ตั้งแต่เจียงชูหนิงกลับมาจากโรงพยาบาล เธอก็ขังตัวเองเอาไว้ในห้อง ไม่ทานอาหารสักคำเดียว
เจียงจิ้งเหยามาเรียกเธอสองครั้ง แต่ท่าทางของเจียงชูหนิงก็มุ่งมั่นมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน บวกกับหลังจากท่านทวดเจียงเสียชีวิต ยังมีเรื่องอีกมากมายรอให้เขาจัดการ เลยยิ่งไม่มีเวลามาดูแลความโศกเศร้าระทมของเธอ
มันจะดีหลังจากผ่านช่วงนี้ไป
เจียงชูหนิงนอนฟุบอยู่บนเตียงตลอด ตื่นมาก็ร้อง ร้องจนเหนื่อยก็ผล็อยหลับ
อารมณ์ซึมเซา ไม่มีความกระปรี้กระเปร่าเลยสักนิด
ถ้าหากเธอไม่หัวแข็งหนีไปเมืองหนานเฉิง พี่ซานซานก็จะไม่ถูกติดร่างแหไปกับเธอ จนต้องเสียลูกน้อยไป
คุณปู่ทวดดีกับเธอและรักเธอมาก แต่เธอกลับมาไม่ทันได้อยู่กับเขา กระทั่งไม่ทันได้พูดคุยกับเขาด้วยซ้ำไป เขาก็มาไปสบายเสียแล้ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงเคาะประตูจากข้างนอกก็ดังขึ้น เธอใช้แรงฮึดสุดท้าย ในการลากเสียง "ฉันไม่กิน ไม่ต้องมา......"
ยังพูดไม่ทันจบ เสียงเย็นชาของชายหนุ่มก็ดังมาจากอีกฟากหนึ่งของประตู "ฉันให้เวลาเธอเปิดประตู1นาที"
เจียงชูหนิงตัวแข็งทื่อ ลุกขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่เพราะไม่ได้กินอะไรมาเกือบสองวัน จึงไม่มีแรงและล้มลงทันที
พอเธอคิดอีกที ก็คิดได้ว่า ก็กลับบ้านมาแล้ว ทำไมเธอต้องถูกเขาข่มขู่ด้วย
นี่มันในบ้านของเธอ ถ้าเธอไม่เชื่อ แล้วเขาจะทำอะไรเธอได้
เจียงชูหนิงหลับตาลง ใช้ผ้าห่มคลุมศีรษะ หลับตาพลางสะอื้นให้
ไม่นานนัก เธอก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวดังมาจากด้านนอก
เจียงชูหนิงดึงผ้าห่มออก มองไปด้วยน้ำตาที่ขมุกขมัวเต็มดวงตา จู่ๆ แสงที่ส่องเข้ามาก็ทำให้เธอไม่สามารถลืมตาได้ครู่หนึ่ง
ผ่านไปสักพัก เธอถึงมองเห็น
ประตูของเธอล่ะ
ตอนนี้เอง ที่คนรับใช้ยกอาหารเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ก่อนจะพูดอย่างอาดูรว่า "คุณหนูขา ทานอะไรหน่อยนะคะ"
เจียงชูหนิงยังคงลงโทษตัวเอง ก่อนจะพูดอย่างดื้อรั้น "ฉันไม่กิน"
"เธอไม่กินก็ยัดลงไป กินได้แค่ไหนก็แค่นั้น"
เจียงชูหนิง "......"
เธอมองไปที่ประตูอีกครั้ง กลับเห็นว่าร่างที่อยู่ข้างนอกได้หายไปแล้ว
คนรับใช้ประคองเจียงชูหนิงขึ้นมา "คุณหนูขา กินอะไรหน่อยเถอะค่ะ ตอนบ่ายเป็นงานศพของท่านทวดนะคะ ด้วยร่างกายอย่างนี้ กระทั่งจะออกจากประตูไป เกรงว่าก็ทำไม่ได้นะคะ"
เจียงชูหนิงพึมพำอย่างรู้สึกตัว "วันนี้คืองานศพของปู่ทวด?"
"ใช่ค่ะ เพราะเรื่องนี้ท่านใหญ่ก็เลยยุ่งมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นประมุขเจียงก็คงไม่มารับคุณหนูแทนหรอกค่ะ"
เจียงชูหนิงเงียบไป ก่อนจะก้มหน้าลง
คนรับใช้ยกโจ๊กขึ้นมา พลางพูดโน้มน้าว "คุณหนูขา มองในแง่ดีหน่อยนะคะ ท่านทวดก็อายุมากแล้ว ตอนท่านไปท่านก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร คุณหนูควรจะดีใจกับท่านสิคะถึงจะถูก"
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ น้ำตาของเจียงชูหนิงก็ไหลหลากลงมา "แต่......แต่ฉัน......"
"ชีวิตของคน เกิดแก่เจ็บตาย เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกค่ะคุณหนู คุณหนูเองก็อย่าเศร้าจนเกินไป ท่านทวดคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณหนูจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไร้กังวลเหมือนเมื่อก่อนนะคะ"
ไม่รู้ว่าเจียงชูหนิงได้ยินคำโน้มน้าวนี้หรือไม่ เธอกินโจ๊กพลางน้ำตาไหลเป็นสายไปพลาง
หลังจากทานอาหารเสร็จ เธอก็เข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดสีดำที่ไว้ใช้เข้าร่วมในงานศพที่คนรับใช้นำมาให้
เจียงชูหนิงขยี้ตาบวมแดงช้ำของเธอ ก่อนจะลงไปข้างล่าง
เจียงซ่างหานนั่งอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นเธอลงมา เขาก็ไม่พูดอะไร ก่อนจะลุกขึ้นก่อนจะก้าวขายาวออกไป
เมื่อเจียงชูหนิงเห็น จึงรีบเดินตามเขาไป
เมื่อมาถึงข้างนอก เธอเดินไปยังที่นั่งข้างคนขับตามความเคยชิน เมื่อเปิดประตู กลับเห็นเจียงซ่างหานเปิดประตูด้านคนขับ
เจียงชูหนิง "......"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีเก่า...มาขอแต่งงานอีกแล้ว
เอาอีกแล้ว รวบรัดตัดจบในสามบทสุดท้าย ตัดทิ้งดื้อๆ ไม่เล่าว่าพี่กับพ่อพระเอกเป็นยังไง และตระกูลของหนิงหนิงเป็นไงกัน น้าชั่วของหนิงหนิงตายจริงไหม...