รานีพยุงนับหนึ่งที่เนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำดำเขียวเต็มไปด้วยรอยไม้เรียวเป็นเส้นๆ
แล้วพาเธอกลับไปที่ห้องด้วยท่าทีสงสารและดูห่วงใย
แต่พอพ้นสายตาของธำรงแกก็บีบแขนนับหนึ่งจิกเล็บคมลงบนผิวเธอแล้วผลักเธอเข้าไปในห้องอย่างไม่ปราณี ด้วยสีหน้ายิ้มร้าย
" หึ แกไม่ต้องกินข้าวกินน้ำแล้ว อดไปสักสองสามวันจะได้สำนึก ว่าไม่ควรอวดดี "
นับหนึ่งจ้องหน้าแม่เลี้ยงด้วยแววตาแข็งกร้าวอย่างเคียดแค้น เพราะเธอก็เป็นคนไม่ยอมคนเช่นกัน
เมื่อถูกจ้องแบบนั่น รานีอึ้งไปสามวิ แกรู้สึกเกลียดแววตาของนับหนึ่งมาก
เพราะมันทำให้แกนึกถึงแววตาของรรินทร์แม่ของนับหนึ่ง
แกเดินเข้าไปบีบคางเรียวเล็กของนับหนึ่งอย่างแรง แล้วเอ่ยอย่างลืมตัวด้วยแววตาแดงก่ำ
" นังนับหนึ่ง แกกล้าจ้องฉันด้วยแววตาแบบนี้เหรอ ห๊ะ ระวังแกจะได้ตายเหมือนแม่ของแกนะ "
นับหนึ่งถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัยอย่างไม่เกรงกลัว
" หรือว่าแท้จริงแล้ว คุณแม่ฉันไม่ได้ป่วยเองและไม่ได้ตรอมใจจนจากไป "
รานียิ้มร้ายอย่างเยือกเย็น
" ถ้าใช่ แล้วแกจะทำไม แกจะทำอะไรฉันได้ อยากแก้แค้นเหรอ
หึ ฝันไปเถอะ ก่อนที่แกจะแก้แค้นฉัน ฉันจะเป็นฝ่ายทำให้แกตายอย่างช้าๆเหมือนแม่แกก่อน
ถ้าจะให้ดี อย่าแม้แต่จะคิด เพราะหากแกคิดล่ะก็ แกได้อยู่อย่างตกนรกทั้งเป็นแน่ "
นับหนึ่งโกรธแค้นมาก เมื่อรู้ว่าแม่ของเธอไม่ได้เสียชีวิตปกติ แต่เสียชีวิตเพราะคนตรงหน้า
เธอจ้องรานีด้วยแววตาแข็งกร้าวอย่างไม่เกรงกลัว เพราะทุกวันนี้เธอก็อยู่อย่างคนตกนรกทั้งเป็นแล้ว
[ คุณแม่หนูขอสาบาน ว่าจะไม่ยอมตาย หากไม่ได้ส่งผู้หญิง ที่ทำให้คุณแม่ต้องทนเจ็บปวด ทรมานจนลมหายใจเหือกสุดท้ายไปลงนรก หนูสัญญา ว่าสักวันหนูจะทำให้มันชดใช้กรรมที่มันก่อทั้งหมด ]
หนี้แค้นนี้เธอต้องชำระให้แม่ หากไม่ได้ชำระชาตินี้เธอตายตาไม่หลับแน่
รานีอารมณ์เสียและโกรธมากเมื่อนับหนึ่งจ้องหน้าแกอย่างไม่เกรงกลัว
แกจึงง้างมือขึ้น ตบหน้านับหนึ่งดัง เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพื่อระบายโทสะ จากนั้นแกก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับปัดมือเบาๆ
" โอ้ ใบหน้าสกปรกของแกเปื้อนมือฉันจนได้ จะสั่งสอนแกก็กลัวเสนียดจะติดมือ
เอาไว้ฉันคิดได้แล้วจะมาบอกนะว่าจะให้แกตายทั้งเป็นยังไง ตอนนี้แกยังโชคดีที่ฉันยังคิดอะไรไม่ออก "
เอ่ยจบแกก็ยิ้มเยาะออกมาก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปแล้วล็อกประตูห้องของนับหนึ่งไว้
จากนั้นแกก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปหาครูประจำชั้นของนับหนึ่ง เพื่อไม่ให้ถูกสงสัย
( คุณครู ฉันเป็นผู้ปกครองของนับหนึ่งนะคะ ช่วงนี้นับหนึ่งไม่สบาย คงต้องลาพักฟื้นที่บ้านสักอาทิตย์ก่อนค่ะ รบกวนคุณครูลาให้ลูกนับหนึ่งด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ )
พิมพ์เสร็จแกก็กดส่งออกไป ทางครูตั้มพอได้รับข้อความ ก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย
[ นับหนึ่งเพิ่งจะดีขึ้น เพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะ หรือว่าอาการจะทรุดหนัก ]
เมื่อคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ที่อาการนับหนึ่งจะทรุด ครูตั้มเลยพิมพ์ตอบกลับไปว่า
( ได้ครับ )
รานีเห็นข้อความแล้วก็ยิ้มร้ายออกมาที่มุมปาก แล้วเดินออกไปจากบริเวณหน้าห้องนับหนึ่ง
นับหนึ่งอยู่ในห้องหยิบยาขึ้นมาเปิดฝาออกแล้วเริ่มหยดยาลงบนรอยแผลสด
พร้อมกับกัดฟันแน่น ซี๊ดปากเป็นพักๆ เมื่อรู้สึกเจ็บแสบบริเวณแผล เธอนั่งทายาคนเดียวอย่างเงียบๆ
ในเมื่อรู้แล้วว่าแม่ถูกคนฆ่าตาย ดังนั้นเธอจะต้องอยู่ให้เป็น ใจเย็นให้พอ เพื่อรอวันแก้แค้น
ความโหดร้ายของคนทำให้เธอคิดได้และสอนให้เธอรู้จักมีเล่ห์เหลี่ยม เรียนรู้ที่จะอยู่รอด
เพราะเธอยังต้องพึ่งพาบ้านหลังนี้เป็นที่พักพิงสุดท้ายของเธอ เพื่อรอวันบรรลุนิติภาวะ
พอทายาเสร็จก็นั่งพิงขอบเตียงอย่างเงียบๆ ค่ำๆก็ขึ้นมานอนบนเตียง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก