ทำความเข้าใจสิบวินาทีเต็ม ๆ ลั่วอินเด้งตัวขึ้นจากเตียง
ใบหน้าที่สวยงามของเธอเปลี่ยนไปหลายอารมณ์มาก เธอจ้องมองยวี่จิ้นเหวิน “เรื่องนี้รับรองว่าจริงไหม?”
ยวี่จิ้นเหวิน: เอ่อ...
หนานหนิงซงกลัวว่าเธอจะตกเตียงด้วยความตื่นเต้น จึงรีบเข้าไปแบกลั่วอินลงมาวางลงบนโซฟา จากนั้นก็พูดไปขึ้น: “คนเราเมื่อกำลังจะตาย คำพูดมักจริงจังเสมอ คำพูดที่มู่โจวพูดกับอาจิ้นก่อนตายจะล้อเล่นได้เหรอ?”
“งั้นมู่โจวทำไมไม่บอกพวกเราโดยตรง?”
ลั่วอินเลิกคิ้ว แล้วก็ถลึงตาไปทางยวี่จิ้นเหวิน “นายก็ด้วย ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้!”
ยวี่จิ้นเหวินรู้ว่าถ้าเขาพูดแล้วจะต้องโดนด่าแน่ จึงรีบลุกขึ้นยืน ยอมรับผิดก่อน
“พ่อแม่ ทั้งสองทานอย่าเพิ่งโมโหนะครับ คำสั่งของอาจารย์ยากที่จะผิดสัญญาจริง ๆ อาจารย์บอกว่าถ้าหากบอกคุณพ่อคุณแม่ก่อน จากนิสัยของแม่ เกรงว่าจะรอได้ไม่ถึงตอนนี้”
“...”
ลั่วอินพูดไม่ออกในทันที
ไม่พูดไม่ได้ว่ามู่โจวรู้จักนิสัยของเธอดี ถ้าหากเธอรู้ว่าเซียวเอินเป็นคนประเภทนี้ตั้งนานแล้ว แน่นอนว่าเธอไม่รอถึงตอนนี้แน่ คงจะตรงดิ่งไป “คอยซ้ำเติม” ที่เมืองตงเจิ้นแล้ว
แต่ถ้าหากเธอทำแบบนั้นจริง ๆ เกรงว่าคงจะย้อนกลับมา และก็ไม่แน่ว่าจะฆ่าเซียวเอินได้
บางทีอาจจะต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกด้วย
เป็นเพราะแบบนี้ ยวี่จิ้นเหวินคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงตัดสินใจเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไว้ ไม่ได้บอกคนในครอบครัว แม้แต่หนานซ่งเขาก็ไม่ได้บอก
นิสัยของหนานซ่งเหมือนกับลั่วอิน ถ้าหากถูกเธอรู้เข้า เกรงว่าคงจะรอไม่ไหว
เวลาครึ่งปีหลังจากมู่โจวจากไป พูดว่านานก็ไม่นาน พูดว่าสั้นก็ไม่สั้น แต่การพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่าง ๆ ล้วนเป็นไปตามการคาดเดาของมู่โจว
เซียวเอินรอไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงเริ่มเป็นฝ่ายโจมตี
“อันที่จริงตามแผนของอาจารย์มู่โจว เขาอยากให้เซียวเอินเกิดเองดับเอง นำตัวเองไปสู่ความอับจน พวกเราไม่จำเป็นต้องเสียเบี้ยเพื่อจัดการเขา เพียงแต่...”
ยวี่จิ้นเหวินพูดถึงตรงนี้ สายตาแฝงไปด้วยความเย็นชา
หนานหนิงซงรับคำพูดของเขาต่อ “เพียงแต่พวกเราประเมินความชั่วร้ายของเซียวเอินต่ำไป เพื่อบีบบังคับให้อาอินกับอาอวี้ไปเมืองตงเจิ้น เขาไม่ลังเลที่จะลักพาตัวเสี่ยวเหวิน และก็เอาร่างของเหยียนซีเป็นเครื่องต่อรอง ทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุผล”
ลั่วอินสีหน้าเคร่งขรึม แล้วยิ้มมุมปาก
“พวกนายมักพูดว่าฉันไม่มีเหตุผลไม่ใช่เหรอ? เป็นเพราะฉันรู้ตั้งนานแล้วว่ากับปีศาจที่ไร้มนุษยธรรมอย่างที่สุด แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีเหตุผลอะไรให้คุย ลงมือก็จบแล้ว”
เธอไม่ใช่ว่าไม่เคยลองใช้เหตุผลกับเซียวเอิน ในตอนที่เธอพบว่าเส้นทางของเขายิ่งอยู่ยิ่งไกลออกไปเรื่อย ๆ เธอก็คิดหาวิธีต่าง ๆ นานาแก้ไขเขา แต่มันไม่มีประโยชน์
เซียวเอินเป็นคนหวาดระแวงและหยิ่งยโสเสมอมา เขายอมรับเพียงแค่เส้นทางเดียว นั่นก็คือเส้นทางที่เขากำหนดเอง
และเส้นทางนั้น เดิมทีลั่วอินกับหลานอวี้คิดว่ามันคือเส้นทางที่สดใส นำไปสู่อิสรภาพและความสุข แต่เมื่อพวกเขารู้สึกว่าทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยซากศพ ถึงได้พบว่ากำลังเดินผิดทาง
หรือพูดได้ว่า เซียวเอินอาศัย “คุณธรรมและเมตตาธรรม” นำพวกเขาไปสู่เส้นทางอาชญากรรมอย่างแท้จริง หากเดินต่อไป ไม่มีทางที่จะกลับตัวได้ตลอดไป
ลั่วอินไม่ทำ หลานอวี้ก็ไม่ทำ
ทั้งสองคนปากเปียกปากแฉะเกลี้ยกล่อม ขอร้องพี่ใหญ่ที่น่านับถือของพวกเขา แต่ผลลัพธ์ที่แลกกลับมา คือพวกเขาเกือบตายในมือของเซียวเอิน
เพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา เซียวเอินทำได้ทุกอย่าง แม้แต่น้องชายน้องสาวที่ต่อสู้เคียงข้างเขามาก็ถูกย่างไฟ ถึงจะต้องเสียสละพวกเขาเซียวเอินก็ไม่ลังเลใจ
ในตอนนั้นลั่วอินถึงได้สำนึกถึงความผิดและกลับตัวได้ ที่แท้พี่น้องอะไร ความยุติธรรมเพื่อเอาชนะความชั่วร้ายอะไร เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งหมด
ในสายตาของเซียวเอิน ไม่ว่าเธอหรือหลานอวี้ พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากคนอื่น คือไพ่ในมือของเขา สามารถใช้ประโยชน์ได้ และแน่นอนว่าสามารถทอดทิ้งได้
จักรพรรดิในสมัยโบราณถนัดที่สุดก็คือการสังหารสหายร่วมรบและขุนนางที่สร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติหลังจากขึ้นครองบัลลังก์ “เมื่อหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง” ที่เรียกว่าหัวเดียวกระเทียมลีบ ก็เพราะเขาตัดอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง
แม้แต่ความเป็นมนุษย์ก็ไม่ต้องการแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...
น่าจะตอบโต้ด้วยการขุดประวัติมาประจานนังโจ๋นะ...
เนื้อเรื่องมี3-4ประโยค...เหมือนติดเหรียญ😂😂😂...