เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ธีร์ก็เดินมาหย่อนกายลงนั่นบนเก้าอี้ทำงานของตัวเอง
แล้วเอ่ยถามมีมี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
" ทำไมคุณถึงไม่ยอมบอกเรื่องที่นับหนึ่งเจอกับผู้ชายคนนั้นให้มันเร็วกว่านี้ "
มีมี่ค้อมตัวลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างสำนึกผิดอย่างรู้ความผิดของตัวเอง
" มีมี่ขอโทษค่ะบอส จริงๆแล้วเมื่อวานมีมี่พยายามจะหาโอกาสคุยกับบอสแล้ว แต่เห็นบอสยุ่งๆ ไม่มีเวลา เลยไม่รบกวน และไม่คิดว่าคุณเคธี่จะมาชวนน้องออกไปอยู่ข้างนอกด้วยค่ะ "
แววตาอันเยือกเย็นจับจ้องใบหน้าลูกน้องคนสนิทอย่างเงียบๆแล้วเอ่ยอย่างประชด
" ผมเพิ่งรู้ ว่าคุณสามารถคุยกับผมได้เฉพาะต่อหน้าเท่านั้น คุณไม่เล่นFacebookไม่เล่นLine แล้วงั้นเหรอ "
ได้ยินดังนั้นมีมี่ก็รีบเอ่ยทันที
" ขอโทษค่ะบอส ต่อไปมีมี่จะรายงานทุกเรื่องให้บอสทราบทันที จะไม่ชะล่าใจแบบนี้อีกแล้วค่ะ "
แววตาคมกริบจ้องมองหน้าลูกน้องคนสนิทแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
" อย่าให้ผมรู้นะ ว่าคุณจงใจปิดบังผม "
น้ำเสียงเยือกเย็นที่เอ่ยออกมาทำให้คนฟังรู้สึกชาไปทั้งตัว
" ไม่แน่นอนค่ะบอส ไม่มีทางแน่นอน มีมี่จงรักภักดีกับบอสแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นค่ะ "
หล่อนส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างจริงใจ
" ก็ดี งั้นก็เล่าเรื่องทั้งหมดมา "
เจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลาเอ่ยเสียงดุด้วยท่าทีสุขุมเยือกเย็นราวกับก้อนน้ำแข็ง ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกหวั่นเกรงจนรีบเอ่ยตอบรับคำ
" ค่ะ "
จากนั้นหล่อนก็เริ่มเล่าตั้งแต่ต้น
" วันที่ไปถ่ายโฆษณาที่บริษัทธนินกรุ๊ป เดิมที คุณกวินไม่พอใจที่คุณเคธี่เลือกน้องนับหนึ่งเป็นพรีเซ็นเตอร์
จึงเข้ามาพูดจาดูถูกและจะฉีกสัญญาทิ้ง
แต่พอได้เจอน้อง ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย
แล้วพาน้องกลับไปที่บ้านของเขา หลังจากนั้นเพื่อให้แน่ใจ เขาก็พยายามเข้าหาน้องเพื่อหารอยสักบนแผ่นหลัง
แต่โชคดีที่บอสฉลาด รู้ทันเขา แล้วชิงลบรอยสักไปซะ ก่อนพอเขาไม่เจอรอยสักบนตัวน้อง
ก็จากไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด แล้วเขาก็ปล่อยพวกเรากลับมาค่ะ
แต่นึกไม่ถึงว่าแค่ไม่กี่วัน เขาจะส่งคุณเคธี่มาอีก มีมี่คิดว่า บางทีการที่คุณเคธี่มา อาจไม่ใช่คำสั่งเขาก็ได้ค่ะ "
ธีร์ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยกับความคิดในตอนท้ายของคนตรงหน้า
" อย่ามองอะไรเพียงผิวเผิน คุณลองคิดวิเคราะห์ดูให้ดีๆ
ก่อนหน้านี้คุณเคธี่ ไม่ได้มีปัญหากับเรื่องที่อยู่อาศัยของนับหนึ่งเลย
แต่หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นได้เจอนับหนึ่ง คุณเคธี่ก็มาขอให้นับหนึ่งย้ายออกไปทันที
อีกอย่างนับหนึ่งอยู่ในเมือง จะเดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวก
ไม่จำเป็นต้องไปอยู่ที่อื่น ตามที่คุณเคธี่กล่าวอ้างเลย แค่เขาอ้าปากพูด ผมก็เห็นลิ้นไก่ของเขาแล้ว "
หล่อนยอมรับว่าบอสของตัวเองฉลาด ทันคน สามารถมองคนได้อย่างทะลุปรุโปร่งราวกับอ่านใจคนได้และสามารถอ่านเกมขาดจนน่าทึ่ง
หล่อนรู้สึกชื่นชมและเคารพนับถือเขามาก เพราะแบบนี้ข้างกายจึงมีแต่คนดีๆที่ไว้ใจได้
จากนั้นหล่อนก็เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวลใจว่า
" แล้วแบบนี้บอสจะทำยังไงต่อไปคะ จะยอมให้น้องนับหนึ่ง ไปอยู่ในความดูแลของคุณเคธี่จริงๆเหรอคะ
คุณกวินนั่นน่ะ ดูไร้หัวใจจะตาย ตอนว่าให้น้องนับหนึ่งคือดูถูกเหยียดจนน้องแทบจะไม่ใช่คนแล้ว
แต่พอได้เห็นน้องแล้วก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย
คนแบบนี้ ไม่ต้องใช้จิตวิทยา มีมี่ก็มองออก ว่าเขาไม่มีหัวใจ รักใครไม่เป็น
ใหม่ๆก็จะชื่นชอบ พอเบื่อก็จะเฉดหัวทิ้งแล้วไล่อย่างหมูอย่างหมาแน่นอนค่ะ "
ธีร์ถอนหายใจออกมายาวๆก่อนจะเอ่ยขึ้น
" ผมก็ไม่ได้อยากปล่อยนับหนึ่งไปหรอก แต่คุณฟังคำพูดของคุณเคธี่ก่อนออกไปสิ
เขาจงใจทำให้ผมดูไม่ดีในสายตานับหนึ่ง จงใจทำให้นับหนึ่งคลางแคงใจ
หากนับหนึ่งอยากไปแต่ผมไม่ให้ไป ในสายตาเธอ ผมก็จะกลายเป็นคนคอยขัด ขวางคอยถ่วงอนาคตของเธอ
เรื่องนี้คงต้องให้เธอตัดสินใจเอง แม้เราจะรักเธอมากแต่เราไม่ใช่เจ้าชีวิตเธอ "
หล่อนเห็นใจบอสมาก ที่รักและหวังดี คอยปกป้อง เฝ้าทะนุถนอมนับหนึ่งมาตลอด
แคร์ความรู้สึกและคิดถึงใจเธอก่อนเสมอ จนลืมคิดถึงหัวใจของตัวเอง
แล้วหล่อนก็เอ่ยขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก