เมื่อลูกค้าในร้านลุกจากโต๊ะ เดินออกจากร้านไปแล้ว
นับหนึ่งก็เดินไปเก็บถ้วยชากาแฟพร้อมกับเช็ดโต๊ะแล้วนำถ้วยชามาล้างในซิงค์ล้างถ้วยจานหลังเคาน์เตอร์
ในเวลาว่าง ช่วงที่ไม่มีลูกค้าเข้าร้าน เธอก็เช็ดถ้วยชากาแฟแล้วเก็บเข้าตู้จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ โดยไม่อยู่นิ่งหรือนั่งเล่นโทรศัพท์เหมือนคนอื่นๆ
เธอขยันทำงาน ดูแล เช็ดร้านให้เจ้านายเหมือนกับเป็นร้านของตัวเอง
มีมี่ที่นั่งเล่นโทรศัพท์ อยู่ๆก็เอ่ยขึ้น
" นับหนึ่ง ดูนี่สิ วันที่เราไปกินข้าวที่ภัตคารน่ะ พี่ได้ถ่ายรูปคู่กับคุณอิงฟ้าด้วยล่ะ เธอส๊วยสวย ผิวดีมาก ไม่ถือตัวเลย เป็นกันเองสุดๆ "
หล่อนเอ่ยพร้อมกับยื่นรูปถ่ายในโทรศัพท์ให้นับหนึ่งดู แต่นับหนึ่งกลับไม่หันไปสนใจ
แถมยังเบะปากมองบนพร้อมกับบ่นพึมพำในใจอย่างรู้สึกไม่ค่อยรื่นหู
[ หึ สวยแต่รูปจูบไม่หอมน่ะสิ ]
" ใช่ๆ นางน่ารักทั้งในจอและนอกจอเลย ฉันชอบเธอที่สุด "
เจนเอ่ยเสริมขึ้นอย่างชื่นชม นับหนึ่งได้แต่ทำหน้ารำคาญพร้อมกับเบะปากเบาๆด้วยแววตาไม่สบอารมณ์
[ น่ารักกับผีน่ะสิ มันตอแหลชัดๆ ]
ครีมเห็นนับหนึ่งนิ่งเงียบโดยไม่หันมาสนใจในสิ่งที่พวกเขาชวนสนทนา เลยเอ่ยถามขึ้น
" เอ๋...น้องนับหนึ่งไม่ชอบคุณอิงฟ้าเหรอ "
นับหนึ่งถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกรำคาญใจก่อนจะปรับสีหน้าแล้วหันมายิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้นเพื่อไม่ให้พี่ๆรู้สึกไม่ดี
" อืม...นับหนึ่งไม่รู้จักเขาค่ะ ไม่รู้จะชอบไปทำไม นิสัยและตัวตนที่แท้จริงของเธอ เราก็ไม่เคยสัมผัสอย่างใกล้ชิด
จะดีจริงหรือเป็นแค่สร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีในสายตาคนอื่นหรือเปล่าก็ไม่รู้
เมื่อยังไม่รู้จักดีพอ ก็ยังไม่อยากชอบหรือคลั่งไคล้เพียงรูปลักษณ์กับภาพลักษณ์ภายนอกค่ะ
นับหนึ่งชอบคนที่นิสัยมากกว่า เหมือนอย่างพี่ๆไง นับหนึ่งชอบพี่ๆมาก ใจดี มีความจริงใจสูง ไม่จกตา
ไม่เหมือนคนที่พี่คลั่งไคล้อยู่ เธออาจจะตอแหลสร้างภาพให้ตัวเองดูดีก็ได้ ใครจะรู้ "
" เอ๋...น้องนับหนึ่งพูดแบบนี้ เหมือนจงใจกล่าวหาคุณอิงฟ้าเลยนะ อย่าไปพูดที่ไหนเซียวล่ะ เดี๋ยวเจอทัวร์ลงนี่ ซวยเลยนะ "
ครีมเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงแต่น้ำคำกลับฟังดูแปลกๆ คล้ายตบหัวแล้วลูบหลัง ส่วนเจนก็เอ่ยเสริมว่า
" นั่นสิ อาจซวยทั้งร้านเลยนะ "
" แต่เราว่าที่น้องนับหนึ่งพูดมันก็ถูกนะ เราคลั่งไคล้ภาพลักษณ์หล่อน บางทีหล่อนอาจจะจกตาเราก็ได้ ใครจะรู้ ใช่มั้ยน้องนับหนึ่ง "
มีมี่เอ่ยอย่างเห็นด้วยกับคำพูดนับหนึ่ง นับหนึ่งมองพี่มีมี่แล้วยิ้มชอบใจ
" อื้อ ใช่ "
" ไม่รู้แหละ จะจริงหรือจกตายังไงน้องนับหนึ่งก็ห้ามพูดต่อหน้าคนอื่น เพราะตอนนี้นางดังมาก "
เจนเอ่ยเตือนอย่างจริงจังด้วยความเป็นห่วง ส่วนครีมก็เสริมเช่นว่า
" ใช่ๆ พี่ๆหวังดีและเป็นห่วงนะถึงได้เตือน "
นับหนึ่งยิ้มแล้วเอ่ย
" ค่ะ นับหนึ่งรู้ว่าพี่ๆเป็นห่วง นับหนึ่งจะไม่พูดที่อื่นให้ตัวเองเดือดร้อนแน่นอนค่ะ "
" เช่นนั้นก็...ดีมาก ลูกค้ามาแล้ว พี่ไปเก็บโต๊ะก่อน "
มีมี่ลุกขึ้นมาเอาฝ่ามือขยี้ศีรษะนับหนึ่งเบาๆก่อนจะเดินออกไปเก็บโต๊ะ
แล้วลูกค้าก็ผลักประตูเข้ามาในร้าน สามสาวเลยหันมาให้ความสนใจกับลูกค้าเพื่อรับออเดอร์
" เอาสตรอว์เบอร์รีปั่นหนึ่ง บานอฟฟี่หนึ่งแล้วก็เอาลัตเต(Latte)ร้อนหนึ่งค่ะ "
" ลูกค้าทานนี่หรือเอากลับคะ "
ครีมเอ่ยถามอย่างสุภาพ
" ทานที่นี่ค่ะ "
ลูกค้าเอ่ยตอบแล้วครีมที่รับออเดอร์ก็ทวนออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งซ้ำ เพื่อให้ลูกค้าเพื่อเช็คความถูกต้องของออเดอร์
" โอเคค่ะ มีสตรอว์เบอร์รีปั่นหนึ่ง บานอฟฟี่หนึ่งแล้วก็ลัตเตร้อนหนึ่ง นะคะ "
" ใช่ค่ะ "
" เป็น 180 บาทค่ะ คุณลูกค้าสะดวกจ่ายเป็นเงินสดหรือสแกนจ่ายคะ "
" สแกนจ่ายค่ะ "
" สแกนตรงนี้เลยค่ะ "
ครีมผายมือให้ลูกค้าสแกนชำระเงินตามคิวอาร์โค้ดของร้าน
" เรียบร้อยค่ะ เชิญคุณลูกค้าไปนั่งรอสักครู่นะคะ "
ขณะที่ครีมรับออเดอร์สนทนากับลูกค้า นับหนึ่งก็รับหน้าที่ชงกาแฟ ส่วนเจนก็ทำน้ำผลไม้ปั่น
แล้วครีมก็หยิบถาดออกมาเตรียมไว้แล้วหยิบบานอฟฟี่กับทิชชูและน้ำเปล่าให้ลูกค้ามาเตรียมไว้ในถาด
พอเจนทำน้ำปั่นเสร็จก็มาวางลงบนถาด ตามด้วยถ้วยกาแฟร้อนฝีมือนับหนึ่ง เสร็จแล้วครีมก็ถือถาดเดินออกไปเสิร์ฟให้ลูกค้าทันที
วันนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะทั้งสี่คนเลยมีเวลานั่งพูดคุยกันตามประสาเพื่อนร่วมงานบ้าง
พอถึงตอนเย็น ทุกคนก็เตรียมตัวกลับบ้าน แต่ก่อนจะกลับก็รอให้ลูกค้าออกจากร้านไปก่อน
แล้วก็ช่วยนับหนึ่งเก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ จนปิดร้านเรียบร้อย พวกเขาถึงจะแยกย้านกันกลับบ้าน
หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว นับหนึ่งก็ไปหยิบไม้กวาดกับที่ตักขยะมากวาดทีละชั้นๆอย่างใจเย็น
" คุณกฤตบอกว่าคุณต้องการพบผม ไม่ทราบว่าคุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ "
ชายร่างสูงใหญ่ที่สวมหน้ากากครึ่งหน้ากระตุกยิ้มออกมาที่มุมปากก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเย็นอย่างไม่รีบร้อน
" หึ ผมเพิ่งจะมาถึง ยังไม่ทันได้สั่งอะไรมาดื่มเลย คุณก็เข้าประเด็นแล้ว จะรีบร้อนไปไหนเหรอครับ "
ชายร่างสูงใหญ่นั่งจ้องหน้าธีร์ แววตาคมกริบที่อยู่ภายใต้หน้ากาก สำรวจธีร์อย่างเงียบๆเช่นกัน
[ ผู้ชายคนนี้ รูปร่างสูงใช้ได้ หน้าตา ดีไม่แพ้เราเลย แต่อาจจะหล่อน้อยกว่าเล็กน้อย ท่าทีดูสุขุม นิ่งเฉย เก็บความรู้สึกทางสีหน้าได้ดีทีเดียว ]
ได้ยินดังนั้นธีร์จึงเอ่ยตอบไปว่า
" ผมยังมีธุระต้องไปทำ คงอยู่คุยนานไม่ได้ครับ อืม...ผมรู้ว่าคุณจะมาคุยกับผม เรื่องกล้องวงจรปิด
ผมเองก็อยากจะมาบอกคุณด้วยตัวเองเหมือนกันว่า...วันนั้น...กล้องมันเสียพอดีครับ "
ธีร์เอ่ยทิ้งท้ายอย่างเนิบๆเพื่อกวนประสาทคนตรงหน้า และดูเหมือนจะได้ผล ทำให้คนตรงหน้าถึงกับขมวดคิ้วแล้วเอ่ยเสียงเย็นอย่างราบเรียบ
" หึ คุณธีร์ช่างมีอารมณ์ขันจริงๆ สั่งให้ลูกน้องบอกคนของผมว่าคุณอิงฟ้ามาลบ
ตอนนี้มาบอกว่ากล้องเสีย ถ้าผมจะบอกว่าขอให้คุณกู้ข้อมูลคืนให้ล่ะ คุณจะว่ายังไง "
สองหนุ่มบุคลิกดีนั่งประจานหน้าจ้องกันอย่างมีชั้นเชิง แบบไม่มีใครยอมใคร
" เช่นนั้นต้องขออภัยที่ทำให้คุณมาเสียเที่ยวแล้ว เพราะผมไม่สามารถกู้คืนอะไรได้จริงๆ
ขอบคุณมากที่คุณให้เกียรติมาถึงที่นี่ แถมยังประเมินความสามารถผมสูงขนาดนั้น
น่าเสียดายที่ผมไม่มีความสามารถอย่างที่คุณเข้าใจ วันนั้นกล้องมันเสียจริงๆครับ "
คำพูดของธีร์ชัดเจนว่าจงใจปฏิเสธอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจของคนตรงหน้า
กฤตที่นั่งฟังอย่างเงียบๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าคุณธีร์คนนี้ ต้องการปกป้องนับหนึ่ง
ตอนนี้ทำให้เขามั่นใจว่ารอยหยิกบนมือของอิงฟ้าต้องมาจากนับหนึ่งแน่นอน
ชายร่างสูงยิ้มเย็นขึ้นที่มุมปากอย่างหมดความอดทนแล้วเอ่ย
" ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวก็รู้ว่ากล้องเสียหรือไม่เอาเป็นว่าคุณเตรียมรับมือให้ดีก็แล้วกัน "
เอ่ยจบ ชายร่างสูงในชุดสูทสีดำก็ลุกขึ้นหมุนตัวเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย โดยมีกฤตเดินตามหลังไป
[ หึ คิดจะเจาะเข้าระบบงั้นเหรอ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก แต่ก็ขอบใจที่บอกล่วงหน้า ]
จากนั้นธีร์ก็ลุกขึ้นเดินออกไปที่ห้องกล้องวงจรปิดไป
จัดการกับเครื่องคอมพิวเตอร์ไล่ตรวจระบบความปลอดภัยบนคอมที่เก็บข้อมูลของกล้องวงจรปิด
พร้อมกับติดตั้งระบบป้องกันที่มีความปลอดภัยสูงสุดโดยไม่ให้คนแฮกเข้ามาได้
เขาใช้เวลาอยู่สักพักเมื่อทำเสร็จก็เดินออกมาจากห้องแล้วไปที่รถ จากนั้นก็ขับออกจากภัตคาร เพื่อกลับไปหานับหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก