สามวันต่อมา พอเลิกงานนับหนึ่งก็ไล่ปิดม่าน ปิดไฟในร้าน เสร็จแล้วก็เข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ แล้วเดินออกมาจากร้านด้วยสีหน้าเพลียๆ
จากนั้นก็เดินกลับหอไปตามทางฟุตบาทถนนคนเดียวอย่างเงียบๆ เพราะเธอไม่มีเงินจ่ายค่ารถแล้ว
เงินซื้อข้าวก็ไม่มีเหลือแล้วสักบาท อีกไม่กี่วันก็ต้องขนของออกจากหอ
เธอรู้สึกเครียดและเศร้าใจมาก เพราะมีเพียงเงินเท่านั้นที่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้
ขณะที่เธอเดินไปได้ประมาณยี่สิบนาที ก็เริ่มรู้สึกเจ็บเท้าจนเอาเท้าเหยียบลงบนพื้นไม่ไหว
เนื่อจากตอนทำงานเธอยืนและเดินไปเดินมาทั้งวันเลยทำให้ข้อเท้าเธอบวม
กฤตขับรถผ่านมาเห็นนับหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาเดินบนฟุตบาทอย่างกะเผลกๆโดยไม่สนใจผู้คนที่ขับรถผ่านไปมา เลยเหลือบไปมองเธออย่างเงียบๆ
[ ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว นี่เธอเจ็บขาเหรอ แล้วนั่นเธอกำลังจะไปไหนน่ะ ]
กฤตพึมพำกับตัวเองในใจขณะที่เหลือบไปมองนับหนึ่ง ก่อนจะขับรถผ่านเธอไป
แต่การกระทำดังกล่าวของเขากลับถูกสายตาของกวินจับได้ผ่านกระจกมองหลัง
" ดูเหมือนหญิงสาวบนทางฟุตบาทจะน่าสนใจมากเลยนะ ถึงกับทำให้คุณต้องเหลือบไปมองจนไม่ค่อยมีสมาธิในการขับรถเลย "
กวินที่นั่งไขว้ห้างข้างหลังเอ่ยขึ้นเสียงเย็นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างสุขุมเยือกเย็น
" ขอโทษครับ "
กฤตเอ่ยขอโทษเสียงเรียบแล้วแอบบ่นพึมพำกับตัวเองในใจอย่างเงียบๆ
[ นับหนึ่ง สิ่งเดียวที่ผมทำให้คุณได้ คือการปิดบังตัวตนคุณ แต่ทำไม่ผมถึงรู้สึกเหมือนว่า โลกมันเหวี่ยงคุณเข้ามาใกล้เจ้านายผมมากขึ้นทุกทีนะ ]
กรได้ยินเจ้านายเอ่ยดังนั้นจึงมองไปยังกระจกข้างเพื่อดูว่าหญิงสาวที่ทำให้เพื่อนเขาถึงกับเหลือบมองเป็นใคร
แต่นับหนึ่งกลับเดินก้มหน้าและรถที่พวกเขานั่งอยู่ก็ห่างเกินกว่าที่จะเห็นใบหน้าที่ชัดเจนของนับหนึ่งได้
[ ไม่ทันซะแล้ว ผู้หญิงแบบไหนกันนะ ที่ทำให้กฤตมองได้ ]
เขาแอบเสียดายที่ไม่เห็นนับหนึ่งชัดๆ แล้วกวินก็เอ่ยต่อว่า
" พักหลังๆนี้ดูเหมือนคุณจะชอบมองหญิงสาวข้างทางนะ หากอยากจะมีใครสักคนไว้คลายเหงาก็มีเลย ผมอนุญาต ไม่ต้องเกรงใจด้วย ขอแค่จัดการตัวเองให้ดีก็พอ "
ได้ยินเจ้านายเอ่ยดังนั้น กฤตก็ได้แต่เอ่ยตอบเพียงสั้นๆว่า
" ครับ "
ครับที่ไม่ได้แปลว่าสนใจแต่เป็นครับที่ต้องการจบสนทนาเรื่องดังกล่าวเป็นการตอบรับคำที่ขี้เกียจพูดให้มันมากความ
" เพิ่งรู้ว่าคุณกฤตของเราก็มีความรู้สึกสนใจหญิงสาวด้วย "
กรเอ่ยแซวขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มๆ เมื่อได้ยินเจ้านายเอ่ยแบบนั้น
เพราะพวกเขาทั้งสองถูกปลูกฝังให้ไร้ความรู้สึกต่อตั้งแต่เด็ก และอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกปลูกฝังคือให้ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเจ้านาย
ตอนเด็กๆถ้าบอดี้การ์ดคนไหนมีความรู้สึก ก็จะถูกมองว่าเป็นคนอ่อนแอทันทีแล้วจะถูกเพื่อนล้อจนอยู่ไม่ได้
เพราะเมื่อไหร่ที่บอดี้การ์ดมีความรู้สึก ก็จะกลายเป็นคนมีจุดอ่อนในตัว ความเด็ดเดี่ยวก็จะลดลงทันที ส่งผลไปถึงงานที่ทำ
พอคู่หูเอ่ยแบบนั้น กฤตเลยตอบไปเพียงประโยคสั้นๆอย่างได้ใจความว่า
" การมองเป็นเพียงการสังเกตรอบตัวไม่ได้แปลว่าสนใจ "
เขาเอ่ยตอบคู่หูคนสนิทด้วยท่าทีสุขุม กวินที่นั่งเบาะหลังจึงเอ่ยขึ้น
" การที่พวกคุณสองคนจะสนใจในตัวหญิงสาวมันก็ไม่แปลก และผมก็อนุญาตพร้อมจ่ายค่าความสุขให้พวกคุณ
แต่อย่าเอาความรู้สึกลงไปเล่นกับผู้หญิงพวกนั้น เพราะพวกเธอจะเป็นปัญหาในอนาคต "
" ครับ "
สองหนุ่มเอ่ยตอบรับคำอย่างนอบน้อม แล้วบรรยากาศภายในรถก็เงียบสงัดลงอีกครั้ง
ส่วนนับหนึ่งก็ยังคงเดินกะเพลกไปตามทางฟุตบาทเรื่อยๆ
ธีร์ที่กำลังขับสวนมาอีกฟากหนึ่ง เห็นนับหนึ่งเดินกะเพลกอยู่บนทางฟุตบาท เลยไปยูเทิร์นวนกลับมาหานับหนึ่ง
แล้วเปิดไฟเลี้ยวชิดเข้าไปจอดข้างทางพร้อมกับเลื่อนบานกระจกลง
นับหนึ่งหมุนตัว เดินคอตกออกไปด้วยความรู้สึกเศร้า ไม่คิดว่าคนเราจะแล้งน้ำใจถึงเพียงนี้ ความเมตตาสักนิดก็ไม่มี
แล้วเธอก็เดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง เดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำประทังความหิว
แต่ในตู้เย็นกลับว่างเปล่า เหลือน้ำเพียงขวดเดียว เธอเลยหยิบขวดเปล่าแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ
[ ดื่มน้ำประปาในห้องน้ำ ก็ไม่ได้ทำให้ตายสักหน่อย แม้จะไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ ไม่สะอาดเท่าที่ควร
แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ผ่านความหิวไปได้อีกคืนหนึ่ง มีน้ำให้ดื่ม ดีกว่าไม่มีอะไรลงท้อง อดทนอีกหน่อยนะเรา ]
เธอถือขวดน้ำเข้าไปกรองน้ำใส่ขวดพร้อมกับร้องให้ออกมาด้วยความสงสารตัวเองอย่างเงียบๆ
เสร็จแล้วก็กลับออกมาเอาน้ำใส่ตู้เย็นไว้ แล้วยกขวดที่แช่ไว้ก่อนหน้านั้นขึ้นมาดื่มจนหมด
จากนั้นเธอก็ค้นหาเหรียญในห้อง หวังจะซื้อมาม่ามาประทังความหิว แต่กลับได้มาแค่ห้าบาท ซึ่งมันไม่พอซื้อมาม่าเลย
เธอกลับมานั่งลงบนเตียงด้วยความหิวโหยพร้อมกับกำเหรียญห้าบาทไว้ในมือด้วยความสังเวชตัวเอง แล้วร้องให้ออกมาอย่างท้อแท้ใจ
[ คุณแม่ขา หนูท้อเหลือเกิน ทำไมชีวิตหนูถึงลำบากขนาดนี้ แม้แต่บะหมี่ซองเดียวหนูก็ไม่มีเงินซื้อเลย เมื่อไหร่หนูจะผ่านชีวิตที่แสนลำบากยากแค้นนี้ไปสักที ]
เธอร้องให้พึมพำแล้วล้มตัวนอนลงกอดหมอนสกรีนที่เป็นรูปแม่ของตัวเอง น้ำตาอุ่นๆไหลลงมาเป็นสายอย่างเงียบๆ
วันนี้เธอกินน้ำประทังความหิวมาทั้งวันแล้วร่างกายเริ่มไม่มีแรงเพราะใช้พลังงานเยอะ
สักพักเมื่อรู้สึกดีขึ้น จึงค่อยๆพาร่างอันบอบบางของตัวเองลุกขึ้นไปอาบน้ำล้างตัว
เสร็จแล้วก็กลับมานอนลงบนเตียงแต่หัวค่ำ ด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนแรงจากความหิวและจากการทำงาน ไม่นานเธอก็หลับไป
ในขณะที่นับหนึ่งหลับไปพร้อมกับความหิวโหยเหนื่อยล้าอย่างน่าสงสารนั้น
อิงฟ้ากับพ่อแม่ของเธอกลับมีชีวิตที่กินหรูอยู่สบายกันอย่างมีความสุข
ดื่มด่ำกับแชมเปญเลิศรสกับอาหารชั้นเยี่ยมที่แพงที่สุดในร้านอาหารสุดหรู ที่ชายร่างสูงใหญ่มอบให้เป็นของขวัญ
สามคนพ่อแม่ลูกทานข้าวกันอย่างอิ่มหนำสำราญใจด้วยความเมามายในฤทธิ์แชมเปญ ในห้องอาหารส่วนตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก