ธีร์หันมามองหน้านับหนึ่งด้วยแววตาสุขุมราวกับอยากจะห้ามไม่ให้เธอไปกับเคธี่
ลางสังหรณ์ของเขารู้สึกได้ว่าการที่ เคธี่มาขอให้นับหนึ่งไปอยู่ที่อื่นนั้นต้องเป็นคำสั่งของใครบางคนแน่นอน
เพราะก่อนหน้านี้เคธี่ไม่เคยมายุ่งเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของนับหนึ่งเลย
แต่หลังจากไปถ่ายโฆษณาตัวแรกเสร็จ ก็มาขอให้นับหนึ่งย้ายที่อยู่เลย
ตอนนี้เขาอยากรู้มาก ว่าที่ไปถ่ายงานโฆษณาครั้งล่าสุดเป็นของบริษัทอะไร
เขาจ้องไปที่มีมี่ด้วยแววตาสุขุมเยือกเย็นคล้ายถามผ่านสายตาอันเยือกเย็น มีมี่เองก็ไหวพริบดี
รู้ได้ทันทีว่าแววตาของบอสที่จ้องหล่อนแบบนั้นต้องการจะรู้อะไร หล่อนจึงเอ่ยขึ้นแบบเนียนๆเพื่อไม่ให้ใครสงสัย
" เอ่อ บอสคะ บางทีคุณเคธี่อาจจะคิดว่า น้องจะต้องเดินทางไปถ่ายโฆษณาบ่อยๆ
เลยอยากจะหาสถานที่ใกล้ๆกับสถานที่ถ่ายทำเพื่อที่จะได้สะดวกในการเดินทางค่ะ
อย่างครั้งล่าสุดน้องไปถ่ายงานให้กับบริษัทธนินกรุ๊ป กว่าจะกลับถึงร้าน ก็ใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงค่ะ "
พอได้ยินคำว่า ธนินกรุ๊ป คิ้วของธีร์ก็กระตุกวูบทันที นัยน์ตาดูแข็งกร้าวจ้องหน้ามีมี่อย่างเงียบๆ
[ ธนินกรุ๊ปอย่างงั้นเหรอ ไม่น่าล่ะ วันนี้ถึงทำให้คุณเคธี่ลงทุนมาพูดโน้มน้าวนับหนึ่งถึงที่นี่ เจ้าเล่ห์จริงๆ ]
ธีร์พึมพำในใจอย่างเงียบๆด้วยความไม่พอใจ มีมี่นิ่งเงียบรอดูท่าทีของบอสอย่างเงียบๆ จากนั้นก็เอ่ยต่อ
" เอ่อ มีมี่คิดว่าถ้าน้องนับหนึ่งไปอยู่ในที่ที่คุณเคธี่จัดให้
บางทีมันอาจจะสะดวกในการให้คนมาสอนการแสดงน้องด้วย
หากไปอยู่ในที่ที่บอสจัดหาให้มันอาจจะทำให้คุณเคธี่ลำบากใจเอาก็ได้ค่ะ
แล้วอาทิตย์หน้า น้องก็มีถ่ายโฆษณาโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดให้กับบริษัท ธนินกรุ๊ปอีก
บางทีทางเจ้าของบริษัทอาจจะไม่อยากให้น้องทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เสียหาย
เลยต้องขอให้คุณเคธี่ช่วยดูแลความเป็นอยู่ของน้องให้มันดีหน่อยค่ะ มีมี่เข้าใจถูกมั้ยคะ พี่เคธี่ "
เคธี่มองหน้ามีมี่แล้วเอ่ยตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ
" ถูกต้องค่ะ "
แต่ในใจกลับลอบพึมพำ
[ เด็กคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ แสร้งทำเป็นเข้าใจคนอื่นแต่เจตนาที่แท้จริงคือรายงานเรื่องของนับหนึ่งให้เจ้านายรับรู้อย่างแนบเนียน
ร้ายกาจจริงๆ แต่ก็ดี มีคนแบบนี้อยู่ข้างกายน้องนับหนึ่ง ถือว่าดีมากเหมือนกัน น้องจะได้ไม่ถูกใครรังแกเอาง่ายๆ ]
แล้วมีมี่ก็เอ่ยต่อด้วยสีหน้ายิ้มๆที่ดูเหมือนจะลุ่มหลงในรูปลักษณ์ของผู้ชายแบบปลื้มเอามากๆ
" บอสรู้มั้ยคะ วันที่น้องไปถ่ายโฆษณาที่บริษัทธนินกรุ๊ปน่ะ มีมี่กับน้องได้เจอประธานกวิน แห่งธนินกรุ๊ปด้วยค่ะ เขาหล่อมาก กระชากใจสุดๆ "
นับหนึ่งมองหน้าบอสแล้วเม้มริมฝีปาก ยิ้มเจื่อนออกมาพร้อมกับแอบหยิกพี่มีมี่เบาๆ
เพราะเธอรู้ว่าบอสมีความรู้สึกพิเศษกับเธอ เธอกลัวว่าเขาจะรู้สึกหึงหวงแบบไม่มีเหตุผล
ยิ่งได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของธีร์ยิ่งแข็งกร้าวมากขึ้น ความหึงหวงก่อตัวขึ้นมาเต็มหัวใจ เขาย้ายสายตามามองหน้านับหนึ่งอย่างเงียบๆ
พยายามหักห้ามใจให้สงบ ด้วยการนั่งนิ่งๆ โดยไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆออกมาให้ใครเห็น
ส่วนนับหนึ่งก็ได้แต่นั่งยิ้มเจื่อนท่ามกลางสถานการณ์อึมครึมอันน่าอึดอัด
คำพูดของมีมี่แน่นอนว่าเป็นการรายงานให้เจ้านายทราบเรื่องบริษัทที่นับหนึ่งร่วมงานด้วย
ขณะเดียวกันหล่อนก็รู้จักใช้ความหวังดีเป็นเครื่องมือ แสร้งทำเป็นเข้าใจอีกฝ่าย
แต่แฝงไปด้วยจุดประสงค์อื่น ที่ไม่ใช่เพียงแค่การรายงานให้เจ้านายทราบเรื่องงานของนับหนึ่งเท่านั้น
และดูเหมือนจะมีเพียงตัวหล่อนกับบอสเท่านั้น ที่รู้กัน ว่าแท้จริงแล้ว
หล่อนกำลังพยายามไม่ให้บอสอนุญาตให้นับหนึ่งไปอยู่ในมือของกวิน แห่งธนินกรุ๊ป
เพราะกวินเป็นผู้ชายที่อันตรายเกินไปสำหรับนับหนึ่ง ในฐานะลูกจ้างที่มีหน้าที่ดูแลนับหนึ่ง หล่อนกลัวจะรับมือกับกวินไม่ได้
เคธี่แสร้งยิ้มแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบพยายามพูดโน้มน้าวให้ธีร์เข้าใจในงานของนับหนึ่ง
" ฉันหวังดีกับน้องนับหนึ่งนะคะ ไม่อยากให้น้องเสียโอกาสดีๆไปเพียงเพราะข่าวเสียหาย ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
อีกอย่างการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับบริษัทธนินกรุ๊ป มันไม่ใช่ว่าจะได้เป็นกันง่ายๆนะคะ
ไม่ใช่ใครอยากเป็นก็เป็นได้ ในเมื่อน้องผ่านการคัดเลือก ก็แสดงว่า คุณสมบัติของน้อง ผ่าน
หลังจากน้องได้เป็นพรีเซ็นเตอร์แล้ว น้องต้องวางตัวดีทุกอย่าง โดยไม่มีข่าวฉาวหรือข่าวเสียหายใดๆเกิดขึ้นค่ะ
แล้วสินค้าของบริษัทนี้ ก็เป็นที่รู้จักกันทั่วเอเชีย เป็นโอกาสดี ที่น้องอาจจะมีโอกาสโด่งดังไปทั่วโลกได้นะคะ
ฉันขอร้องคุณธีร์ล่ะค่ะ โปรดเข้าใจเจตนาของฉันหน่อยนะคะ
ฉันรู้ ฉันเข้าใจว่าคุณเป็นห่วงน้องนับหนึ่งมาก ฉันสัญญาค่ะ ว่าจะดูแลน้องนับหนึ่งให้ดี "
ตอนนี้ธีร์ไม่มีอารมณ์อะไรจะพูดกับเคธี่แล้ว เขาต้องการรู้รายละเอียด เรื่องที่นับหนึ่งได้เจอกับกวินจากปากของมีมี่มากกว่า
จึงละสายตาจากนับหนึ่ง ย้ายมามองหน้าเคธี่ แล้วฉีกยิ้มมุมปากออกมาเบาๆอย่างไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้
เคธี่เองก็กังวลว่าตัวเองจะต้องผิดคำพูดกับท่านประธานแห่งธนินกรุ๊ป เพราะธีร์ที่ไม่ยอมปล่อยนับหนึ่งไปอยู่ในความดูแลของแก แกจึงต้องเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง
" หากคุณธีร์รักและหวังดีกับน้องนับหนึ่งจริงๆ ก็ควรจะปล่อยให้น้องไปมีอนาคตที่ดีนะคะ
น้องจะได้เรียนรู้โลกกว้างออกไปโบยบินอย่างมีอิสระ ไม่ใช่อยู่แต่ในร้านกาแฟของคุณ "
คำพูดของเคธี่ ทำให้บรรยากาศในห้องอึดอัดอึมครึมมากยิ่งขึ้น ราวกับเป็นสนามรบแห่งสงครามเย็น
ธีร์จ้องหน้าเคธี่แล้วเอ่ย
" แน่นอน ว่าผมรักและหวังดีกับนับหนึ่ง มากกว่าใคร แต่ผมจะปล่อยให้เธอไป ก็ต่อเมื่อ
ที่ที่เธอจะไปอยู่ต้องปลอดภัย ผมกับทุกคนในร้านสามารถเข้าไปหาเธอเมื่อไหร่ก็ได้
และเธอจะต้องยินยอมไปเอง ไม่ใช่ไปเพราะใครมาทำให้เกรงใจ
ผมหวังว่าคุณเคธี่ จะให้เวลานับหนึ่งได้คิดไตร่ตรองและได้ตัดสินใจด้วยตนเองนะครับ "
ธีร์เอ่ยเสียงราบเรียบพร้อมกับจ้องหน้าเคธี่ด้วยแววตานิ่งสงบอย่างเยือกเย็น
นัยน์ตาดำขลับมีความน่าเกรงขามจนเคธี่เริ่มรู้สึกหวั่นเกรง
" ได้ค่ะ ในเมื่อคุณธีร์พูดมาขนาดนี้แล้ว ฉันก็คงไม่กล้าเร่งเร้าอะไรน้องนับหนึ่งแล้วค่ะ เอาเป็นว่า ฉันจะให้เวลาน้องนับหนึ่งใช้เวลาตัดสินใจ หนึ่งอาทิตย์นะคะ "
เอ่ยตกลงกับธีร์เสร็จ แกก็ปรายตามามองนับหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
" หลังจากถ่ายโฆษณาตัวที่สองเสร็จ พี่เคธี่หวังว่าน้องนับหนึ่งจะให้คำตอบที่ไม่ทำให้พี่ผิดหวังนะคะ "
นับหนึ่งที่นั่งเงียบด้วยความรู้สึกอึดอัด ได้แต่พยักหน้าเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเจื่อนๆอย่างลำบากใจ
" ค่ะ "
เคธี่ยิ้มแล้วเอ่ย
" ถ้างั้นพี่ไม่รบกวนแล้วนะ นอนพักผ่อนให้เยอะๆ ดื่มน้ำให้มากๆล่ะ อาทิตย์หน้าจะได้ทำงานอย่างเต็มที่ "
" ค่ะ "
จากนั้นเคธี่ก็หันไปมองหน้าธีร์แล้วเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มๆตามมารยาท
" ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ คุณธีร์ "
" เชิญครับ "
ธีร์เอ่ยตอบเสียงเรียบด้วยสีหน้าสุขุมอย่างนิ่งเฉย
หลังจากกล่าวลากันตามมารยาทเรียบร้อยแล้ว เคธี่ก็ลุกจากเก้าอี้โซฟา เดินออกจากห้องของนับหนึ่งไป โดยมีนับหนึ่งเดินออกไปส่งแขกตามมารยาท
ส่วนธีร์ก็ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยเสียงเย็นด้วยถ้อยคำเด็ดขาดอย่างเย็นชา
" มีมี่ตามผมไปที่ห้อง "
" ค่ะ "
ตอนนี้ไม่มีคนนอกแล้ว เขาสามารถแสดงอารมณ์ในใจออกมาผ่านสีหน้าได้แล้ว เลยเดินออกไปด้วยสีหน้าเย็นชาอย่างขมึงทึง
ส่วนมีมี่ก็ลุกตามเขาออกไปอย่างเงียบๆ จริงๆหล่อนตั้งใจจะบอกบอสเรื่องที่เจอกวินตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก