เช้าวันรุ่งขึ้น นับหนึ่งลุกขึ้นมาในสภาพที่ไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าเธอซีดเซียว
แต่เธอก็พยายามทำตัวให้สดชื่นหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เดินมายืนหน้ากระจกแล้วฉีกยิ้มออกมาให้สีหน้าตัวเองดูสดใสร่าเริงเหมือนปกติ
" สู้ๆนะนับหนึ่ง สักวันชีวิตเธอมันต้องดีกว่านี้ "
สำหรับแล้วกำลังใจที่ดีที่สุดก็คือ กำลังใจจากตัวเอง
จากนั้นเธอก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปอย่างกะเผลกๆ ออกจากหอแล้วไปตามซอยหน้าหอเพื่อเดินไปยังที่ทำงาน
ธีร์ที่จอดรออยู่หน้าปากซอย พอเห็นนับหนึ่งเดินออกมา ก็สตาร์ทรถแล้วขับเข้ามาใกล้เธอพร้อมกับบีบแตร ปี๊นๆ!
นับหนึ่งหันไปมองรถที่เคลื่อนเข้าจอดข้างเธอแล้วเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้
" สวัสดีค่ะบอส "
" กำลังจะไปทำงานใช่มั้ย "
บอสหนุ่มเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
" ใช่ค่ะ "
" ผมกำลังจะเข้าร้านพอดีเลย ขึ้นมาสิ "
บอสหนุ่มหน้าหล่อเอ่ยออกคำสั่งด้วยสีหน้านิ่งๆอย่างเรียบเฉย นับหนึ่งเลยเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ
" เอ่อ หนูว่า มันคงไม่เหมาะค่ะบอส เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดเอา "
เธอปฏิเสธออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะเธอคำนึงถึงความเหมาะสมในสถานะทางสังคมของเขากับเธอ
บอสหนุ่มเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาเปิดประตูรอให้เธอขึ้นมา
พร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้าสุขุมเรียบเฉยดังเดิมโดยไม่ให้เธอสามารถปฏิเสธเขาได้อีก
" ขึ้นมาเถอะ ไม่ต้องคิดอะไรมากขนาดนั้น ในเมื่อทุกคนต่างรู้ดี
ว่าคุณเป็นพนักงานของผม ก็ไม่ต้องกลัวใครเข้าใจผิดหรอก
แต่หากผมปล่อยให้คุณเดินกะเผลกไปถึงทำงานผมอาจจะถูกมองไม่ดี คิดว่าผมไร้ซึ่งความเมตตา ปราณีต่อพนักงาน
ดังนั้นคุณต้องขึ้นรถ เท้าของคุณเจ็บอยู่ เป็นเรื่องที่เจ้านายอย่างผมต้องคิดมาก
เพราะผมอาจจะโดนสังคมโจมตีในภายหลัง หาว่าผมเป็นเจ้านายหน้าเลือด ใช้แรงงานพนักงานหนัก
จนพนักงานบาดเจ็บแล้วก็ไม่ยอมให้หยุดพักและไม่ใส่ใจสุขภาพของพนักงาน "
ในเมื่อผู้เป็นนายจ้างเอ่ยเช่นนั้น นับหนึ่งก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงแล้ว ได้แต่เดินขึ้นไปนั่งในรถอย่างเงียบๆ
รอยยิ้มจางๆแฝงไปด้วยความพอใจปรากฎบนใบหน้าบอสหนุ่ม
ก่อนจะปิดประตูให้เธอแล้วเดินอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับ จากนั้นเขาก็ขับออกไปมุ่งหน้าไปยังร้านกาแฟของตัวเอง
แต่ระหว่างทางอยู่ๆบอสหนุ่มหน้าหล่ออย่าธีร์ก็เอ่ยขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
" ในเมื่อคุณขึ้นมาในรถแล้วช่วยไปทานข้าวเช้าเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ ถือซะว่าตอบแทนที่ผมขับรถมาส่งคุณในที่ทำงาน "
ยิ่งมีคนชวนทานข้าวในช่วงที่เธอไม่มีจะกิน นับหนึ่งก็ยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเองในใจอย่างอธิบายไม่ถูก ได้แต่กะพริบตาปริบๆอย่างกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
เธอไม่รู้ว่าเจ้านายมีเจตนาอะไรอยู่ๆก็มาโผล่หน้าปากซอย แล้วชวนเธอไปทานข้าว
คล้ายรู้ว่าเธออดหยากไม่มีจะกิน นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย
ธีร์เห็นว่านับหนึ่งนั่งหน้านิ่งปลายจมูกเริ่มแดงคล้ายจะร้องให้ เลยเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
" คุณเงียบผมจะถือว่าคุณตอบตกลงแล้วนะ "
นับหนึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายเธอถึงทำแบบนี้ เธอรู้สึกแปลกๆ
ในใจก็แอบกลัวจะถูกคุกคามทางอ้อม เลยเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้านิ่งๆเพื่อลองหยั่งเชิง
" ในเมื่อบอสทั้งหล่อ ทั้งรวย เพอร์เฟกต์ขนาดนี้ ทำไมบอสถึงไม่จ้างผู้หญิงสวยๆมาทานข้าวเป็นเพื่อนเหมือนผู้ชายรวยๆเขาทำกันล่ะคะ "
ธีร์รู้สึกว่าคำพูดของนับหนึ่งเหมือนจะมองผู้ชายรวยๆเป็นพวกชอบซื้อกินไปแล้ว
นั่นทำให้เขารู้สึกไม่ดีนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะการที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีความคิดแบบนั้น
เขาคิดว่าจะต้องมีใครสักคนใส่ความคิดแบบนั้นเข้าไปในสมองเธอแน่นอน
" ทำไมผมจะต้องไปจ้างผู้หญิงพวกนั้นด้วย ในเมื่อคุณก็สวยดีหนิ ไม่ต้องเสียเงินจ้างด้วย "
ในน้ำเสียงราบเรียบนั้นเจือไปด้วยถ้อยคำทีเล่นทีจริง แต่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา กลับนิ่งเฉยเย็นชา จนนับหนึ่งไม่รู้ว่าเขาจริงจังมากน้อยแค่ไหน
เลยจ้องเขาพร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
" บอสคะ หนูจริงจังนะ การที่บอสให้หนูไปทานข้าวเป็นเพื่อน มันเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดนะคะ
ตัวหนูกับบอสไม่คิดอะไร แต่พนักงานคนอื่นๆของบอสอาจจะคิดและอาจจะมองหนูในทางที่ไม่ดีได้
หนูไม่อยากเสียงานเพราะความเข้าใจผิดไร้สาระพวกนี้ กว่าจะได้งานมันไม่ง่ายเลย
สิ่งที่หนูกลัวคือความคิดคน เพราะเราไม่อาจไปล่วงรู้หรือบังคับความคิดคนอื่นได้
บอสเองก็มีพนักงานมากมาย หากมีคนเข้าใจผิดขึ้นมาจริงๆมันไม่คุ้มกับชื่อเสียงที่สั่งสมมานะคะ "
เธอไม่อยากถูกเพื่อนร่วมงานนินทา ไม่อยากตกงานและยิ่งไม่อยากถูกเลี้ยงข้าวเพราะเธอรู้สึกสมเพชตัวเองมากกว่าซึ้งใจ
บอสหนุ่มอึ้งเล็กน้อยที่เด็กสาวคนหนึ่งจะคิดละเอียดรอบคอบขนาดนี้
หากเป็นผู้หญิงคนอื่น ถ้าได้ไปทานข้าวกับเขาคงจะดีใจจนหลงทะนงตนไปแล้ว
แต่กับนับหนึ่งเธอมีแต่ความกังวลใจ ในหัวเธอกลัวแต่จะเสียงาน
เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่นอกจากหน้าตาดีดึงดูดเขาได้แล้วยังเป็นผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกชื่นชมหลงไหลในความคิดอีกด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก