พรุ่งนี้ก็จะเดินทางไปเมืองตงเจิ้นแล้ว
ตอนค่ำหนานซ่งกับยวี่จิ้นเหวินไปที่ห้องของลั่วอินและหนานหนิงซงเพื่อช่วยพวกเขาจัดแจงสัมภาระ ลั่วอินมองไปทางหนานซ่งที่ไม่พูดไม่จา แล้วพูดขึ้น “เอาเถอะน่า อย่ากลุ้มอกกลุ้มใจ ครั้งนี้พวกเราไปนานสุดก็แค่เดือนกว่า ไม่แน่ลูกยังไม่รู้สึกตัว ยังไม่เริ่มคิดถึงพวกเรา พวกเราก็กลับมาแล้ว แค่พริบตาเดียว ผ่านไปเร็วมากๆ”
หนานซ่งเหลือบมองแม่ของเธอ แล้วพูดพึมพำ “แม่หลอกหนูไปเถอะ หนูไม่เชื่อหรอก”
“ไม่เชื่อฉัน?”
ลั่วอินเรียกหนานหนิงซง “สามี คุณเดินหน้า!”
คำพูดของหนานหนิงซงไม่เหมือนกับลั่วอินที่ไม่น่าเชื่อถือ เขาเงยหน้ามองหนานซ่งแล้วพูด “เวลาไม่แน่นอน แต่ต้องกลับมาแน่ๆ”
“พ่อพูดเองนะ”
หนานซ่งพูด: “วิญญูชนย่อมไม่เสียใจกับวาจาที่ลั่นออกไป”
หนานหนิงซงรู้ว่าลูกสาวรอคำพูดนี้ของเขา แล้วยิ้มอย่างดีใจ “ได้ พูดจริงทำจริง”
พ่อลูกไฮไฟว์กัน
ลั่วอินเท้าเอวมองภาพนี้ แล้วหันไปพูดกับยวี่จิ้นเหวิน: “พวกเขาไฮไฟว์สาบานกันและกัน ดูท่าพวกเราต้องร่วมสาบานด้วยเลือดแล้ว”
ยวี่จิ้นเหวินครุ่นคิด “งั้นผมต้องกัดนิ้วตัวเองใช่ไหมครับ?”
ทั้งสามคนตกตะลึง แล้วหัวเราะพร้อมกัน
ยวี่จิ้นเหวินก็หัวเราะตาม
จัดเตรียมเกือบเรียบร้อยหมดแล้ว ที่ผ่านมาไม่ว่าไปไหนลั่วอินจะพกกระเป๋าใบใหญ่ใบเล็กใส่ของเยอะแยะ แต่ครั้งนี้กลับเรียบง่าย พกของไปน้อยมาก
“พกไปเยอะเป็นภาระ อีกอย่างเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม รอให้ถึงเมืองตงเจิ้นฉันไม่ได้แต่งตัวแบบนี้แล้ว”
ลั่วอินจับผมลอนยาวทัดหู แล้วพูดกับหนานซ่ง “รอให้แม่ไปถึงที่นั่นแล้วจะถ่ายรูปส่งกลับมา ให้พวกเธอดูเสน่ห์ของฉันตอนวัยรุ่น จะต้องสวยแซงเธอ”
เมื่อเธอพูดก็เริ่มภาคภูมิใจขึ้นมา
“ไม่รู้เหมือนกันนะว่าคนที่นั่นจะจำฉันได้ไหม? ต่อให้ฉันไม่ได้อยู่ที่สนามรบ แต่สนามรบยังไงก็ต้องมีตำนานของฉันเล่าสืบต่อกันมา”
หนานซ่งอดไม่ได้ที่อยากจะกลอกตาใส่แม่ของเธอ ไม่รู้ว่าเธอกลับไปที่ตงเจิ้นเพื่ออะไรกันแน่
ยวี่จิ้นเหวินกลายเป็นราชาขี้ประจบประแจง “นั่นแน่นอนอยู่แล้วครับ”
หนานซ่งพูดดัก: “ช่างเถอะ แม่ออกจากเมืองตงเจิ้นยี่สิบกว่าปีแล้ว ต่อให้มีตำนานสืบเล่า ในสายตาของเด็ก ๆ แม่ก็คือหญิงชราแล้ว”
“หญิงชราดีสิ!”
คำพูดของหนานซ่งกลับเปิดแนวคิดใหม่ให้กับลั่วอิน “ฉันหาวิกผม ติดอาวุธ แกล้งทำเป็นหญิงชราขู่เด็กๆ คิดดูแล้วก็น่าสนุก”
ขณะพูด เธอเริ่มโทรหากู้ฟางแล้ว ให้อาจารย์กู้ฟางผู้ชำนาญการเรื่องการแต่งตัวแต่งหน้าเตรียมวิกผม ทางที่ดีที่สุดคือหาหน้ากากหนังปลอมอะไรให้เธอ แต่งหน้าเป็นคนแก่
หนานซ่งฟังแล้วรู้สึกจนปัญญา พูดกับหนานหนิงซง: “แม่หนูคิดอีกอย่างทำอีกอย่าง อายุปูนนี้แล้ว ยังทำตัวแบบนี้อีก”
หนานหนิงซงยิ้มด้วยความรักเอ็นดู “คติประจำใจของแม่หนูก็คือ ชีวิตที่ปราศจากการเสแสร้งไม่เพียงพอที่จะเรียกว่าชีวิต มีชีวิตอยู่ก็เพื่อหาเรื่องทำ”
เพิ่งพูดจบ หนานหนิงซงก็คิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วพูดกับลั่วอิน: “ทางที่ดีคุณเตรียมให้ผมด้วย ไม่งั้นพวกเราออกไปข้างนอก คนอื่นจะคิดว่าผมเป็นลูกชายของคุณ”
หนานซ่ง andยวี่จิ้นเหวิน: “...”
เรื่องแบบนี้ เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น
ใครจะไปเข้าใจความขมขื่นของหนานหนิงซงล่ะ?
ลั่วอินหัวเราะคิกคัก ให้กู้ฟางจัดการให้เธอ ดูท่าทางตื่นเต้นของเธอสิ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าเธอจะไปเดินแบบ เหมือนกับจะไปฆ่าคนซะที่ไหน
คู่สามีภรรยาหนุ่มสาวอยู่ในห้องของคู่สามีภรรยามีแก่จนถึงดึก ลั่วอินง่วงแล้ว จึงเริ่มไล่พวกเขา
“พอแล้ว พวกเธอรีบกลับห้องเถอะ พวกฉันจะนอนแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องตื่นเช้าอีก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...
น่าจะตอบโต้ด้วยการขุดประวัติมาประจานนังโจ๋นะ...
เนื้อเรื่องมี3-4ประโยค...เหมือนติดเหรียญ😂😂😂...