หนานซ่งนิ่งไป จากนั้นก็รีบลุกขึ้นมาจากตัวของยวี่จิ้นเหวิน
ในใจเธอแอบเขินอายอยู่ในที
น่าอายจริง ๆ
เธอยังคงมึนหัวอยู่เล็กน้อย เลยทำให้ใบหน้าของเธอดูซีดเซียวตามไปด้วย หนานซ่งยกมือขึ้นไปแตะหน้าผากของตัวเอง เพื่อทำให้อาการมึนหัวลดลง
ยวี่จิ้นเหวินมองสีหน้าของหนานซ่งด้วยสายตาเป็นห่วง "เป็นอะไรไป? อาการน้ำตาลในเลือดต่ำเหรอ?"
ได้ยินแบบนั้น หนานซ่งก็เอามือลงทันที จากนั้นก็มองยวี่จินเหวินอย่างสงสัย
"คุณรู้ด้วยเหรอว่าฉันมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ?"
เธอนั้นมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำจริง ๆ แต่ว่าปกติแล้วค่อนข้างจะระวัง น้อยมากจึงจะมีอาการ บางครั้งถ้าเหนื่อยมาก ๆ อาจจะมีอาการเวียนหัวเล็กน้อย ใจสั่น กินของหวานเข้าไปหน่อยก็อาการดีขึ้น
ในความทรงจำ อาการพวกนี้ไม่เคยแสดงต่อหน้ายวี่จิ้นเหวิน เขารู้ได้ยังไง?
ยวี่จิ้นเหวินเอ่ย: "แม่เป็นคนบอกผม"
หนานซ่งเข้าใจได้ทันที "ในความทรงจำของเธอ สามปีก่อนตอนที่เธอคอยดูแลยวี่จิ้นเหวิน ช่วงนั้นเธอค่อนข้างเหนื่อย ก็เลยมีอาการน้ำตาลตก เกือบจะเป็นลมไป แล้วก็โดนยวี่เฟิ่งเจียวเห็นเข้า
บอกตามตรง ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะความเป็นห่วงของคนตระกูลยวี่ที่ช่วยปลอบประโลมหัวใจของเธอ เธอก็คงจะทนไม่ได้นานถึงสามปี
ยวี่จิ้นเหวินเลื่อนลิ้นชักออกมา แล้วหาลูกอมรสนมกับนมอัดเม็ดที่ยวี่เจ๋ออวี่เคยเอามาให้เขา ที่จริงคือของที่หมอนั่นใช้ง้อแฟนสาวต่างหาก
แต่ว่าจะมาเยี่ยมมือเปล่าก็ไม่เหมาะสม ดังนั้นก็เลยเอาลูกอมมาด้วย เลยพอให้ยวี่จิ้นเหวินได้ย้อนระลึกถึงวัยเด็กบ้าง
"กินลูกอมสักเม็ดสิ" ยวี่จิ้นเหวินหยิบลูกอมยัดใส่เข้าไปในมือของหนานซ่งกำหนึ่ง
หนานซ่งไม่คิดว่าในห้องของผู้ป่วยจะมีลูกอมรสนมอยู่ด้วย พอรู้ว่ายวี่เจ๋ออวี่เป็นคนเอามาให้ก็ไม่แปลกใจอีกต่อไป เลยแกะเปลือกลูกอมแล้วเอามันใส่เข้าไปในปาก
พอได้เติมน้ำตาลเข้าไปในเส้นเลือด สีหน้าของหนานซ่งก็ดูดีขึ้นมาก จากนั้นก็เอาส่วนเหลือคืนให้เจ้าของ "ขอบคุณค่ะ"
"เก็บเอาไว้กินระหว่างทางสิ"
"ไม่ต้องหรอก มันหวานไป"
หนานซ่งยัดลูกอมเข้าไปในมือของยวี่จิ้นเหวิน จากนั้นก็ออกไปจากห้องพักผู้ป่วย
ยวี่จิ้นเหวินมองตามร่างกายโค้งเว้าของหนานซ่งที่กำลังเดินออกไป จากนั้นดวงตาก็หลุบลงมามองลูกอมในมือ ถือว่าเธอให้เขาก็แล้วกัน จากนั้นก็กำมันเอาไว้
*
ยวี่เฟิ่งเจียวกับน้าเว่ยยังคงรออยู่ด้านนอก
พอหนานซ่งเดินออกมา "คุณน้ายวี่ น้าเว่ย เข้าไปเถอะค่ะ หนูกำลังจะกลับพอดี"
"นี่ เสี่ยวซ่ง รอเดี๋ยวสิ"
ยวี่เฟิ่งเจียวเรียกเธอเอาไว้ จากนั้นก็เข้าไปจับมือเธอ แล้วหันไปบอกกับน้าเว่ย: "อาเหมียน เธอเข้าไปก่อนเถอะ ฉันขอคุยกับเสี่ยวซ่งสักเดี๋ยว"
"ได้ค่ะ" น้าเว่ยส่งยิ้มให้หนานซ่ง จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไปในห้อง เพื่อจะเอาอาหารเย็นกับเสื้อผ้าเข้าไปไว้ด้านใน
หนานซ่งเข็นยวี่เฟิ่งเจียวไปที่ข้าง ๆ เก้าอี้ตัวยาว
ใบหน้าที่ดูดุของยวี่เฟิ่งเจียวเมื่อมาอยู่ต่อหน้าหนานซ่งดูหลงเหลือเพียงแต่ความใจดี "นั่งสิ"
หนานซ่งนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาว จากนั้นก็ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง "คุณน้า ขาของคุณน้าเป็นยังไงบ้างคะ?"
"ฟื้นฟูได้ดีพอสมควรเลย ตอนนี้เริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว"
ขายังมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ทำให้ชีวิตของเธอมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ช่วงนี้ยวี่เฟิ่งเจียวดูอารมณ์ดีขึ้นมาก
อารมณ์ของคนเราส่งผลกระทบไปยังทุกส่วนของร่างกาย ถ้าจิตใจสงบผ่อนคลาย ร่างกายเองก็พลอยแข็งแรงไปด้วย
"คุณหมอซูมีฝีมือดีจริง ๆ นะ แต่ได้ยินมาว่าอีกสองสามวันท่านก็จะกลับไปที่เหมยซูแล้วเหรอ น้ากำลังคิดอยู่ว่า ควรจะไปอยู่เหมยซูสักช่วงดีไหม?"
ยวี่เฟิ่งเจียวมองว่าหนานซ่งก็คือลูกสาวคนหนึ่งของตัวเอง ก็เลยถามความเห็นจากเธอ
หนานซ่งคิดอยู่แป๊บหนึ่งจากนั้นก็บอกออกมา: "หนูรู้ว่าคุณน้ากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ การรักษาที่สำคัญ ๆ ก็ได้ทำการรักษาไปจนเกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือคือพวกกายภาพบำบัด คุณหมอท่านไหนที่สำนักแพทย์แผนจีนก็สามารถรักษาต่อได้ทั้งนั้น พอพี่รุ่ยไปแล้ว น่าจะส่งต่อเคสของคุณน้าให้กับอวิ๋นชิงลูกศิษย์ของเขา คุณหมอคนนั้นถึงจะดูเด็กไปหน่อย แต่ว่าฝีมือการรักษาดีเยี่ยมเลยค่ะ เรื่องนี้คุณน้าวางใจได้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...
น่าจะตอบโต้ด้วยการขุดประวัติมาประจานนังโจ๋นะ...