นับหนึ่งนอนหมดสติอยู่ในห้องน้ำแคบๆที่เย็นยะเยือก รอบตัวมืดมิดจนมองไม่เห็นอะไรเลย
เช้าวันต่อมา รถดูดส้วมมาทำการดูดส้วมตามที่ได้รับแจ้ง หลังจากรถดูดส้วมทำงานเสร็จคนขับก็ขับรถออกจากโรงเรียนไป ภารโรงเลยเอาคีมตัดเหล็กมาตัดโซ่ทิ้งพร้อมกับบ่นงึมงำคนเดียว
" ใครมาล็อกกุญแจไว้เนี่ย "
พอเปิดประตูเข้าห้องน้ำได้ แกก็เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อดูห้องที่เขียนป้ายติดว่า ห้องน้ำเสีย
พอเดินไปถึงหน้าห้องที่มีป้ายติเด แกก็ดึงเชือกที่มัดประตูออกแล้วเอ่ย
" เล่นอะไรกัน ห้องน้ำเสียก็แค่เขียนป้ายติดไว้ก็จบ มาทำให้ยุ่งยากมัดด้วยเชือกทำไม "
แกบ่นไปแกะเชือกไป จากนั้นแกก็ผลักประตูเข้าไป พอเห็นนับหนึ่งนอนแน่นิ่งในสภาพเสื้อผ้าเปียกชุ่มไปทั้งตัว เนื้อตัวมอมแมม ใบหน้าดูซีดเซียวจนไม่น่ามอง แกตกใจจนช็อกไปเลยแล้ววิ่งออกไปอย่างไวด้วยความตกใจกลัวอย่างขาดสติ เพราะคิดว่านับหนึ่งเสียชีวิตแล้ว
แกวิ่งไปที่บ้านพักครูพละที่แกรู้จักแล้วเคาะประตูพร้อมกับตะโกนเรียกเสียงดัง
" ครูตั้ม ครูตั้มตื่นเร็ว ครูตั้มๆ "
ครูพละเดินออกมาเปิดประตูแล้วเอ่ยถามขึ้น
" อ้าวลุงตู่ มาเรียกเสียงดังแต่เช้า มีอะไรหรือเปล่า แล้วทำไมถึงหน้าตาตื่นอย่างกับเห็นผีล่ะ "
" ครู มี มีนักเรียนเสียชีวิตในห้องน้ำ "
" ว่าไงนะ! ห้องน้ำไหน รีบพาผมไปดูเร็ว "
" ตามผมมาครับ "
แล้วทั้งสองก็วิ่งไปดูที่ห้องน้ำ พอครูตั้มเห็นก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
" นับหนึ่ง! "
แล้วแกก็รีบอุ้มนับหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยสั่งภารโรงขณะที่อุ้มนับหนึ่งออกจากห้องน้ำ
" ลุงช่วยโทรเรียกรถพยาบาลมาเร็ว "
" ครับ "
แล้วลุงแกก็ล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหารถฉุกเฉินทันที
ไม่นานรถฉุกเฉินก็ขับเข้ามาในโรงเรียน ครูตั้มก็พานับหนึ่งขึ้นรถพยาบาลทันที
เจ้าหน้าที่รีบช่วยกันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นับหนึ่งแล้วทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
พอไปถึงโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่ก็เอานับหนึ่งลงจากรถแล้วเข็นเธอเข้าไปทำการรักษาในโรงพยาบาล
ส่วนครูตั้มที่เป็นครูประจำชั้นของนับหนึ่งก็ไปทำเรื่องเข้ารักษาให้ตัวให้ จากนั้นก็แจ้งลงกลุ่มผู้ปกครอง
( แจ้งผู้ปกครองของนับหนึ่งนะครับ ตอนนี้น้องมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนรายละเอียดอื่น เดี๋ยวผมจะแจ้งอีกทีนะครับ )
รานีกำลังเตรียมอาหารเช้าได้ยินข้อความแจ้งเตือนในโทรศัพท์ แกเลยเปิดเข้าไปดู พอเห็นข้อความดวงตาแกก็เบิกกว้างขึ้นมาทันที
[ นี่นังนับหนึ่งเป็นอะไร ทำไมถึงเข้าโรงพยาบาล อย่าบอกนะว่าถูกทำมิดีมิร้าย หึ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี ]
แกพึมพำในใจบใบหน้าปรากฏรอยยิ้มร้ายๆออกมา ธำรงเดินเข้ามาหาภรรยาเห็นแกยืนยิ้มอยู่เลยเอ่ยถามขึ้น
" มีเรื่องน่ายินดีอะไรเหรอถึงทำให้คุณยิ้มได้ "
ได้ยินเสียงสามีแกก็รีบปรับสีหน้าเป็นยิ้มหวานทันทีแล้วเอ่ย
" ไม่มีอะไรค่ะ รานีแค่ดีใจที่วันนี้จะได้ไปส่งลูกไปโรงเรียนพร้อมกัน "
" ถ้าไม่ใช่เรื่องนับหนึ่งผมก็คงไม่ลางานหรอก ผมว่าเธอเริ่มโตแล้วมันถึงเวลาที่ผมควรจะสอนให้เธอรู้หน้าที่ ไม่งั้น คงจะเสียผู้เสียคนกันพอดี "
" ค่ะ แต่ฉันว่าคุณรอให้เธอกลับมาที่บ้านก่อนแล้วค่อยๆสอนจะดีกว่านะคะ อย่าไปถามในโรงเรียนหรือไปถามครูเลยค่ะ เรื่องภายในครอบครัวไม่ควรให้คนนอกรับรู้นะคะ "
จริงๆแล้วแกกลัวสามีจะรู้ว่านับหนึ่งอยู่โรงพยาบาล แล้วมันจะทำให้สามีใจอ่อนเพราะความสงสารลูก
" ที่คุณพูดก็ถูก ผมร้อนใจไปหน่อยขอบคุณนะที่คอยเตือนผม "
" มันเป็นหน้าที่ของภรรยาอยู่แล้วค่ะ ฉันทำอาหารเสร็จแล้ว เราไปทานข้าวกันเถอะค่ะ "
ธำรงพยักหน้าเบาๆแล้วเดินออกไปนั่งรอทานข้าวเช้าที่โต๊ะอาหาร
ไม่นานอิงฟ้าก็เดินมานั่ง ส่วนคนเป็นแม่ก็ทำหน้าที่ตักข้าว เสร็จแล้วก็นั่งทานข้าวกันอย่างอบอุ่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก