ริษยาร้ายซ่อนรัก นิยาย บท 82

ในขณะที่อยู่ในลิฟต์ กวินเข้ายืนชิดแผ่นหลังนับหนึ่ง จนแทบจะหายใจรดศีรษะเธอแล้ว

เขาหลุบตามองลงมาบนหัวไหล่อันขาวเนียนละเอียด แววตาสุขุมชื่นชมไหปลาร้าอันเซ็กซี่ ที่เปิดโชว์อยู่

ทำให้นึกถึงค่ำคืนที่ร่วมรักกับเธออย่างเร่าร้อนบนเตียงใหญ่

นึกถึงตอนที่ตัวเองละเลงจูบไหปลาร้าเรียวสวยบางเบาๆ ไล้เลียไปตามต้นคออย่างนุ่มนวล

จากนั้นก็ละเลงจูบไปตามซอกคออันหอมนุ่มอย่างอดใจไม่ไหว

ด้วยความหอม เนียนนุ่มของผิวเธอ ทำให้เขาเผลอดูดไปตามซอกคอของเธออย่างรุนแรงด้วยความหมั่นเขี้ยว

อยากจะฝากร่องรอยของตัวเองไว้บนตัวเธอ เพื่อให้เธอจดจำเขาอย่างลึกซึ้ง

จนถึงขั้นตัดสินใจป้ายยาสลบแล้วให้ช่างมาสักชื่อของตัวเองลงบนแผ่นหลังของเธอ

เขาเคลิ้มไปกับไหล่สวยจนเกือบจะหลงเข้าไปในห้วนแห่งความคิด

แต่เมื่อคิดว่านับหนึ่งจะต้องเป็นแม่ของลูก อยู่ๆเขาก็รู้สึกหวงเรือนร่างของเธอขึ้นมา จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุขุม

" ต่อไปคุณไม่ต้องใส่เดรสที่เปิดไหล่ โชว์ไหปลาร้าแบบนี้อีกแล้วนะ "

ได้ยินดังนั้น นับหนึ่งก็หันหน้าไปมองเขาที่ตัวสูงกว่าอย่างเย็นชา แล้วหันกลับมาหน้าตรงพร้อมกับเอ่ยเสียงเย็น

" คุณเป็นเพียงคนที่จ้างฉันเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า ไม่ใช่เจ้าชีวิต แล้วก็ไม่ใช่คนสนิท

ดังนั้น อย่ามาเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเรื่องการกายแต่งกายที่เป็นสิทธิส่วนบุคคลของฉันค่ะ "

กวินจ้องหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยความอยากจะบอกความจริงกับเธอเหลือเกิน ว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอเมื่อหลายปีก่อน

แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเธอที่พูดกับกฤตก่อนหน้านี้ เขาก็ได้แต่กลืนความอยากเผยตัวตนนั้นลงท้องไป แล้วเอ่ยขึ้นอย่างสุขุม

" ก็เพราะว่าผมเป็นคนจ้างคุณไง เลยต้องดูแลการแต่งกายของพรีเซนเตอร์ให้มันมิดชิดหน่อย มันผิดตรงไหนเหรอ "

นับหนึ่งรู้สึกรำคาญกับข้ออ้างไร้สาระของเขา มาก จึงเอ่ยตอบไปอย่างไม่สบอารมณ์

" ไม่ผิดค่ะ คุณมีสิทธิ์ที่จะห้าม ส่วนฉันก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ฟังเช่นกัน เราสองคนล้วนไม่มีใครผิด ต่างคนต่างมีสิทธิ์ค่ะ จบนะคะ "

เอ่ยจบเธอก็หันกลับมาแล้วยืนกอดอกอย่างเงียบๆในระหว่างที่ลิฟต์ส่งพวกเขาลงไปชั้นล่าง

กวินขยับมายืนข้างเธอเล็กน้อยแล้วฉวยโอกาสยื่นมือออกมาโอบเอวเธอไว้อย่างหน้าตาเฉย

" นี่คุณ เอามือคุณออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ! "

เธอหันไปมองหน้าเขาแล้วเอ่ยขึ้นขึ้นเสียงดุพร้อมกับแกะมือที่โอวเอวบางของเธอไว้ด้วยสีหน้าโมโห

กวินยิ้มอย่างพอใจแล้วเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนอย่างสบายอารมณ์

" ผมเป็นห่วง กลัวว่าคุณจะยืนไม่มั่นคง หากล้ม ลงไป ผมจะได้ประคองตัวคุณไว้ทัน เลยต้องโอบเอวของคุณเอาไว้แบบนี้ มันไม่ดีเหรอครับ "

นับหนึ่งพยายามแกะฝ่ามือใหญ่ที่โอบเอวเธอแน่นด้วยความหงุดหงิดใจ

" ดีกับผีน่ะสิ คนเจ้าเล่ห์ เอามือของคุณออกจากตัวฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ "

กวินสบตาเธอที่หน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วเอ่ยเสียงเรียบอย่างสุขุม

" อยู่เฉยๆ ถ้าขืนคุณยังพยายามแกะมือผมอยู่แบบนี้ ผมอาจจะทำมากกว่าโอบเอวคุณก็ได้นะ "

ได้ยินดังนั้นนับหนึ่งก็ยิ่งขมวดคิ้วด้วยสีหน้าบึ้งตึง แต่ก็ยืนนิ่งเงียบไป

พร้อมกับมองค้อนใส่เขาด้วยแววตาพิฆาตอย่างขุ่นเคืองในใจ

เมื่อเธอยืนนิ่งเฉย ยอมให้โอบเอวแต่โดยดี กวินก็ลอบยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ด้วยความพอใจ

สำหรับเขาแล้ว เธอคือผู้หญิงของเขา โอบเอวนิดหน่อย ถือเป็นการให้เกียรติและแสดงความจริงใจมากแล้ว

" ติ้ง "

ประตูลิฟต์ค่อยๆแง้มออก นับหนึ่งก็รีบก้าวเท้าออกมาจากลิฟต์

เพื่อที่จะได้อยู่ห่างๆจากกวิน แต่เขากลับก้าวตามออกมาเคียงข้างเธอไม่ห่างกายเลย

" ผมจะไปส่งคุณกลับบ้านนะ "

กวินเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ในขณะที่เดินออกไปยังลานกว้าง หน้าร้านอาหาร

" ไม่ต้องค่ะ ฉันจะกลับเอง "

เธอเอ่ยปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าทันที

" แต่ผมว่าคุณกลับเองคงไม่ไหว "

ได้ยินดังนั้นนับหนึ่งก็หยุดก้าว แล้วหันมาถามเขาด้วยแววตาเย็นชาอย่างสงสัย

" คุณหมายความว่าไง "

เมื่อเห็นว่าเธอกำลังเกิดความสงสัย กวินก็เลิกคิ้วรีบเอ่ยทันที

" เปล่า ผมหมายถึงมันดึกแล้ว คุณกลับเอง คงไม่ไหว มันไม่ปลอดภัย สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างคุณ ที่จะต้องเรียกรถไปส่งในเวลาดึกๆแบบนี้ "

" ฉันรู้ค่ะ เพราะงั้น เลยไม่อยากให้คุณไปส่ง "

ได้ยินดังนั้น กวินเริ่มจะหมดความอดทนกับนับหนึ่งแล้ว จึงเอ่ยขึ้นเสียงเย็นแบบห้วนๆ

" คุณอย่าดื้อได้มั้ย ไปขึ้นรถ เดี๋ยวผมจะไปส่ง "

กรขับรถมาจอดลงตรงหน้าทั้งสอง แล้วเปิดประตูลงมาจากรถ ยืนรอผู้เป็นเจ้านายขึ้นมาในรถ

ทันทีที่เห็นกร นับหนึ่งก็หันมามองหน้ากวิน แล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยความรู้สึกตะขิตตะขวนใจ

" ทำไมคุณถึงเปลี่ยนคน แล้วคุณกฤตล่ะ "

เธอรู้สึกเป็นห่วงกฤตแบบแปลกๆ กลัวว่าเขาจะถูกเจ้านายลงโทษที่ยืนคุยกับเธอ จนเขาต้องลงมาตามด้วยตัวเอง

พอถูกนับหนึ่งจ้องด้วยแววตาสงสัย กวินจึงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์

" เขาขับรถไม่ถูกใจ สั่งให้กลับไปแล้ว "

เขาเอ่ยโกหกออกไปเสียงห้วนด้วยสีหน้านิ่งๆ นับหนึ่งจ้องหน้าเขาอย่างไม่ละสายตาแล้วเอ่ยขึ้น

" คุณโกหกไม่เนียนเลยค่ะ ในเมื่อคุณอยากไปส่งฉันกลับบ้าน

งั้นคุณก็เรียกคุณกฤตกลับมาขับรถให้คุณสิ ถ้าเขากลับมาขับรถให้ ฉันถึงจะยอมนั่งรถกลับกับคุณ

ถ้าเป็นเขาขับรถให้ ฉันจะรู้สึกสบายใจมากกว่า ที่จะต้องอยู่กับคุณเพียงลำพังค่ะ "

ได้ยินประโยคไม่รื่นหู ทำให้กวินรู้สึกไม่ชอบใจเอามากๆ เขาจึงเอ่ยถามขึ้นเสียงเย็นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์

" นี่คุณไว้ใจมันมากกว่าผมงั้นเหรอ "

" ใช่ค่ะ ถ้าคุณเรียกเขากลับมา ฉันจะยอมให้คุณไปส่ง แต่...เขาจะต้องกลับมาในสภาพที่ไม่มีรอยฟกช้ำใดๆ "

นับหนึ่งเอ่ยต่อรองเสียงแข็งอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจของคนตรงหน้า

กรเองก็รอลุ้นว่าเจ้านายจะตัดสินใจยังไง ในใจก็นึกสงสัย

[ ทำไมคุณนับหนึ่งถึงได้ให้ความสำคัญกับกฤตขนาดนั้น ทั้งที่เพิ่งจะเจอกัน ทำไมเหมือนรู้จักกันมานานล่ะ ]

กวินละสายตาจากนับหนึ่งอย่างไร้ทางเลือก แล้วหันมามองหน้ากร จากนั้นก็เอ่ยขึ้นเสียงเย็น

" โทรเรียกกฤตกลับมา "

พอได้ยินเจ้านายเอ่ยสั่งเสียงเย็นแบบห้วนๆ ทำเอากรถึงกับจ้องหน้าเจ้านายแบบอึ้งๆอย่างคาดไม่ถึง

[ นี่ท่านประธานกำลังเอาใจคุณนับหนึ่งเพื่อหลอกล่อให้เธอท้องทายาทให้จริงๆใช่มั้ย ]

เขาลอบพึมพำกับตัวเองในใจอย่างเงียบๆด้วยความสงสัยและรู้สึกแปลกใจมาก

กวินเห็นว่ากรยืนอึ้งจ้องหน้าเขาอยู่จึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งอย่างสุขุมเยือกเย็นอีกครั้งว่า

" คุณกร คุณยืนบื้อทำไมอีก หรือว่าคุณอยากจะไปแทนที่กฤต "

กรได้สติก็รีบเอ่ยอย่างนอบน้อมด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

" ขอโทษครับ ผมจะโทรเรียกกฤตกลับมาเดี๋ยวนี้เลยครับ "

เอ่ยจบ เขาก็เดินออกไปพร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกไปหาลูกน้อง

ส่วนกวินก็หันกลับมาสนใจนับหนึ่งต่อ แล้วเอ่ยถามขึ้น

" ผมตามใจคุณแล้ว พอใจหรือยัง "

นับหนึ่งหลุบตามองไปทางอื่นอย่างเย็นชา ด้วยความรู้สึกสงสัย ที่เขายอมทำตามข้อต่อรองของเธอ

[ ทำไมเขาถึงยอมทำตามที่เราต้องการง่ายขนาดนั้นล่ะ เพียงแค่ต้องการไปส่งเรากลับบ้านงั้นเหรอ มันไม่น่าจะแค่นั้นหรอกมั้ง

คนเจ้าเล่ห์อย่างเขา จะต้องมีเรื่องอื่นแอบแฝงแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่มีทางยอมทำตามที่เราต้องการง่ายๆแบบนี้หรอก ]

เธอเดินไปหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้หน้าร้าน อย่างครุ่นคิด ในขณะที่รอกฤตอยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก