เห็นท่าทางตกใจของยวี่เฟิ่งเจียว หนานซ่งก็ถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ
"คุณน้า เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?"
ยวี่เฟิ่งเจียวได้สติกลับมา "อ๋อ ไม่มีอะไร ก็แค่บังเอิญนึกได้ว่า ตอนอาจิ้นยังเด็ก น้าตามใจเขามากไปหน่อย ควรจะเข้มงวดกับเขากว่านี้อีกสักนิด"
"หนูดูหนูสิ ทั้งเก่งทั้งมีความสามารถ ทำได้ทุกอย่าง ไม่เหมือนอาจิ้น ทำอะไรไม่เป็นเลย นอกจากยั่วโมโหคนอื่น"
พอพูดถึงลูกชาย ยวี่เฟิ่งเจียวก็ทำราวกับตัวเองนั้นเป็นแม่เลี้ยง แสดงสีหน้ารังเกียจออกมา
ดูเหมือนว่าพ่อแม่ทุกคนบนโลกใบนี้จะหนีไม่พ้นอาการเบื่อลูกแท้ ๆ ของตัวเองสินะ หนานซ่งนึกถึงคำที่คุณนายลั่วอินชอบพูด-
"โอ๊ยตาย โง่จริงเขียว ฉันกับพ่อแกฉลาดขนาดนี้ ทำไมถึงมีลูกสาวโง่ได้ อยากจะยัดมันกลับเข้าไปในท้องแล้วคลอดออกมาใหม่อีกสักคนจริง ๆ !"
ในตอนนั้นเธอไม่อยากได้ยินคำพูดพวกนี้ ดังนั้นก็เลยเถียงกลับไป: "ถ้าเก่งมากก็คลอดออกมาอีกคนสิคะ หนูเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าจะคลอดเด็กที่ทั้งฉลาดทั้งสวยแบบหนูออกมาได้อีกคนหรือเปล่า"
ลั่วอินอยากจะเอาขี้เถ้ายัดปากเธอ แต่ว่ากลับโดนหนานหนิงซงห้ามไว้เสียก่อน
พ่อของเธออุ้มเธอขึ้น ช่วยชีวิตเธอไว้
"ไม่มีเพิ่มแล้ว มีลูกสาวคนเดียวก็พอแล้ว พ่อไม่อนุญาตให้ใครมาแบ่งความรักไปจากลูกทั้งนั้น"
ลั่วอินพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ: "นี่คุณยังว่าเรารักแล้วก็ตามใจลูกไม่มากพออีกเหรอ ถ้ายังตามใจต่ออีกนิดก็ได้กลายเป็นลูกบังเกิดเกล้าแล้ว!"
"แล้วยังไงล่ะ ผมเลี้ยงเธอได้ก็แล้วกัน"
หนานหนิงซงยกตัวของหนานซ่งให้สูงขึ้น "เสี่ยวซ่งซ่ง พ่อจะตามใจจนหนูเสียคนเอง!"
ช่วงเวลาที่โชคดีแล้วก็มีความสุขแบบนั้นน่ะ ในตอนนั้นเป็นเพียงเรื่องธรรมดา แต่ตอนนี้ เป็นอดีตที่ไม่มีวันย้อนกลับได้อีกแล้ว
เธอรู้สึกเศร้าอยู่เล็กน้อย
ยวี่เฟิ่งเจียวเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอีกครั้ง: "หนูเรียนการปักผ้ากับใครเหรอจ๊ะ?"
หนานซ่งบอกไปตามจริง "แม่หนูมีแม่บ้านที่คอยติดตามอยู่คนหนึ่ง สนิทกันเหมือนกับเป็นพี่น้อง เหมือนกับคุณน้ากับน้าเว่ย"
"เธอเกิดมาในครอบครัวที่ทำงานฝีมือ ตระกูลเธอเองก็ทำกิจการเกี่ยวกับการทอผ้าไหม แถมทอออกมาได้สวยมากด้วยค่ะ"
"ตอนเด็กหนูอยู่บ้านเบื่อ ๆ ไม่มีอะไรทำ แถมยังซน เลยชอบทำเสื้อผ้าขาด แต่ก็กลัวว่าแม่จะดุ ก็เลยชอบไปขอความช่วยเหลือจากแม่บ้านคนนั้น แล้วเธอก็จะช่วยหนูเก็บความลับด้วย"
"พอเห็นว่าหนูสนใจ ช่วงเวลาว่างก็จะสอนให้หนูเย็บผ้า หนูเรียนรู้ค่อนข้างเร็ว แล้วก็ชอบงานฝีมือ หัดไปหัดมาก็พอจะทำเป็นบ้าง"
ยวี่เฟิ่งเจียวฟังเธอค่อย ๆ เล่า ท่าทางดูทั้งซนแล้วก็มั่นใจในตัวเอง ทำเอาเธออดหัวเราะออกมาไม่ได้
"เพื่อนคนนั้นของน้า สนใจในฝีมือการปักผ้าของหนูมาก แล้วก็อยากรู้จักหนูด้วย ถ้าเกิดว่ามีโอกาส น้าจะนัดให้สองคนมาเจอกันนะ"
หนานซ่งรับคำ "ได้ค่ะ"
คุยกันไปพักใหญ่ ยวี่เฟิ่งเจียวเองก็กลัวจะกินเวลาของหนานซ่ง ถึงแม้ว่ายังคุยกันไม่จบ แต่ก็ไม่ได้รั้งตัวเธอไว้ต่อ
หนานซ่งออกไปพร้อมกับบอดี้การ์ด
น้าเว่ยรอยวี่เฟิ่งเจียวอยู่นานแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นเธอกลับมาเสียที ดังนั้นก็เลยออกมาตามหา เห็นว่าเธอกำลังไถล้อมาทางห้องพักผู้ป่วย จึงรีบเข้าไปช่วย
"เสี่ยวซ่งไปแล้วเหรอคะ?"
ยวี่เฟิ่งเจียวตอบกลับไปว่า "อืม"
น้าเว่ยแอบถามต่อ "คุยกันเป็นยังไงบ้างคะ?"
"ก็ดีนะ"
ก็ดีนะ?
น้าเว่ยแสดงสีหน้าดีใจออกมา "พูดแบบนี้ หมายความว่าเสี่ยวซ่งรับปากจะกลับมาคืนดีกับคุณชายจิ้นแล้วเหรอคะ?"
ยวี่เฟิ่งเจียวขมวดคิ้ว งงกับสิ่งที่เธอพูด "อะไรกับอะไร? พวกเราไม่ได้คุยกันเรื่องนั้นสักหน่อย"
"ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้?"
เป็นทีของน้าเว่ยที่ต้องสงสัยแทน "อย่างนั้นคุณนายคุยกับเธอตั้งนาน คุยอะไรกันบ้างคะ?"
"เยอะแยะนะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...
น่าจะตอบโต้ด้วยการขุดประวัติมาประจานนังโจ๋นะ...