หนานซ่งกับยวี่จิ้นเหวินได้ฟังที่ลั่วอินพูด ก็รู้สึกหดหู่
“อย่าหลอกให้คนตกใจบ่อย ๆ ได้ไหม”
หนานซ่งพูดเสียงแข็ง “หมาป่ามาสองครั้งก็พอแล้ว ครั้งที่สามก็ไม่มีคนเชื่อแล้ว”
“ใครหลอกเธอ?”
ลั่วอินจับมือของมู่โจวแบออก “เธอมีตาดูเองไม่เป็นเหรอ เขาผมขนาดนี้แล้ว ไม่เชื่อเธอจับชีพจรเอง”
ขี้เกียจจะโมโหเธอ คนเป็นแม่โมโหลูกสาวของตัวเอง ถึงสุดท้ายโมโหจนตายก็มีเพียงแต่ตัวเองเท่านั้น
จับเองก็จับเอง ใครจับชีพจรไม่เป็นบ้าง!
หนานซ่งจับข้อมือมู่โจว ปลายนิ้วยกขึ้น เธอก็เงยหน้ามองมู่โจว แล้วค่อย ๆ หันหน้ามองไปทางยวี่จิ้นเหวิน
ยวี่จิ้นเหวินที่วางมือไว้ที่หลังของมู่โจว จู่ ๆ ก็หยุดขยับ
หนานซ่งไม่ต้องเอ่ยปาก แค่มองตาเธอก็รู้แล้วว่าเธออยากจะพูดอะไร
สถานการณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
ในตอนที่หนานซ่งจับชีพจรของมู่โจวตอนที่อยู่ที่บ้านทรุดโทรม ชีพจรนั้นไม่ได้ปลอมแปลงแน่นอน เพียงแต่อาจารย์มู่เสียชีวิตเร็วเกินไป เร็วกว่าที่คิดไว้ เธอจึงคิดว่าซ่งซีลงมือกับอาจารย์มู่ บวกกับที่ลั่วอินพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่ามู่โจวมีชีวิตได้อยู่ไม่นาน พวกเขาไม่สงสัยในการตายของมู่โจวเลยสักนิด
แต่เมื่อมู่โจวนั่งอยู่ต่อหน้าพวกเขาทั้งเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะเชื่อไม่ได้ว่า อาจารย์มู่ยังไม่ตาย
ยังไงก็ตามชีพจรของเขาก็ยังคงเป็นผู้ป่วยหนักที่ไม่อาจเยียวรักษาได้ อาการร้ายแรงมากกว่าตอนที่เธอจับชีพจรของเขาก่อนหน้านี้
มีเพียงคำอธิบายเดียวก็คือ
มู่โจวป่วยหนักจริง ๆ ลั่วอินกับหนานหนิงซง หรือแม้แต่เจี่ยงฟาน ก็มีส่วนร่วมในการวางแผนการตายปลอม ๆ นี้ เพียงเพื่อสร้างความสับสนให้ซ่งซีและเซียวเอิน เพื่อยื้อวันเวลาที่ “มีชีวิต” อยู่ของมู่โจวให้นานขึ้น แต่พวกเขาก็โกหกพวกเธอจริง ๆ หนานซ่งกับยวี่จิ้นเหวินก็ยังสงสัยเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
“พอได้แล้ว แม่ของเธอพูดไม่ผิด ฉันมีเวลาเหลือไม่มากแล้ว”
มู่โจวดึงมือกลับ แล้วตบบ่ายวี่จิ้นเหวิน ให้พวกเขาทั้งสองนั่งลง “ฉันค่อย ๆ เล่าให้พวกเธอฟัง”
เมื่อเขาพูด ก็อดไม่ได้ที่จะไอออกมา กู้ฟางยื่นแก้วชามาให้เขาดื่มชุ่มคอ “พูดช้า ๆ หน่อย ครั้งนี้มีเวลา ไม่รีบร้อน”
หนานซ่งกับยวี่จิ้นเหวินนั่งลงบนเสื่อหวายที่อยู่ตรงข้าม สีหน้าของทั้งสองเคร่งขรึมมาก พวกเขามีข้อสงสัยเต็มไปหมด
มู่โจวจิบชา แล้วส่งเสียงกระแอม จากนั้นก็เงยหน้ามองพวกเขา
“อันดับแรก ฉันต้องขอโทษพวกเธอ”
มู่โจวพูดสีหน้าจริงจัง: “การตายปลอม ๆ นั้น หลังจากที่ฉันเจรจากับน้าฟางของพวกเธอ แล้วขอร้องให้หนิงซงและอาอินช่วยพวกเราอย่างลับ ๆ ที่ไม่บอกพวกเธอ เพราะฉันไม่คิดที่จะกลับมาแล้ว ครั้งนั้นมีคิดที่จะบอกลาพวกเธอจริง ๆ ฉันคิดว่าชีวิตนี้คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ตอนนั้นสถานการณ์ร่างกายของฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ฉันรู้ว่าซ่งซีและเซียวเอินไม่มีทางปล่อยฉันไป เมื่อพวกเขาได้สิ่งที่ฉันทำให้พวกเขา ก็จะฆ่าฉันทิ้งโดยไม่ลังเล แต่ฉันยังอยากมีชีวิตช่วยสุดท้ายอยู่กับอาฟาง...”
พูดถึงตรงนี้ มู่โจวก็เริ่มมีน้ำโห จนอดไอออกมาไม่ได้
กู้ฟางเข้ามาลูบหลังของเขา แล้วถอนหายใจอย่างแรง จากนั้นก็ช่วยเขาพูดต่อให้จบ “ตอนที่อาโจวหนีตายมาหลายปี เมื่อกลับมาก็ถูกพวกซ่งซีจับจ้อง เริ่มบังคับให้เขาทำงาน และยังเอาฉันมาขู่เขา เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับฉัน จึงทำให้พวกเขานิ่งนอนใจก่อน หลังจากที่ออกมาจากบ้านทรุดโทรม พวกเรากลัวว่าซ่งซีจะพบความผิดปกติ จึงไม่กล้าอยู่ที่เมืองหนานนาน ๆ แล้วก็ไปที่อื่นต่อ”
ในหัวของหนานซ่งปรากฏตราประทับหยกขึ้นมา จากนั้นก็เกิดคำถามในใจ
“เซียวเอินเอาตราประทับหยกไปทำอะไรกันแน่คะ? ทำไมต้องให้อาจารย์มู่ทำออกมาให้ได้?”
ถึงแม้พวกเขาจะได้รู้ถึงเรื่องราวชีวิตของเซียวเอินจากยวี่จิ่นเฉิงและลั่วอิน รู้ว่าเขาคือทายาทของราชวงศ์ แต่นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ไม่ใช่ยุคราชวงศ์แล้ว ใครยังไปยอมรับทายาทราชวงศ์อะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตราประทับหยกว่าจะสำคัญไปสักแค่ไหน เซียวเอินทำไปเพื่ออะไรนะ?
อาจารย์มู่กลืนน้ำลาย แล้วพูดออกมาอย่างแหบแห้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ต่อๆค่ะรอนานแล้ว...
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...