นอนหลับหนึ่งคืน เจ้าก้อนเป็นเด็กดีแม้กระทั่งร้องก็ไม่ร้องสักคำ
เช้าวันรุ่งขึ้น ทานอาหารเช้าที่พี่สี่ทำเอง หนานซ่งอารมณ์ดีมาก แค่รู้สึกสบายใจ
เฉินเซี่ยนและจี้อวิ๋นไม่ได้จ้างแม่บ้าน ทั้งสองคนทำงานยุ่งกันหมด ไม่มีเวลาจัดระเบียบงานบ้าน เชิญแม่บ้านพาร์ทไทม์มาบ่อยๆ สถานที่ที่ผู้ชายตัวโตสองคนอาศัยอยู่ มีสิ่งของไม่เยอะ สะอาดและเป็นระเบียบมาก
แต่ก็ยังมีความรู้สึกเป็นครอบครัวมากเช่นกัน
โซฟาตัวใหญ่สไตล์ยุโรปในห้องรับแขกมีหมอนอิงสองใบวางอยู่เป็นคู่ พิมพ์เป็นตัวการ์ตูนเฉิงเซี่ยนและจี้อวิ๋นตามลำดับ คือหมอนที่หนานซ่งให้กับพวกเขาเมื่อไม่กี่ปีก่อน จนถึงวันนี้ก็ยังเก็บไว้ ซักจนสีค่อนข้างจางหมดแล้ว
ชั้นวางโทรทัศน์วางภาพถ่ายเท่ๆ ของเฉินเซี่ยนที่สวมชุดสูทรองเท้าหนัง และรูปจี้อวิ๋นที่สวมเสื้อกาวน์ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าใครสักคนในบ้านแอบถ่ายพวกเขา เพราะด้านในเสื้อกาวน์ไม่มีเสื้อผ้า
และยังมีรูปคู่ของทั้งสองคน มีหลายรูปแบบ ในชุดลำลอง ชุดเป็นทางการ ชุดสมัยโบราณ ชุดประจำชาติ……โอบกอดกัน ท่าทางสนิทสนม
หนานซ่งกะพริบตาชื่นชมอยู่นานสักพัก รู้ตัวอีกทีก็พบว่านี่มันเหมือนกับ——
รูปแต่งงาน!
……
จี้อวิ๋นยื่นขนมปังทาเนยให้หนานซ่ง แล้วยื่นนมแก้วหนึ่งให้เธออีกครั้ง “ดื่มนี่สิ”
หนานซ่งรับขนมปังไป ส่วนนมนั้นขอโทษอย่างสุภาพ ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
“ไม่ชอบกินอันนี้ กลิ่นเหมือนรองเท้าหนัง”
จี้อวิ๋นยืนกราน “มันเสริมโปรตีนนะ”
หนานซ่งหยิบไข่ไก่ขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง “งั้นฉันกินไข่ไก่เพิ่มอีกสองฟองได้ เสริมโปรตีนเหมือนกัน”
“……”
จี้อวิ๋นส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง ทำอะไรเธอไม่ได้ ทำได้แค่ดื่มคนเดียวสองแก้ว
“ฉันจำได้ว่าแม่ก็เหมือนไม่ชอบดื่มนม” จี้อวิ๋นเทนมครึ่งแก้ว แล้วครุ่นคิด “คงเป็นปัญหาทางพันธุกรรม”
หนานซ่งพยักหน้าอย่างเห็นด้วยสุดซึ้ง
ไม่งั้นทำไมคนอื่นคิดว่านมมันหอม มีแค่เธอเท่านั้นที่รู้สึกว่านมมันเหม็นหึ่งล่ะ?
แต่ได้รับยีนโดดเด่นจากแม่มามากมาย ข้อบกพร่องเล็กๆ แค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอก ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ หนานซ่งเปิดใจกว้างกับเรื่องนี้
“เตรียมการผ่าตัดสิบโมงเช้า เธอต้องไปพบผู้ป่วย เพื่อคุยสักหน่อยไหม?”
หนานซ่งดื่มน้ำผลไม้ก่อนพยักหน้า “ต้องสิ ถึงจะเข้าใจสถานการณ์พื้นฐานบ้างแล้ว แต่รายละเอียดเฉพาะต้องเจอคนเท่านั้นถึงจะรู้ได้”
สองพี่น้องรีบทานอาหารเช้า แล้วไปโรงพยาบาล
จี้อวิ๋นเกิดมาในครอบครัวแพทย์ บรรพบุรุษสามชั่วคนอายุล้วนเป็นแพทย์ ปู่สร้างสถาบันทางการแพทย์ระดับสูงที่เมืองไป๋ ตอนนี้ผู้ดำรงตำแหน่งประธานคือจี้หมิงเหริน พ่อของจี้อวิ๋น หนานซ่งเรียกเขาว่าพ่อสี่
ด้วยการทำตัวเป็นแบบอย่างทั้งคำพูดและการกระทำของคุณปู่และคุณพ่อตั้งแต่เล็ก จี้อวิ๋นในฐานะลูกคนเดียวของตระกูลจี้ก็ไม่มีทางเลือก สืบทอดกิจการพ่อกลายเป็นแพทย์ ในปัจจุบันนี้กลายเป็นป้ายโฆษณาของโรงพยาบาลเจียเหอไปแล้ว
จี้อวิ๋นเรียนสาขาประสาทวิทยา และทางด้านประสาทศัลยศาสตร์ หนานซ่งคือผู้เชี่ยวชาญ
——
ทีมแพทย์เตรียมพร้อมแล้ว
หนานซ่งไปที่ห้องเปลี่ยนชุดเพื่อเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย พาเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ไปห้องผู้ป่วย ตรวจสอบอาการผู้ป่วย
จี้อวิ๋นสวมชุดกาวน์เช่นกัน เดินเคียงข้างหนานซ่งไปยังห้องผู้ป่วยพิเศษ พร้อมกำชับเธอไปด้วย “อารมณ์ผู้ป่วยไม่ค่อยคงที่ เธอระวังท่าทางและคำพูดด้วย อย่าไปโดนเส้นประสาทอ่อนไหวของเขา”
“อืม” หนานซ่งไม่เคยเห็นผู้ป่วยแบบไหนมาก่อน แม้แต่ยวี่จิ้นเหวินที่ยากจะปรนนิบัติขนาดนั้นเธอยังทำมาแล้ว ยังจะกลัวรับมือคนอื่นไม่ได้เหรอ?
เดินมาถึงประตูทางเข้าห้องผู้ป่วย เห็นผู้หญิงร่างผอมบางคนหนึ่งนั่งเก้าอี้ยาวตรงประตูทางเข้าจากไกลๆ ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่ กำลังเหม่อลอย
จนกระทั่งจี้อวิ๋นเรียกเธอ “พี่หลิน” เธอถึงได้สติกลับมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ต่อๆค่ะรอนานแล้ว...
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...