สอนรักอดีตภรรยา นิยาย บท 63

สรุปบท บทที่ 63 คุยแค่เรื่องผลประโยชน์ไม่คุยเรื่องความรู้สึก: สอนรักอดีตภรรยา

สรุปตอน บทที่ 63 คุยแค่เรื่องผลประโยชน์ไม่คุยเรื่องความรู้สึก – จากเรื่อง สอนรักอดีตภรรยา โดย ลู่เสี่ยวเช่อ

ตอน บทที่ 63 คุยแค่เรื่องผลประโยชน์ไม่คุยเรื่องความรู้สึก ของนิยายInternetเรื่องดัง สอนรักอดีตภรรยา โดยนักเขียน ลู่เสี่ยวเช่อ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

หนานหลินกำลังคิดประโยคหลังที่กู้เหิงพูด"มีลูกสิบขวบที่ต้องดูแล"อยู่ พอได้ยินคำว่า"คืนดี" จึงอดเบิกตาโตไม่ได้

คืนดี?

หรือว่า คนที่นั่งอยู่ในรถ คือแฟนเก่าของพี่ใหญ่?

หนานซ่งขมวดคิ้วแน่น "จะตื่นตระหนกทำไม"

กู้เหิงรีบปรับอารมณ์ แล้ววางมือไว้ข้างหน้า "ขอโทษครับ ผมตกใจเกินไป"

หนานหลินเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี จึงรีบเดินก้าวไปข้างหน้า "พี่ใหญ่คะ หนูไม่รบกวนพี่ทำงานดีกว่า ให้รุ่นพี่กู้พาหนูไปส่งที่แผนกจิวเวลรี่เถอะค่ะ หนูจะได้ทำความคุ้นชินด้วย"

"อื้อ" หนานซ่งเอ่ยอย่างนิ่งเฉย "มีอะไรไม่เข้าใจเธอก็ถามเขา ไปที่นั่นก็ถ่อมตัวหน่อย พูดให้น้อย แล้วทำให้มาก"

หนานหลินพยักหน้าให้อย่างเป็นเด็กดี "ค่ะพี่ใหญ่"

จากนั้นมือเล็กก็ดึงแขนเสื้อกู้เหิง พอกู้เหิงหันกลับมาแล้วเห็นเธอเกร็ง จึงแอบยิ้ม : สมกับเป็นรุ่นน้องของเขา ยังรู้ที่จะปกป้องเขาด้วย

……

ยวี่จิ้นเหวินพักอยู่ในห้องสูทที่ฟู่ยวี่เช่าระยะยาวในบาร์ซุ่ยอวิน

ไม่รู้เพราะว่านอนไม่สบายในรถหรือเปล่า จึงรู้สึกสมองวุ่นวาย ครึกครื้นเหมือนอยู่ในงานเต้นรำ

คำพูดของหนานซ่ง เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างหู รวมถึงสีหน้าตอนที่เธอพูดด้วย แล้วก็แววตาของเธอ ทั้งหมดนั้นเขาลืมไม่ได้เลย

เธอพูดว่า เธอไม่รักเขาแล้ว

มุมปากยวี่จิ้นเหวินยิ้มอย่างขมขื่น ไม่ว่าจะเป็นใคร โดนเขาเมินเฉยใส่มาสามปี ความรักที่รุ่มร้อน ก็คงจะสลายไปแล้ว

แล้วอีกอย่างเธอเป็นถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลหนานที่มีศักดิ์ศรี

แค่คิดก็รู้ ตอนที่เขาพูดว่าจะหย่ากับเธอ เธอยืนถามเขาด้วยน้ำตาว่า"ไม่หย่าได้ไหม" ตอนนั้น เธอคงเอาศักดิ์ศรีตัวเองมาเดิมพันแล้ว

แต่เสียดาย ตัวเองในตอนนั้น เหมือนตาบอด ในสายตามีแต่โจ๋เซวียน มองไม่เห็นผู้หญิงคนอื่น

รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองใจดำ แต่ก็ยังตัดสินใจเด็ดขาด แล้วทำลายชีวิตคู่ของพวกเขา

แต่ตอนนี้ เขาอยากหวนกลับไป

แต่ผู้หญิงที่คอยเฝ้ารอเขา จริงใจกับเขานั้น กลับไม่หยุดรอเขาแล้ว

ทั้งหมดเขาเป็นคนรนหาที่เอง จะโทษใครได้ล่ะ?

……

ตอนบ่าย สี่โมงตรง ยวี่จิ้นเหวินไปเยือนบริษัทตระกูลหนานอีกครั้ง

มีเหตุการณ์ที่ฮวงยียีโดนไล่ออก ครั้งนี้พนักงานเคาน์เตอร์ต้อนรับจึงเข้มงวดกันมาก จะไม่ยอมให้อภิสิทธิ์พิเศษกับใบหน้าที่หล่อเหลาของยวี่จิ้นเหวิอีก

ผู้ชายสำคัญอยู่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับผู้ชาย สิ่งที่สำคัญกว่าคืองานของพวกเธอ จะตกงานไม่ได้!

ไม่รอให้ยวี่จิ้นเหวินเอ่ยพูด พนักงานต้อนรับก็แสดงสีหน้าเข้มงวด "ขอโทษนะคะคุณผู้ชาย ถ้าไม่มีนัดคุณขึ้นไปไม่ได้ เพราะไม่เป็นไปตามกฎของบริษัทค่ะ"

เหอจ้าวเดินไปคุย แล้วพูดอย่างมีมารยาทว่าครั้งนี้พวกเขามีนัดแล้ว เหล่าพนักงานกลับหวาดระแวงมาก แต่ละคนเข้มงวดมาก แล้วไม่ปล่อยให้พวกเขาขึ้นไป

พอเห็นว่ากำลังจะโดนปฏิเสธเป็นครั้งที่สามแล้ว ยวี่จิ้นเหวินจึงเริ่มหงุดหงิด แล้วกำลังจะโทรหาหนานซ่ง แต่ทันใดนั้นลิฟต์ของผู้บริหารก็เปิดออก แล้วกู้เหิงก็เดินออกมา

เขาเดินตรงมาหายวี่จิ้นเหวิน พร้อมเอ่ยอย่างมีมารยาท "ประธานยวี่ ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ ประธานหนานรอคุณอยู่ที่ห้องทำงานแล้ว เชิญตามผมมาครับ"

ท่ามกลางสายตาที่ตื่นตกใจของพนักงานต้อนรับ ยวี่จิ้นเหวินจึงเดินตามขึ้นลิฟต์ไปพร้อมกู้เหิง

เหอจ้าวยืดอกเชิดหน้า รู้สึกว่าได้รับเกียรติสักที

กับสามีเก่า หนานซ่งทำแตกต่างจากการคุยงานทั่วไป

ลิฟต์ขึ้นตรงไปที่ชั้นสิบเจ็ด ตอนที่ยวี่จิ้นเหวินเดินตามกู้เหิงออกมา พนักงานในห้องทำงานผู้บริหารต่างก็ยืนขึ้น แล้วทักทายกับเขาอย่างมีมารยาท "สวัสดีค่ะ/ครับประธานยวี่"

การต้อนรับแบบนี้ยวี่จิ้นเหวินไม่ใช่ไม่เคยเจอ จึงไม่รู้สึกแปลก แต่การที่ได้รับเกียรติในที่ของหนานซ่งแบบนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก

ยวี่จิ้นเหวินยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง รู้สึกเป็นเกียรติมาก

พอหนานซ่งนึกถึงเรื่องนี้จึงรู้สึกเจ็บใจ เจ็บใจที่เขาแย่งชามเคลือบเล็กสี่ใบนั้นไป

ทั้งสองรีบเปลี่ยนประเด็น แล้วคุยเรื่องธุรกิจฟาร์มม้า หนานซ่งเอารูปถ่ายที่ไปฟาร์มม้าครั้งก่อนกับฟู่ยวี่ให้ยวี่จิ้นเหวินดู แล้วพูดความเห็นของตัวเอง

ก่อนมายวี่จิ้นเหวินก็รู้มาไม่น้อยแล้ว กับความเห็นของหนานซ่ง เขาก็เสริมไอเดียเข้าไปด้วย

ตอนแรกหนานซ่งยังกังวลเพราะอยากร่วมธุรกิจกับเธอ เขาจะจงใจเอาใจเธอ

ไม่คิดเลยว่าเขามีความคิดเป็นของตัวเอง แล้วพูดหลายๆอย่างที่เธอไม่ได้พูดกับฟู่ยวี่ แล้วรู้สึกความคิดเข้ากันได้มาก กับสิ่งที่เขาพูดออกมา

ในเมื่อจะร่วมงานกัน ก็ต้องจริงใจต่อกัน ยวี่จิ้นเหวินก็พูดตรงๆว่าถ้ายวี่กรุ๊ปเข้าร่วมธุรกิจ จะนำผลดีอะไรมาให้

"เมื่อก่อนเราเคยทำสวนเด็กเล่น รวมถึงอุปกรณ์พื้นฐานด้วย ที่เรามีอยู่แล้ว ถ้าเซ็นสัญญา คงสร้างเสร็จได้อย่างรวดเร็ว"

หนานซ่งฟังเงียบๆ แล้วจิบชาไปด้วย รอเขาพูดจบแล้ว เธอจึงพยักหน้าเบาๆ พร้อมพูดอย่างมีหลักการ "ฉันเห็นความจริงใจของประธานยวี่ ฉันพอใจมากค่ะ ตอนนี้พูดเงื่อนไขของคุณมาได้เลยค่ะ"

แววตายวี่จิ้นเหวินเข้มขรึม ใบหน้าเธอนิ่งเฉยตลอด ทีแรกเขาคิดว่าเธอไม่ใส่ใจ แต่ความจริงเธอกำลังรอโอกาสอยู่

คนฉลาดก็ต้องพูดอะไรที่ฉลาด ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม

ยวี่จิ้นเหวินจึงพูดตรงๆ "ผมหวังว่าโรงแรมในฟาร์มม้าจะยกให้ผมดูแล"

หนานซ่งยิ้มมุมปาก "โรงแรมออนเซ็น เป็นแบรนด์เป้าหมายที่กี่ปีนี้ประธานยวี่อยากจะขยาย แต่เพราะเงินลงทุนสูง ผลตอบแทนช้า จึงไม่ได้รับความเห็นจากกรรมการบริษัท ตอนนี้จึงดำเนินงานลำบาก คุณเล็งธุรกิจฟาร์มม้านี้ไว้ ถือหุ้นที่น้อยที่สุด แต่กลับลงเงินลงทุนไปกว่าครึ่ง ที่ยอมลดตัวแบบนี้ ไม่ใช่เพราะอยากจะเอาใจฉัน แต่เพราะอยากจะทำแบรนด์ตัวเอง ใช่ไหมคะ?"

เธอพูดตรงๆขนาดนี้ แล้วพูดความต้องการกับจุดประสงค์หลักของเขาออกมา จึงทำให้ยวี่จิ้นเหวินดูไม่ดี

สีหน้าเขาเรียบนิ่ง แล้วพูดอย่างไม่อ้อมค้อม "ประธานหนาน ผมเป็นคนที่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้อยู่แล้ว ไม่ใช้ธุรกิจไปเอาใจใคร เราร่วมงานกัน ก็เพื่อกำไรไม่ใช่เหรอครับ?"

จากนั้นจึงเอ่ยอีกว่า "โรงแรมออนเซ็นของยวี่กรุ๊ป ถึงแม้แบรนด์ยังไม่ดัง แต่ชื่อเสียงประธานหนานน่าจะรู้ดี ผมเชื่อว่า มันสามารถเป็นตำแหน่งทางการตลาดให้ฟาร์มม้าได้แน่นอน"

หนานซ่งยิ้มอ่อน "ประธานยวี่เข้าใจผิดแล้วค่ะ ถ้าคุณจงใจเอาใจฉันจริง ฉันจะรู้สึกกังวลมากกว่า แบบนี้ดีที่สุด ฉันเชื่อว่า โรงแรมออนเซ็นจะเป็นแบรนด์โรงแรมชั้นนำแน่นอนค่ะ"

เธอเปิดสัญญาที่เตรียมไว้แล้วยื่นไปหายวี่จิ้นเหวิน พร้อมยื่นปากกาไปให้ "ขอให้ความฝันของประธานยวี่เป็นจริง ขอให้เรา ร่วมงานกันอย่างราบรื่น"

ยวี่จิ้นเหวินเห็นรอยยิ้มจอมปลอมในเชิงธุรกิจ ใจจึงสั่นเกร็งมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา