ริษยาร้ายซ่อนรัก นิยาย บท 59

สรุปบท ตอนที่ 59 ไอ้คนต่ำช้า น่าขยะแขยงที่สุด: ริษยาร้ายซ่อนรัก

ตอน ตอนที่ 59 ไอ้คนต่ำช้า น่าขยะแขยงที่สุด จาก ริษยาร้ายซ่อนรัก – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 59 ไอ้คนต่ำช้า น่าขยะแขยงที่สุด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ริษยาร้ายซ่อนรัก ที่เขียนโดย Paizay เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

พอตื่นขึ้นมา นับหนึ่งก็มองไปรอบๆห้องด้วยความงุนงง สับสนกับห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่คุ้นตาแล้วพึมพำกับตัวเองในใจ

[ นี่เราอยู่ที่ไหน ]

แต่พอเธอขยับลุกขึ้นมานั่ง โดยทีาไม่ทันระวังก็รู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่แผ่นหลังตรงบริเวณต้นคอ

ทำให้ใบหน้าเธอก็บิดเบี้ยวขึ้นตามประสาทสัมผัสที่รู้สึกได้

" อูย.... "

[ ทำไมแผ่นหลังถึงได้เจ็บแสบแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับเราเนี่ย ]

เธอพึมพำพร้อมกับจะเอามือไปจับแผ่นหลัง มีมี่ที่เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ ก็เอ่ยห้ามทันที

" นับหนึ่ง! อย่าเอามือไปจับแผ่นหลังเชียว เดี๋ยวแผลมันจะอักเสบแล้วติดเชื้อเอาได้นะ "

มือนับหนึ่งหยุดชะงักแล้วมองหน้าพี่มีมี่ของเธอด้วยความสงสัย แม้ว่าเธอยังไม่ได้พูดหรือถามอะไร

แต่มีมี่ก็พอเดาสายตาเธอออก ว่าต้องการจะพูดอะไร ดังนั้น หล่อนเลยเอ่ยขึ้น

" คืองี้นะ ตอนที่น้องหมดสติ มันเกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อย ตรงบริเวณต้นคอน้องน่ะ

บอสเลยพาน้องมาโรงพยาบาล ตอนนี้น้องจะต้องพักรักษาตัวให้หายก่อน แล้วค่อยกลับ "

" อุบัติเหตุงั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไง น้องยังจำได้อยู่เลยนะ ว่าหลังจากดื่มนมที่พี่เอาให้ ก็ง่วงนอนมาก

จากนั้นก็ถามพี่ว่า วางยาน้องหรือเปล่า แล้วแบบนี้มันจะเกิดอุบัติเหตุได้ยังไง เกิดตอนไหน

เพราะน้องนั่งพิงผนัง กลัวตัวเองจะล้มหัวฟาดพื้น น้องระวังมากเลยนะ พี่มีมี่ พี่กำลังโกหก พี่พูดความจริงมาเดี๋ยวนี้ "

นับหนึ่งไม่เชื่อที่มีมี่พูด เลยเอ่ยเสียงแข็งพร้อมกับทำหน้าจริงจังอย่างดุดันจ้องหน้าหล่อนอย่างข่มขู่

มีมี่ทำหน้าไม่ถูกได้แต่บ่นถึงบอสอย่างหงุดหงิด

[ อะไรของบอสเนี่ย ไหนว่า เมื่อมีเรื่องมันก็ต้องมีเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องไง ไม่เห็นจะได้ผลเลย ไร้สาระ บ้งมาก ]

สุดท้ายหล่อนก็ต้องจำใจยิ้มเจื่อนพูดออกมาอย่างคนยอมรับสารภาพ

" ฮื่อ...คือ จริงๆแล้วพี่วางยาน้องจริง แต่ แต่มันเป็นแค่ยานอนหลับนะ พี่ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายหรือคิดร้ายใดๆต่อน้องเลย พี่สาบาน "

มีมี่เอ่ยพร้อมกับทำท่าสาบาน

นับหนึ่งได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่นแล้วเอ่ยถามเสียงแข็ง

" แล้วพี่ทำแบบนั้นกับหนูทำไม "

มีมี่เลยรีบอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นทันที

" เพื่อลบรอยสักบนแผ่นหลังน้องไง "

" รอยสัก! รอยสักอะไร "

นับหนึ่งดูตกใจกับสิ่งที่ได้ยินมาก เพราะเธอไม่เคยสักมาก่อน อยู่ๆจะมีรอยสักได้ยังไง

มีมี่จึงเอ่ยตอบเธอด้วยสีหน้านิ่งเฉย แบบจริงจังขึ้นว่า

" ใช่ บนแผ่นหลังน้องมีการสักเป็นประโยคเลยล่ะ "

นับหนึ่งจ้องหน้ามีมี่อย่างไม่อยากจะเชื่อแล้วเอ่ย

" พี่ไม่ได้อำฉันเล่นใช่มั้ย ฉันไม่เคยสักจริงๆ อยู่ๆจะมามีรอยสักได้ยังไง "

มีมี่มองหน้านับหนึ่งแล้วเอ่ยตอบไปอย่างจริงจัง

" พี่ไม่ได้อำและพี่ก็ไม่รู้ว่าน้องมีรอยสักได้ยังไง แต่ประโยคมันค่อนข้างขัดตาขัดไปนิดหน่อย

นอกจากจะขัดตาพี่แล้วก็ยังขัดตาบอสกับทุกคนด้วย มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้ามันยังอยู่บนตัวน้อง

พี่กับบอส เลยวางแผนทำให้น้องสลบก่อน แล้วให้หมอลบรอยสักออกให้

จริงๆแล้วบอสไม่อยากให้น้องรู้เรื่องนี้หรอก เพราะกลัวว่า มันจะทำให้น้องรู้สึกไม่ดี

แต่น้องก็ฉลาดเกินไป ไม่เชื่อคำโกหกพี่ พี่เลยต้องพูดความจริงออกมา แต่น้องห้ามบอกบอสนะ เข้าใจมั้ย "

มีมี่แต่งเรื่องขึ้นมาแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่มีร่องรอยของความโกหกเลย นับหนึ่งเลยเอ่ยถามขึ้นอย่างอยากรู้

" มันเป็นประโยคอะไร ทำไมถึงไม่ดี? "

มีมี่มองหน้าน้องเล็กแล้วเอ่ยขึ้น

" คุณคือผู้หญิงของผม KW-TNK "

มีมี่เอ่ยโกหกคำโตอย่างเนียนๆโดยที่นับหนึ่งเองก็คิดว่าเขาพูดเรื่องจริง

เธอช็อกกับประโยคที่มีมี่แต่งขึ้นอย่างมาก เพราะคนที่จะแสดงตัวเป็นเจ้าของเธอได้ มีเพียงชายสวมหน้ากากคนนั้นเท่านั้น

ในใจของนับหนึ่งตอนนี้ รู้สึกเคียดแค้นชายสวมหน้ากากมาก

ที่นอกจากจะย่ำยีเธออย่างเลือดเย็นแล้ว ยังฝังรอยสักอันน่าขยะแขยงไว้บนตัวเธออีก

ความแค้นที่เคยมีต่อรานีกับชายสวมหน้ากากจึงทวีคูณมากขึ้นกว่าเดิม

สองอาทิตย์ต่อมา.....

นับหนึ่งกับมีมี่ก็เริ่มไปเรียนยิงปืน เรียนต่อสู้ป้องกันตัว ทั้งสองเรียนกับครูอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงเปิดเทอม

พอเปิดเทอมนับหนึ่งก็จัดตารางเรียน ตารางทำงาน และตารางเรียนต่อสู้ยิงปืนไว้อย่างดี

โดยไม่สนใจเรื่องของพักผ่อนใดๆอีก

สำหรับเธอแล้วตราบใดที่ยังมีแรง เมื่อมีโอกาสเธอจะคว้าไว้ทุกอย่าง เพื่อไม่ให้รู้สึกเสียดายในภายหลัง

ด้วยความที่เธอไม่มีเวลาว่างเลย ในทุกๆวัน เธอใช้ชีวิตแข่งกับเวลาอยู่ตลอดเวลา

ไม่นานก็ถึงเวลาที่เธอต้องออกไปฝึกงาน ในระหว่างฝึกงานอยู่เบื้องหลังสื่อบันเทิง

เธอได้มีโอกาสเข้าไปเป็นตัวประกอบในละครเป็นบางครั้งบางคราว ในเวลาที่ตัวประกอบขาด

และด้วยความสวยออร่าของเธอ จึงทำให้เธอไปสะดุดตานักปั้นดาราดังอย่าง คุณเคธี่เข้า

แกเลยชวนนับหนึ่งไปถ่ายปกนิตยาสาร นับหนึ่งก็ไปเพราะค่าตอบแทนมันสูง

แม้จะไม่ได้โด่งดังเป็นที่รู้จักเหมือนอิงฟ้า แต่ก็นับว่าเป็นการก้าวเข้ามาในวงการนี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน

ระหว่างฝึกงาน เธอเลยมีรายได้จากการถ่ายแบบอย่างไม่ขาดมือ

แม้จะไม่มีเวลาทำงานในร้านกาแฟ ทำให้ขาดรายได้ตรงส่วนนั้นไป

แต่เธอก็ไม่ได้อยู่อย่าง อดๆ อยากๆ เหมือนตอนเริ่มเข้ามหาลัย

หลังจากฝึกงาน ทำวิทยานิพนธ์เสร็จ เธอก็พ้นสภาพการเป็นนักศึกษา

เรียนจบปริญญาตรี ในคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาการสื่อสารตรา(สินค้า)และคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาครองอย่างภาคภูมิใจ

แต่เธอไม่ได้สนใจอะไรกับเกียรตินิยมนี้หรอก ที่เธอสนใจคือ ประสบการณ์ชีวิตและความรู้ที่มีในตัวเองมากกว่า

เพราะเธอมองว่า เกียรตินิยมใครๆก็คว้าได้ถ้าตั้งใจ แต่ประสบการณ์ชีวิตแบบเธอไม่ใช่ใครจะผ่านมันมาได้ทุกคน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก