กู้ฉางชิงไม่ได้ให้ความสนใจกับลู่ซือยวี่ หลังจากที่เธอมาถึงที่นั่งแล้ว เธอก็วางของลงและจัดระเบียบให้เรียบร้อย
แม้ว่าที่ตรงนี้จะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับเธอ และเธอก็ไม่ได้มาบริษัททุกวัน
ตำแหน่งดีไซเนอร์ค่อนข้างอิสระ สามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ ยกเว้นมีประชุมสำคัญ
ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องเห็นหน้าของลู่ซือยวี่ตลอดเวลา
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เธอก็ค่อยๆคลายความกังวลในใจออกไป
อย่างไรก็ตามต้องคิดหาหนทางที่ดีไว้ ความเป็นจริงมักจะโหดร้ายเสมอ
เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่เธอเข้าทำงาน ลู่ซือยวี่ก็เดินไปเดินมา แล้วก็มาหยุดตรงหน้าเธอ
“กู้ฉางซิน เธอรีบไปที่ตลาดผ้าตอนนี้เลย ชวี่ชิงหยุนมีการออกแบบที่ต้องการผ้าดิ้นเงินดิ้นทองของเจียงหนาน ก่อนหน้านี้มีการสื่อสารที่ดี แต่ทว่าผ้าไม่เคยมาส่งช้า คุณไปดูหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ถือโอกาสเอาผ้ากลับมาด้วย”
เมื่อกู้ฉางชิงได้ยินดังนั้น เธอก็ขมวดคิ้วและโต้แย้งโดยไม่รู้ตัวว่า:“รักษาการผู้จัดการแผนก ดูเหมือนว่างานนี้จะต้องทำโดยผู้ช่วยดีไซเนอร์ใช่ไหมคะ?”
ความหมายคือเธอควรไปหาผู้ช่วย
ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้มาทำงานที่นี่ในตำแหน่งผู่ช่วย
ลู่ซือยวี่ได้ยินคำพูดของเธอก็ฟังออก ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า:“ฉันรู้ว่านี่คือสิ่งที่ผู้ช่วยต้องทำ แต่ตอนนี้มีผู้ช่วยไม่พอ คนอื่นๆก็กำลังยุ่งอยู่ ฉันจึงทำได้แค่มาหาเธอ”
กู้ฉางชิงไม่ได้เชื่อในสิ่งที่เธอพูดเลย เมื่อตะกี้เธอเพิ่งมาบอกว่ามีผู้ช่วยอยู่ไม่น้อย
อีกทั้งบริษัทเพิ่งจัดตั้ง ถึงจะยุ่งบ้าง แต่ก็คงไม่ได้ยุ่งขนาดนั้น
เธอกำลังจะอ้าปากพูด แต่ก็ถูกลู่ซือยวี่ขัดจังหวะ
“กู้ฉางซิน ฉันไม่ต้องการได้ยินคำโต้แย้งใดๆ”
เธอก้มลงเข้ามาใกล้กู้ฉางชิง และพูดด้วยเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถได้ยิน เธอยิ้มเยาะแล้วพูดว่า:“อย่าลืมสถานะในตอนนี้ของเธอ รวมทั้งสถานะของฉันด้วย ตอนนี้ฉันคือผู้จัดการแผนกออกแบบ ซึ่งเป็นหัวหน้าของเธอ เป็นธรรมดาที่สั่งให้เธอทำเรื่องอะไร เธอก็ต้องฟัง รองลงมาคือเธอเป็นคนที่มาใหม่ โดยไม่มีคุณสมบัติอย่างชวี่ชิงหยุน และภูมิหลังอย่างมู่ฉิงคง มีสิทธิอะไรที่จะเป็นดีไซเนอร์?”
เมื่อพูดจบเธอก็เงยหน้า และเลิกคิ้วขึ้น:“ฉันได้พูดทุกอย่างกับเธอชัดเจนมากแล้ว จะเชื่อฟังแล้วทำงานอยู่ที่นี่ หรือไม่ก็กลับไปเป็นสะใภ้รองซะ”
หลังจากได้ยินคำพูดนั้น กู้ฉางชิงก็ตัวสั่นด้วยความโกรธ
มันเหมือนกับการถามเฟิงจิ่งเหยาถึงเหตุผล
แต่ในไม่ช้าแรงกระตุ้นนี้ก็ถูกเธอกระงับไว้
อย่าว่าแต่เฟิงจิ่งเหยาไม่ต้องการให้คนอื่นค้นพบความสัมพันธ์ของพวกเขา เธอเองก็ไม่ต้องการพึ่งพาเขาในทุกๆเรื่อง
ไม่ใช่แค่ทำงานเหรอ?เธอทำก็จบแล้ว
“ลู่ซือยวี่ หวังว่าเรื่องในวันนี้จะไม่ทำให้คุณเสียใจในภายหลังนะ เอาที่อยู่มาให้ฉัน”
ลู่ซือยวี่มองหน้าที่ไม่ค่อยพอใจของเธอ
“เสียใจภายหลัง?นั้นก็คงต้องรอให้คุณมีโอกาสพลิกตัว แต่ตราบใดที่ยังมีฉันอยู่ คุณก็คิดวาจะพลิกตัวได้”
เธอข่มขู่อย่างเย็นชา และส่งที่อยู่ให้กู้ฉางชิงทันที:“รีบไปรีบกลับนะ อย่าทำให้ฉันเสียเวลาล่ะ มิฉะนั้นฉันจะจำคุณในฐานะคนงานเหมือง”
กู้ฉางชิงมองที่อยู่ที่อยู่ข้างหน้า แล้วก็ขี้เกียจที่จะสนใจเธอ คว้ากระเป๋าที่อยู่ข้างมือแล้วลุกขึ้นเดินจากไป
ลู่ซือยวี่เห็นหลังเธอเดินจากไป แล้วก็กำลังจะไปเช่นกัน ชวี่ชิงหยุนก็เดินเข้ามา
“ซือยวี่ ทำไมดูคุณกับดีไซเนอร์ที่มาใหม่ไม่ค่อยจะถูกกัน พวกคุณรู้จักกัน?มีอะไรรึเปล่า?”
เธอกับลู่ซือยวี่เป็นเพื่อนสนิทกัน และก็เข้าใจลู่ซือยวี่เป็นอย่างดี พอเห็นเธอกับกู้ฉางชิงไม่พูดกันสองครั้งติด เธอก็เดาในใจและเข้ามาถาม
และครั้งนี้ที่เธอเข้ามาในบริษัทได้ เพราะลู่ซือยวี่ช่วยเธอไว้ไม่น้อย ถ้าหากเป็นคนที่เขาไม่ชอบ เป็นธรรมดาที่เธอจะช่วยจัดการให้
“เธอเป็นดีไซเนอร์ แต่ว่ามาจากชานเมือง โชคดีที่ประธานกรรมการชื่อชอบเธอ”
เมื่อลู่ซือยวี่ได้ยินคำพูดของเธอ ก็อารมณ์ไม่ดีแล้วพูดว่า:“รู้จักก็ช่างเถอะ มันผ่านไปแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา