สรุปเนื้อหา บทที่ 62 อย่าคิดที่จะพลิกตัว – สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา โดย หมัง กั่ว มู่ ซือ
บท บทที่ 62 อย่าคิดที่จะพลิกตัว ของ สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย หมัง กั่ว มู่ ซือ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
กู้ฉางชิงไม่ได้ให้ความสนใจกับลู่ซือยวี่ หลังจากที่เธอมาถึงที่นั่งแล้ว เธอก็วางของลงและจัดระเบียบให้เรียบร้อย
แม้ว่าที่ตรงนี้จะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับเธอ และเธอก็ไม่ได้มาบริษัททุกวัน
ตำแหน่งดีไซเนอร์ค่อนข้างอิสระ สามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ ยกเว้นมีประชุมสำคัญ
ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องเห็นหน้าของลู่ซือยวี่ตลอดเวลา
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เธอก็ค่อยๆคลายความกังวลในใจออกไป
อย่างไรก็ตามต้องคิดหาหนทางที่ดีไว้ ความเป็นจริงมักจะโหดร้ายเสมอ
เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่เธอเข้าทำงาน ลู่ซือยวี่ก็เดินไปเดินมา แล้วก็มาหยุดตรงหน้าเธอ
“กู้ฉางซิน เธอรีบไปที่ตลาดผ้าตอนนี้เลย ชวี่ชิงหยุนมีการออกแบบที่ต้องการผ้าดิ้นเงินดิ้นทองของเจียงหนาน ก่อนหน้านี้มีการสื่อสารที่ดี แต่ทว่าผ้าไม่เคยมาส่งช้า คุณไปดูหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ถือโอกาสเอาผ้ากลับมาด้วย”
เมื่อกู้ฉางชิงได้ยินดังนั้น เธอก็ขมวดคิ้วและโต้แย้งโดยไม่รู้ตัวว่า:“รักษาการผู้จัดการแผนก ดูเหมือนว่างานนี้จะต้องทำโดยผู้ช่วยดีไซเนอร์ใช่ไหมคะ?”
ความหมายคือเธอควรไปหาผู้ช่วย
ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้มาทำงานที่นี่ในตำแหน่งผู่ช่วย
ลู่ซือยวี่ได้ยินคำพูดของเธอก็ฟังออก ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า:“ฉันรู้ว่านี่คือสิ่งที่ผู้ช่วยต้องทำ แต่ตอนนี้มีผู้ช่วยไม่พอ คนอื่นๆก็กำลังยุ่งอยู่ ฉันจึงทำได้แค่มาหาเธอ”
กู้ฉางชิงไม่ได้เชื่อในสิ่งที่เธอพูดเลย เมื่อตะกี้เธอเพิ่งมาบอกว่ามีผู้ช่วยอยู่ไม่น้อย
อีกทั้งบริษัทเพิ่งจัดตั้ง ถึงจะยุ่งบ้าง แต่ก็คงไม่ได้ยุ่งขนาดนั้น
เธอกำลังจะอ้าปากพูด แต่ก็ถูกลู่ซือยวี่ขัดจังหวะ
“กู้ฉางซิน ฉันไม่ต้องการได้ยินคำโต้แย้งใดๆ”
เธอก้มลงเข้ามาใกล้กู้ฉางชิง และพูดด้วยเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถได้ยิน เธอยิ้มเยาะแล้วพูดว่า:“อย่าลืมสถานะในตอนนี้ของเธอ รวมทั้งสถานะของฉันด้วย ตอนนี้ฉันคือผู้จัดการแผนกออกแบบ ซึ่งเป็นหัวหน้าของเธอ เป็นธรรมดาที่สั่งให้เธอทำเรื่องอะไร เธอก็ต้องฟัง รองลงมาคือเธอเป็นคนที่มาใหม่ โดยไม่มีคุณสมบัติอย่างชวี่ชิงหยุน และภูมิหลังอย่างมู่ฉิงคง มีสิทธิอะไรที่จะเป็นดีไซเนอร์?”
เมื่อพูดจบเธอก็เงยหน้า และเลิกคิ้วขึ้น:“ฉันได้พูดทุกอย่างกับเธอชัดเจนมากแล้ว จะเชื่อฟังแล้วทำงานอยู่ที่นี่ หรือไม่ก็กลับไปเป็นสะใภ้รองซะ”
หลังจากได้ยินคำพูดนั้น กู้ฉางชิงก็ตัวสั่นด้วยความโกรธ
มันเหมือนกับการถามเฟิงจิ่งเหยาถึงเหตุผล
แต่ในไม่ช้าแรงกระตุ้นนี้ก็ถูกเธอกระงับไว้
อย่าว่าแต่เฟิงจิ่งเหยาไม่ต้องการให้คนอื่นค้นพบความสัมพันธ์ของพวกเขา เธอเองก็ไม่ต้องการพึ่งพาเขาในทุกๆเรื่อง
ไม่ใช่แค่ทำงานเหรอ?เธอทำก็จบแล้ว
“ลู่ซือยวี่ หวังว่าเรื่องในวันนี้จะไม่ทำให้คุณเสียใจในภายหลังนะ เอาที่อยู่มาให้ฉัน”
ลู่ซือยวี่มองหน้าที่ไม่ค่อยพอใจของเธอ
“เสียใจภายหลัง?นั้นก็คงต้องรอให้คุณมีโอกาสพลิกตัว แต่ตราบใดที่ยังมีฉันอยู่ คุณก็คิดวาจะพลิกตัวได้”
เธอข่มขู่อย่างเย็นชา และส่งที่อยู่ให้กู้ฉางชิงทันที:“รีบไปรีบกลับนะ อย่าทำให้ฉันเสียเวลาล่ะ มิฉะนั้นฉันจะจำคุณในฐานะคนงานเหมือง”
กู้ฉางชิงมองที่อยู่ที่อยู่ข้างหน้า แล้วก็ขี้เกียจที่จะสนใจเธอ คว้ากระเป๋าที่อยู่ข้างมือแล้วลุกขึ้นเดินจากไป
ลู่ซือยวี่เห็นหลังเธอเดินจากไป แล้วก็กำลังจะไปเช่นกัน ชวี่ชิงหยุนก็เดินเข้ามา
“ซือยวี่ ทำไมดูคุณกับดีไซเนอร์ที่มาใหม่ไม่ค่อยจะถูกกัน พวกคุณรู้จักกัน?มีอะไรรึเปล่า?”
เธอกับลู่ซือยวี่เป็นเพื่อนสนิทกัน และก็เข้าใจลู่ซือยวี่เป็นอย่างดี พอเห็นเธอกับกู้ฉางชิงไม่พูดกันสองครั้งติด เธอก็เดาในใจและเข้ามาถาม
และครั้งนี้ที่เธอเข้ามาในบริษัทได้ เพราะลู่ซือยวี่ช่วยเธอไว้ไม่น้อย ถ้าหากเป็นคนที่เขาไม่ชอบ เป็นธรรมดาที่เธอจะช่วยจัดการให้
“เธอเป็นดีไซเนอร์ แต่ว่ามาจากชานเมือง โชคดีที่ประธานกรรมการชื่อชอบเธอ”
เมื่อลู่ซือยวี่ได้ยินคำพูดของเธอ ก็อารมณ์ไม่ดีแล้วพูดว่า:“รู้จักก็ช่างเถอะ มันผ่านไปแล้ว”
เมื่อชวี่ชิงหยุนเห็นว่าเธอกำลังจะไป ก็หยุดเรื่องที่กำลังทำ และเรียกให้เธอหยุด
กู้ฉางชิงเห็นแล้วก็ขมวดคิ้ว แต่ก็หยุดอยู่ก่อน
“รบกวนดีไซเนอร์ชวี่รีบๆดูหน่อยค่ะ ฉันยังไม่ได้ทานข้าว”
ชวี่ชิงหยุนเมื่อได้ยินดังนั้นก็มองไปที่เธอ แล้วกระพริบตาแปลกๆ จากนั้นก็หยิบแบบแปลนขึ้นมาดูอยู่นาน
“อืม ไม่มีปัญหาอะไร”
กู้ฉางชิงได้ยินอย่างนั้นก็โล่งใจ
“งั้นฉันไปได้รึยังคะ?”
“เดี๋ยวก่อน ที่นี่ยังมีเรื่องให้เธอต้องไปจัดการ”
ขณะที่เธอพูด เธอก็หยิบผ้าที่กู้ฉางชิงส่งมาให้ก่อนหน้านี้จากโต๊ะทำงาน และพูดอย่างไม่พอใจว่า:“เนื้อผ้านี้ไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างที่ฉันคิดไว้ ฉันได้ติดต่อกับซัพพลายเออร์ผ้าแล้ว และขอให้พวกเขาเปลี่ยนผ้าที่นุ่มกว่านี้ให้ฉัน คุณเอาไปเปลียนให้ฉันหน่อย แบบนี้งานออกแบบของฉันถึงจะออกมาดี”
“แต่ฉันยังไม่ได้ทานข้าวเลยนะคะ”
กู้ฉางชิงต้องการให้เธอเปลี่ยนให้คนอื่นไปแทน เพราะเธอยุ่งมากจนยังไม่ได้กินข้าว และตอนบ่ายยังมีงาน ถ้าเธอไม่ได้กินข้าวจะเอาแรงที่ไหนมาทำงาน
อย่างไรก็ตามชวี่ชิงหยุนไม่ได้สนใจว่าเธอจะได้กินข้าวหรือไม่ แสร้งเป็นว่าไม่ได้ยินคำพูดของเธอ เอาผ้ายัดให้เธอแล้วพูดว่า:“คุณรีบไปรีบกลับนะ ตอนเย็นยังต้องส่งสินค้าไปให้ประธานกรรมการดูที่สำนักงานใหญ่”
กู้ฉางชิงเมื่อได้ยินประโยคนี่ ยังจะโต้แย้งอะไรได้อีก ทำได้แค่ถือผ้าแล้วเดินจากไป
ขณะที่เธอกำลังเตรียมพร้อมจะขึ้นลิฟต์ เธอไม่คิดว่าจะเจอเฟิงจิ่งเหยาที่ประตูลิฟต์
เฟิงจิ่งเหยามาที่บริษัทใหม่เพื่อทำตามหน้าที่ และตอนนี้เขาก็กำลังจะกลับไปที่สำนักงานใหญ่
เมื่อเห็นกู้ฉางชิงถือผ้ายืนอยู่ที่หน้าาลิฟต์ เขาก็ขมวดคิ้วและถามว่า:“ตอนนี้ไม่ใช่เวลางานหรอ?ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา