ช่วงบ่าย พอลูกค้าออกไปจากร้าน ทุกคนก็ช่วยกันเก็บโต๊ะ ปิดร้าน
ส่วนนับหนึ่งที่หลบอยู่ในห้องก็เปิดประตูก้าวออกมาจากห้อง แล้วมานั่งคุกเข่าลงข้างโซฟาที่ธีร์นอนอยู่
แววตาสดใสของเธอจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่มีความละมุนอย่างเงียบๆ
[ เวลาบอสหลับแล้วดูสงบ อบอุ่น น่าหลงไหลมากจริงๆ จะว่าไปแล้ว ในสายตาเราล้วนไม่มีใครหล่อเท่าบอสอีกแล้ว นอกจาก.... ]
นอกจากผู้ชายที่ดูถูกเธอคนนั้น แต่เธอไม่อยากเอ่ยถึงเขาแล้ว
เธอแอบพึมพำในใจอย่างเงียบๆ ธีร์ที่แกล้งหลับอยู่ ก็เอ่ยถามขึ้นพร้อมกับลืมตามองสาวน้อยที่กำลังนั่งจ้องหน้าเขา
" ผมหล่อมั้ย "
จริงๆแล้วเขาตื่นได้สักพักแล้ว พอเห็นว่านับหนึ่งเปิดประตูออกมาเลยแกล้งหลับต่อ
นับหนึ่งตกใจและรู้สึกอายจนทำหน้าไม่ถูกเมื่อถูกบอสจับได้ว่าเธอกำลังแอบมองเขาอยู่
" นี่...นี่ คุณแกล้งหลับเหรอคะ "
เธอเอ่ยถามขึ้นอย่างตะกุกตะกักจนพวงแก้มสองข้างร้อนผ่าวแดงระเรื่อ
ธีร์ยิ้มอ่อนอย่างละมุนแล้วเอ่ยเสียงนุ่มนวลเบาๆ สบตากับนับหนึ่งที่ดวงตาเลิ่กลั่กอย่างทำหน้าไม่ถูก
" ก็...ถ้าผมหลับ ผมก็ไม่รู้น่ะสิ ว่าถูกคุณจ้องมองอยู่แบบนี้ "
เอ่ยจบเขาก็ลุกขึ้นมานั่ง แล้วจับแขนนับหนึ่ง ออกแรงดึงให้เธอลุกขึ้นมานั่งข้างๆ พร้อมกับโอบเอวเธอไว้ ดวงตาของทั้งสองสบประสานกันอย่างเงียบๆ
ตอนนี้เขาอยากจะสารภาพความในใจออกมา จนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว เขาอยากจะครอบครองเธอ แต่ก็ทำไมได้
นับหนึ่งสบตากับเขาอย่างลึกซึ้ง ในนัยน์ตาดำขลับอันทรงเสน่ห์คู่นั้นของเขา
แฝงไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ที่สื่อออกมาทางสายตา
เธอรู้สึกอึ้งกับแววตาทรงเสน่ห์น่าดึงดูดของเขา ที่ทำให้เธอจ้องจนลืมตัวราวกับต้องมนตร์สะกด
ธีร์เองก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองถูกดูดเข้าไปในนัยน์ตาสวยคู่นั้นจนลืมตัว อย่างยากจะควบคุมความปรารถนาบางอย่างในตัว
เขาค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้างามอย่างช้าๆ
แววตาย้ายมาจับจ้องริมฝีปากสวยอย่างไม่วางตา กำลังจะจูบลงบนริมฝีปากอมชมพู
แต่แล้ว เจ้าของริมฝีปากกลับหลบหน้า ด้วยหัวใจที่เต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ แล้วเธอก็เอ่ยออกมาเสียงค่อยอย่างรู้สึกผิด
" ขอโทษค่ะ "
[ ตายแล้วเกือบจะจูบกับบอสอย่างลืมตัวแล้ว ทำไมจิตใจถึงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้นะ
หรือเป็นเพราะบอสหล่อเกินไป เราจะใจง่ายแพ้ความหล่อไม่ได้ ]
เธอรู้สึกว่าตั้งแต่ได้เจอกับกวินจิตใจของเธอ ก็เปลี่ยนไปเลย
รู้สึกว่าตัวเอง มีความสนใจในตัวเพศตรงข้ามมากขึ้น ชอบมองคนหล่อ ชอบมองหาเสน่ห์บนตัวเพศตรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
[ จิตใจเราฟุ้งซ่านมาก สงสัยต่อไปต้องนั่งสมาธิบ่อยๆแล้ว ]
พอได้ยินเสียงนับหนึ่งดังขึ้น ธีร์ก็ได้สติ เขาถึงกับทำหน้า ทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว จากนั้นก็เอ่ยอย่างรู้สึกผิดเบาๆ
" เอ่อ...ผม ผมขอโทษ "
นับหนึ่งนั่งหลังตรงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
" ไม่เป็นไรค่ะ คุณ คุณไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวฉันจะลงไปรอข้างล่างค่ะ "
" อือ "
เขาพยักหน้าเบาๆ ลึกๆแล้ว เขาแอบดีใจ ที่นับหนึ่งไม่ได้แสดงท่าทีที่ไม่พอใจต่อการกระทำของเขา มันทำให้เขารู้สึกมีความกล้าขึ้นมาในใจอย่างมาก
จากนั้นนับหนึ่งก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องเพื่อลงไปหาพี่ๆที่ชั้นล่าง
มีมี่ออกมาจากห้องน้ำ เห็นนับหนึ่งเดินลงบันไดมาจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้านิ่งๆ
" บอสเรียกให้ไปทำอะไรอ่ะ ทำไมนานหลายชั่วโมงเลย "
ได้ยินพี่มีมี่เอ่ยถามแบบนั้น นับหนึ่งก็ยิ้มออกมาอย่างกลบเกลื่อนความพิรุธของตัวเองแล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงปกติ
" อ๋อ...บอสให้น้องไปช่วยดูงานที่ไปดูมาน่ะ แล้วให้ช่วยวิจารณ์เลยใช้เวลานานหน่อย "
เธอโกหกออกไปอย่างลืมกลั่นกรองคำพูดเพราะตื่นเต้นจนคิดอะไรไม่ทัน
มีมี่ยิ้มแล้วเลิกคิ้วถาม
" จริงเหรอ ทุกทีไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย "
" ก็ ก็ไม่รู้สิ ทุกทีอาจจะมีปัญหาไม่เยอะมั้ง "
เธอเอ่ยด้วยสีหน้าท่าทางดูลุกลี้ลุกลนชอบกลคล้ายไปทำอะไรผิดมา
เจนที่นั่งอยู่ไกลๆมองน้องด้วยสีหน้ายิ้มๆ
มีมี่ดูเหมือนจะไม่เชื่อที่นับหนึ่งพูดสักเท่าไหร่ แต่กลับอมยิ้มเบาๆ
แล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ โดยไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะไม่อยากแกล้งน้องแล้ว
นับหนึ่งเดินลงมานั่งบนเก้าอี้อย่างเงียบๆนิ่งๆ เจนเดินมาหย่อนกายลงตรงหน้าเธอ
แล้วเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับยื่นหลังมือออกไปแตะหน้าผากเธอเบาๆ
" น้องไม่สบายเหรอ อืม...ก็ไม่ได้ตัวร้อนหนิ ทำไมถึงหน้าแดงแบบนั้นล่ะ แอร์ก็เปิด น้องเป็นอะไรหรือเปล่า หื้อ "
มีมี่นั่งอมยิ้มอยู่ไกลๆที่เห็นเจนแกล้งถามน้องแบบนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก