วันต่อมา กู้ฉาวชิงลุกขึ้นมาจากเตียง ไม่เห็นเฟิงจิงเหยา ก็ไม่ได้สนใจ
สองสามวันมานี้เฟิงจิงเหยาก็เป็นแบบนี้ ออกเช้ากลับเย็น เธอชินแล้ว
เธอลงจากเตียงจัดการตนเองเสร็จเรียบร้อย ก็ลงชั้นล่างมารับประทานอาหาร
รอทานอาหารเช้าเสร็จ กำลังวางแผนที่จะนั่งรถไปที่บริษัท ไม่คิดว่าพอกำลังจะออกจากบ้าน ก็เห็นคนรับใช้ทางด้านบ้านหลักกำลังส่งคุณหมอออกจากบ้าน เขาอดไม่ได้ที่จะหยุดก้าวเท้าแล้วกล่าวถามว่า: "พ่อบ้าน ทางด้านลานบ้านหลักนั้นมีใครป่วยหรอ?"
หากว่าเป็นผู้สูงอายุภายในบ้าน เธอควรจะเข้าไปดูแล และเพื่อกำจัดการถูกคนตำหนิเป็นขี้ปากคน
"เรียนคุณนาย ได้ยินมาว่าคุณลู่ไม่สบาย เรียกหมอให้มาแต่เช้า เมื่อเช้าตอนคุณชายออกจากบ้านก็เข้าไปเยี่ยมมาแล้ว ได้ยินว่าหนักมาก กระทั่งลุกจากเตียงไม่ขึ้น"
พ่อบ้านตอบกลับอย่างเต็มความสามารถ
แต่กู้ฉางชิงฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว
ลู่ซือหยี่หญิงคนนั้นป่วยหรอ? ไม่รู้ทำไม เธอไม่ค่อยเชื่อ
เมื่อเย็นวานยังแข็งแรงดีอยู่เลย แค่คืนเดียวทำไมถึงป่วยรุนแรงได้ขนาดนี้
ที่สำคัญคือได้ยินว่าเฟิงจิงเหยาไปเยี่ยม ก็ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้น
ว่าโดยความเป็นจริงแล้วผู้หญิงคนนั้นพยายาสร้างอุบายเพื่อเฟิงจิงเหยา ใครจะรู้ว่าเธอแกล้งป่วย เพียงเพื่อจะได้รับความน่าสงสาร
เธอคิดแบบนี้แล้ว ก็ไม่ให้ความสนใจ มุ่งตรงไปยังบริษัท
ไม่พูดไม่ได้ว่า บริษัทที่ไม่ทีลู่ซือหยี่ คือเธอสบายใจผ่อนคลายที่สุดตลอดทั้งวัน
เพียงแค่ความผ่อนคลายนี้ก็อยู่ได้ถึงแค่เลิกงาน ก่อนที่จะกลับไปถึงตระกูลเฟิง
เพราะพอคุณนายเฟิงทราบว่าเธอกลับมา ก็รับจัดการให้คนเรียกเธอไปที่ห้องของลู่ซือหยี่
กล่าวได้ว่าเครื่องตกแต่งห้องของลู่ซือหยี่ได้รับการจัดวางอย่างสมบูรณ์ตามข้อกำหนดของเจ้าบ้านตระกูลเฟิง
ประณีตและหรูหรา แทรกด้วยกลิ่นอายของหญิงสาวทุกหนทุกแห่ง
กู้ฉางชิงพินิจพิเคราะห์แล้ว ก็ดึงสายตากลับมา
"แม่ คุณหาฉันหรอ?"
เธอมองไปยังคุณนายเฟิง ในสายตาหาคำตอบไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าเวลานี้คุณนายเฟิงเรียกเธอเข้ามาเพื่ออะไร
คุณนายเฟิงไม่ได้เห็นถึงสายตาที่งุนงงในตาของเธอ เห็นเธอ ก็เก็บรอบยิ้มบนใบหน้าทันที
"กู้ฉางชิง ในฐานะที่คุณเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ที่สุดของบ้าน ทำไมความมีน้ำใจสักนิดก็ไม่มี น้องสาวในบ้านป่วย แม่กระทั่งจะถามสักคำก็ไม่มี นี่คือคนที่มอบหมายให้เป็นพี่สะใภ้ใหญ่หรอ?"
เธอตำหนิด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เฟิงจิ้งหยวนที่นั่งอยู่ข้างๆก็พลอยพูดตามไปด้วย กล่าวอย่างกระทบกระแทกแดกดันว่า: "เถอะน่า เธอใจดีขนาดนั้นซะที่ไหนกัน ไม่หวังว่าให้พูดประโยคให้มีอันเป็นไปก็ดีแล้ว"
ลู่ซือหยี่ที่อยู่บนเตียงได้ฟังคำพูดกลั่นแกล้งของคนทั้งแล้ว ก็มองไปยังกู้ฉางชิงอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
กู้ฉางชิงสังเกตเห็นสายตาของเธอ ก็ฟังคำพูดของคุณนายเฟิงที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอีก ไร้คำพูดไปชั่วขณะ
เธอก็เดาได้ถึงเจตนาที่พวกเขาเรียกตนเองมา
ที่แท้ก็จะตำหนิเธอที่เมื่อเช้าเธอไม่มาเยี่ยมลู่ซือหยี่
เธอกวาดสายตามองคนทั้งสอง กล่าวด้วยความสงบว่า: "เดิมทีที่น้องซือหยี่ป่วย ฉันก็ไม่ทราบ ถ้าฉันรู้ ก็จะให้คนนำยาบำรุงมาให้น้องซือหยี่อย่างแน่นอน"
เธอเน้นคำว่าน้องสาวสองคำ แล้วมองกลับไปที่ลู่ซือหยี่อย่างกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม
ความหมายของคำพูดจัดเจนมากว่า ที่ตระกูงเฟิง ไม่ว่าเธอจะต้องทะเยอะทะยานมากแค่ไหน ก็จะทำพื่อเพียงแค่น้องสาวคนนึง
ลู่ซือหยีก็มองออกอยู่แล้ว ทันทีก็โกรธมากจนแทบกระอักเลือด
ใครอยากเป็นน้องสาว เธออยากเป็นลูกสะใภ้ตระกูลเฟิงต่างหาก!
น้องสาวเพียงชั่วคราวเท่านั้น เป็นชั้นเชิงในการยืดเวลาของเธอ
ในใจของเธอคิดอย่างเคียดแค้น สีหน้าของคุณนายเฟิงและเฟิงจิ้งหยวนก็ไปไม่เป็น
พูดได้ว่าประโยคนี้ของกู้ฉางชิงไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง ทำให้คำพูดที่พวกเธอเตรียมไว้ตำหนิไม่มีพื้นที่ให้แสดงความองอาจออกมาได้
ประการที่สองถ้าพวกเขากัดไม่ปล่อย ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังสร้างปัญหา
คนทั้งสองถูกคำพูดปิดปากจนพูดไม่ออก
หน้าอกอารมณ์แปรปรวนไม่สงบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา