากให้เจ้านายคุณรู้ แล้วคุณมาขวางฉันทำไม ไม่เห็นเหรอว่าฉันทำงานอยู่น่ะ "
" งั้นเหรอครับ ที่ผมเห็นคือคุณกำลังจะหนีผมนะ "
เมื่อถูกจับได้นับหนึ่งก็ได้แต่ทำเฉไฉกะพริบตาปริบๆแล้วเอ่ยขึ้นอย่างข้างๆคูๆ
" หนิ หนีเหรอ ทำไมฉันต้องหนีคุณ ฉัน ฉันแค่จะไปเอาของหลังร้านเท่านั้นเอง คุณคิดมากไปแล้ว "
" คุณยังไม่ตอบผมเลย ว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วทิ้งพ่อแม่ไว้ข้างหลัง
ปล่อยให้พวกเขาถูกเจ้านายของผมจับตัวไปทำร้ายจนพวกเขาเกือบตาย
ถูกจับมัดไว้ในป่าแถมปล่อยให้อดข้าวอดน้ำจนสุภาพย่ำแย่เกือบจะไม่รอด คุณไม่เป็นห่วงพวกเขาเลยเหรอ "
เขาลองถามหยั่งเชิงเพื่อดูปฏิกิริยาของนับหนึ่ง เพราะเขาสงสัยว่าเธออาจจะเป็นลูกสาวคนเล็กของนายธำรง
ได้ยินดังนั้นนับหนึ่งก็จ้องหน้าเขาด้วยแววตาแข็งกร้าวแล้วเอ่ยออกมาด้วยความเกลียดชัง
" ทำไมฉันต้องเป็นห่วงคนเลวพวกนั้นด้วย พวกเขาไม่ใช่ญาติพี่น้องของฉันสักหน่อย
ถ้าจำไม่ผิด ฉันก็เคยบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันไม่มีพ่อแม่แล้ว
พ่อแม่ฉันตายไปตั้งแต่ตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด
และฉันก็ไม่ใช่อิงฟ้าที่เจ้านายคุณต้องการด้วย บอกหลายครั้งแล้ว พวกคุณก็ไม่เชื่อ
หากอยากได้ตัวอิงฟ้านักก็บุกไปจับตัวเธอ ที่หอพักสุดหรูของเธอสิ "
เธอเอ่ยเสียงเบาพอให้ได้ยินเพียงสองคนเพราะไม่อยากทำให้ลูกค้าในร้านตกใจ ดังนั้นเธอเลยเลือกที่จะไม่โวยวาย
แต่พยายามใช้ดวงตาคมสวยจ้องใส่กฤตด้วยแววตาเหวี่ยงๆแบบแรงๆอย่างดุดัน
ขณะเดียวกันก็พยายามกดความกลัวในใจให้เข้าไปอยู่ในส่วนอยู่ลึกสุดของหัวใจ
ธีร์อยู่ในห้องทำงานเหลือบไปมองจอกล้องวงจรปิด เห็นนับหนึ่งยืนคุยกับผู้ชายด้วยท่าทีแปลกๆ
เลยซูมเข้าไปที่มือ เห็นเธอกำมือแน่น จากนั้นก็ซูมไปที่ใบหน้างามของเธอ
จนเห็นชัดว่าเธอกำลังใช้สายตาเหวี่ยงๆอย่างดุดันขู่คนตรงหน้าอยู่มันบ่งบอกชัดเจนว่าเธอกำลังโมโหมาก
พอเขาแพนกล้องไปทางอื่นก็เห็นลูกค้านั่งดื่มกาแฟทานขนมกันอย่างปกติดี
ไม่มีใครมองมาทางนับหนึ่งหรือสังเกตเห็นความผิดปกติของนับหนึ่งเลย
ส่วนมีมี่ก็ยุ่งอยู่กับการรับออเดอร์และชงกาแฟให้ลูกค้า
ตอนนี้เขารู้แล้วว่านับหนึ่งกำลังมีปัญหาแต่ไม่อยากให้ลูกค้าในร้านตระหนกตกใจ
" ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน บังอาจมากที่มาระรานคนของเรา "
เขากัดฟันเอ่ยเสียงต่ำด้วยแววตาเคร่งขรึม จากนั้นก็ลุกจากเก้าอี้ทำงาน เดินผลักประตูออกจากห้องแล้วลงไปชั้นล่างทันที
กฤตจ้องมองนับหนึ่งอยู่พักหนึ่ง ก็ไม่เห็นร่องรอยของความเป็นห่วงหรือพิรุธใดๆบนใบหน้านับหนึ่งเลย
[ ปกติแล้วลูกทุกคนเมื่อได้ยินว่าเกิดเรื่องกับพ่อแม่ตัวเอง ก็จะเป็นห่วงวิตกกังวลจนเก็บอาการไม่อยู่
แต่เธอไม่มีสีหน้าของความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยหรือกังวลใจในแบบที่ลูกคนหนึ่งควรจะมีต่อพ่อแม่เลย
ดูเหมือนเธอจะเกลียดสองสามีภรรยานั่นมากด้วยซ้ำ เธอคงไม่ใช่ลูกคนเล็กของนายธำรงจริงๆ ]
จริงๆแล้ว เขาแค่กลัวว่าหากเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของนายธำรงจริงๆ
มันอาจจะมีปัญหาวุ่นวายมากวนใจเจ้านายเขาในอนาคตก็เท่านั้น
พอแน่ใจว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่ลูกสาวคนเล็กของนายธำรง เลยเอ่ยว่า
" ผมรู้แล้วว่าคุณไม่ใช่อิงฟ้า และไม่ใช่ลูกสาวของนายธำรง
ดังนั้นคุณไม่ต้องกลัวว่าผมจะพาคุณกลับไป
ในเมื่อคุณไม่เต็มใจที่จะเป็นผู้หญิงของเจ้านายผม
ผมก็จะไม่บอกเรื่องที่เจอคุณในวันนี้กับเจ้านาย ขอให้คุณรอดพ้นจากสายตาของเจ้านายผมก็แล้วกัน "
ได้ยินดังนั้นนับหนึ่งก็รู้สึกโล่งอกโล่งใจ เริ่มหายใจทั่วท้องขึ้นมาหน่อย
ในขณะนั้นเองธีร์ก็ลงมาถึงชั้นล่างพอดี แล้วเดินเข้าไปหานับหนึ่งพร้อมกับเอ่ยถามเสียงเย็นอย่างสุขุมเยือกเย็น
" เสร็จแล้วค่ะ "
" จากนั้นก็พับนิ้วโป้งเข้าหาฝ่ามือ "
" ค่ะ ทำเสร็จแล้วค่ะ "
" เสร็จแล้วก็กำนิ้วมือทั้งสี่มือลงมาปิดนิ้วโป้งไว้ "
" ค่ะ หนูทำเสร็จแล้วค่ะ บอสปล่อยหนูได้หรือยังคะ หนูอึดอัด "
บอสหนุ่มปล่อยนับหนึ่งออกจากอ้อมกอดแล้วเอ่ย
" ไหนลองทำให้ดูหน่อย "
นับหนึ่งเลยทำให้เขาดู ตั้งแต่แบมือออก แล้วพับนิ้วโป้งเข้าหาฝ่ามือ ต่อด้วยท่าสุดท้ายคือกำมือลงมาปิดนิ้วโป้ง
บอสหนุ่มเม้มปากยิ้มหล่อออกมาอย่างพอใจแล้วเอ่ย
" ดีมาก การทำมือแบบนี้ เรียกว่า สัญญาณขอความช่วยเหลือ SOS ใช้ขอความช่วยเหลือยามวิกฤติ ถ้าเกิดเหตุการณ์วิกฤติที่ไม่สามารถพูดได้ ก็ทำแบบนี้เลยนะ
แต่ถ้าหากอยู่ในสถานการณ์ที่คนร้ายหรือผู้คุกคามรู้สัญญาณมือให้ทำแบบเนียนๆอย่าให้คนคุกคามจับได้เข้าใจมั้ย "
" เข้าใจค่ะ งั้นหนูขอตัวไปทำงานต่อนะคะ "
" อือ "
เขาพยักหน้าให้นับหนึ่งเบาๆด้วยสีหน้ายิ้มอ่อน
มีมี่แอบเหล่มองบอสกับนับหนึ่งด้วยหางตาแบบเนียนๆ พอนับหนึ่งเดินกลับเข้ามา หล่อนก็เอ่ยขึ้น
" นับหนึ่งเธอร้ายกาจมาก ฉันอยู่ที่นี่ตั้งนาน ยังไม่เคยถูกบอสกอดเลย "
นับหนึ่งล้างถ้วยกาแฟพร้อมกับเอ่ยอย่างไม่คิดอะไร
" พี่มี่คิดมากไปแล้ว บอสแค่สอนนับหนึ่งทำสัญญาณมือขอความช่วยเหลือแบบจำลองเหตุการณ์จริงเท่านั้น
ไม่ได้กอดแบบพิสวาสเชิงชู้สาวสักหน่อย พี่อย่าคิดมากค่ะ อย่าลืมว่า เจ้านายก็คือเจ้านายนะคะ "
มีมี่เบ้ปากแล้วเอ่ย
" ค่ะ ใช่พี่คิดมากไป แต่พี่ว่าน้องน่ะคิดน้อยไปนะคะ น้องรู้ตัวบ้างมั้ย ว่าตัวเองน่ะ สวย มีเสน่ห์ น่าดึงดูดเพศตรงข้างขนาดไหน ขนาดพี่เป็นหนุ่มหน้าใส LGBTQ นะ พี่ยังหลงรักน้องเลย แล้วผู้ชายทั้งแท่งจะเหลือเหรอคะ "
" พี่ก็เว่อร์ไป มันไม่ขนาดนั้น นับหนึ่งจะไปเก็บโต๊ะแล้ว พี่อย่าคิดมาก เข้าใจ "
เธอทำเอ่ยเสียงสูงก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากเคาน์เตอร์ ไปเก็บโต๊ะที่ลูกค้าเพิ่งลุกออกไป
เธอไม่ได้สนใจคำพูดรุ่นพี่มีมี่เลยและไม่ได้เก็บมาใส่ใจสักนิด
แม้บอสจะหน้าตาหล่อเหลา แต่เธอไม่เคยคิดจะอ่อยบอสของตัวเองและไม่เคยคิดจะอ่อยผู้ชายคนไหนเลย
สำหรับเธอแล้วเจ้านายคือเจ้านาย เธอเคารพเขาเหมือนเขาเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือคนหนึ่งเท่านั้น
บอสหนุ่มที่กลับขึ้นไปถึงห้อง เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้หนังสีดำตัวใหญ่แล้วมองนับหนึ่งผ่านกล้องวงจรปิดด้วยสีหน้ายิ้มๆ
เพราะเธอหน้าตาดี มีเสน่ห์ เป็นที่สะดุดตาต่อเพศตรงข้าม ในแต่ละวันเธอต้องคอยรับลูกค้าหลากหลายทุกรูปแบบ เขาเลยรู้สึกเป็นห่วงเธอมากกว่าคนอื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก