มันเป็นเรื่องที่ธรรมดามากเรื่องหนึ่ง เซี่ยซีหวั่นไม่รู้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของทุกคนจะรุนแรงถึงเพียงนี้
หญิงชราตกตะลึง พลางรับมือกับเรื่องนี้ด้วยระยะเวลาอันรวดเร็ว เรื่องนี้มันอยู่นอกเหนือการคาดเดา แต่เมื่อครุ่นคิดอย่างสมเหตุสมผล ลูกสาวของหลินส่วยเหยาจะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง
หญิงชราตบหลังฝ่ามือของเซี่ยซีหวั่นอย่างแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู “หวั่นหวั่น หนูทำให้ย่าเซอร์ไพรส์มากเหลือเกิน หนูยังมีเรื่องไหนที่ปิดบังย่าอยู่อีกมั้ยลูก”
เซี่ยซีหวั่นแลบลิ้นออกมา พลางพูดด้วยความรู้สึกน้อยใจแกมออดอ้อน “คุณย่าคะ หนูไม่รู้ว่าตกลงพวกคุณอยากฟังเรื่องอะไรกัน หนูไม่สนิทกับคุณป้าจริงๆ
และไม่เคยไปเรียนต่อที่มหาลัยเซิ่งหลีด้วย เลยไม่มีอะไรจะพูดค่ะ อีกอย่างเรื่องของคนอื่นๆก็เช่นกัน หนูรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องพูดเลยค่ะ”
เธอพูดแบบนี้แล้ว หญิงชราก็รับรู้แล้ว เธอต้องมีเรื่องอื่นๆอีกแน่
บางทีเรื่องความภาคภูมิใจเรื่องนี้แล้วก็เหมือนกับลู่อินอินไม่มีความจำเป็นต้องเอ่ยถึง แต่ในสายตาของคนอื่นกลับเป็นความลับ
จู่ๆหญิงชราก็มองเห็นแสงที่เปล่งประกายมาจากตัวเด็กสาวคนนี้ เซี่ยซีหวั่นลูกสาวของหลินส่วยเหยาก็เหมือนกับไข่มุกเม็ดหนึ่ง เธอเปล่งประกายมาตั้งแต่นานแล้ว
หญิงชรากุมมือเล็กๆของเซี่ยซีหวั่นไว้แน่น พร้อมทั้งชมไม่หยุดปาก “อื้อหือ เรียนจบปริญญาเอกตอนอายุ 15ปี มิน่าละอินอินถึงได้บอกว่าหนูสร้างสถิติใหม่ให้กับวงการแพทย์ สายตาอินอินช่างเฉียบคมมาก หนูน่าจะเป็นเด็กผู้หญิงคนแรกที่เธอถูกชะตาด้วย”
ระหว่างที่หญิงชราพูดก็ชำเลืองมองมาทางลู่หานถิง พลางพูดตำหนิ “หานถิง
ไอ้ตัวแสบอย่างแกโชคดีมากเหลือเกินจริงๆ หวั่นหวั่นยอดเยี่ยมขนาดนี้ ต่อไปแกต้องดูแลหวั่นหวั่นให้ดีเพิ่มเป็นอีกเท่าตัว”
เซี่ยซีหวั่นเงยหน้ามองมาทางลู่หานถิง ชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวขายาวยืนอยู่ในห้องรับแขกกำลังหลุบตาลงเพื่อปลดกระดุมสีเงินบนเสื้อเชิ้ตของตนเอง พลางแสดงท่าทางไม่แย่แส พอได้ยินจึงเงยหน้าขึ้นและจ้องมองมาที่ตัวเธอด้วยดวงตาเรียวเล็กอันลึกซึ้ง
ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกัน พริบตาเดียวลู่หานถิงเบนสายตาหนี “คุณย่าครับ
ผมขอตัวไปจัดการเอกสารที่ห้องหนังสือนะครับ”
ลู่หานถิงก้าวขายาวเดินขึ้นชั้นบน
เซี่ยซีหวั่นมองเห็นร่างกายสูงชะลูดของเขาหายไปจากสายตา จึงพูดด้วยความรู้สึกอึดอัดในหัวว่า
“คุณย่าคะ หนูขอตัวขึ้นชั้นบนก่อนนะคะ”
“ได้ ไปสิ อาบน้ำแล้วก็ลงมากินข้าวเย็นนะ วันนี้ป้าอู๋ทำกับข้าวที่หนูชอบกินทั้งนั้นเลย”หญิงชรายิ้มพูดอย่างเมตตา
……
ภายในห้องหนังสือ
ลู่หานถิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ นิ้วเรียวยาวทั้งสองนิ้วคีบบุหรี่เอาไว้มวนหนึ่ง เอกสารวางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะทำงาน
เขากลับไม่ได้เปิดดูสักนิด ในทางกลับกันดวงตาของเขากลับอึมครึมขึ้น
ไม่นานขี้เถ้าบุหรี่หล่นอยู่ในที่เขี่ยบุหรี่เป็นกองเล็กๆ ลู่หานถิงลุกขึ้นเดินออกจากประตู
เดินมาถึงประตูห้องนอน
ฝ่ามือใหญ่วางลงบนลูกบิดประตูเตรียมจะผลักบานประตูเข้าไป แต่ก็หยุดการกระทำนั้นลงทันที
ลู่หานถิงยืนอยู่ด้านนอกประตูอย่างเงียบๆพักใหญ่ จากนั้นจึงหยิบเสื้อโค้ทและออกจากบ้าน
หญิงชรามองเห็นเขาในห้องรับแขกจึงรับรั้งเขาไว้ทันที “หานถิง ดึกป่านนี้แล้วแกจะไปไหน”
ใบหน้าหล่อเหลาของลู่หานถิงหลุบมองต่ำ น้ำเสียงลุ่มลึกจนฟังไม่ออกถึงความเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ “ที่บริษัทมีเรื่องด่วนที่ต้องเข้าไปจัดการครับ คุณย่า คืนนี้ผมไม่กลับมานะครับ”
“คำพูดที่ว่าคืนนี้แกไม่กลับมาไม่ต้องมาพูดกับย่า แกพูดกับหวั่นหวั่นหรือยังล่ะ”
ลู่หานถิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดว่าอะไร
“จื่อเซี่ยนถูกใจ...หวั่นหวั่นแล้วใช่มั้ย” นายหญิงลู่เป็นคนประเภทไหน
มองแวบเดียวก็เห็นความขัดแย้งระหว่างคนสองคน เมื่อเอาเรื่องมาปะติดปะต่อก็พอจะคาดเดาได้
ลู่หานถิงชำเลืองมองหญิงชรา “ไม่มั่นใจ น่าจะใช่ครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามีพันล้าน รักฉันให้มีสติหน่อย
นิยายที่เคยอ่านแล้วชอบหายไปหลายเรื่องเลยค่ะชอบอ่านซ้ำบางเรื่องอ่านจบแล้วก็มาเริ่มใหม่แต่ก็ไม่ต่อเนื่องค่ะ...