“โอ๊ย!!!หัวจะปวด เมื่อคืนไม่น่ากินเลี้ยงกับเพื่อนดึกเลยเรา” หลิวฟางเหนียงบ่นให้ตัวเองกับเรื่องของเมื่อคืน เพราะเมื่อวานเป็นวันคล้ายวันเกิดของเธอ เธอเลยชวนเพื่อนๆ ไปกินเลี้ยง กินกันเพลินไปหน่อยรู้ตัวอีกทีก็ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว กว่าจะได้เข้าหอพักเวลาก็ผ่านไปจนถึงตี 3 เธอได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นเช้าไปทำงานต่อ ทำให้เธอปวดหัวมากเพราะยังไม่สร่างเมา แถมวันนี้เธอยังตื่นสายอีกด้วย ณ ตอนนี้เธอเหลือเวลาไม่มากนัก อีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้เธอก็จะเข้างานสายแล้ว “ตื่นก็สาย หัวก็ปวด งานก็กำลังจะเข้าไม่ทันเวลา แถมยังจะเมาค้างอีก ทำไมวันนี้ถึงไม่ใช่วันหยุดนะ” หลิวฟางเหนียงเธอเป็นพนักงานบริษัทโรงงานผลิตยางรถยนต์แห่งหนึ่งในประเทศจีน เพราะผลงานของเมื่อคืนแท้ๆ ต้องทำให้เธอต้องวิ่งไปบ่นไป จากหอเธอไปโรงงานประมาณ 1 ลี้ เธอยกข้อมือข้างซ้ายที่ใส่นาฬิกาอยู่ดูเวลาตลอดทางที่วิ่งไปโรงงาน
“เวลาอย่าเดินเร็วนักสิ เดินช้าๆ หน่อยเถอะ” เธออ้อนวอนเวลาทั้งๆ ที่รู้ว่าเวลาไม่สามารถรอเธอได้ เธอรีบวิ่งไปให้เร็วที่สุด พอไปเจอทางแยกเธอนึกคิดขึ้นมาได้ว่ายังมีทางลัดอยู่ทางหนึ่ง แต่ทางนี้เขากำลังทำท่อระบายน้ำอยู่ “คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะตอนนี้กำลังเช้าอยู่ พวกพี่ๆ เขาคงยังไม่ได้เข้างานกันหรอก ไปทางนี้แล้วกัน” เธอตัดสินใจเลี้ยวขวาไปทางลัด แล้ววิ่งด้วยความเร็วที่สุด “พ่อจ๋า แม่จ๋า ช่วยหยุดเวลาให้ลูกสักนิดด้วยเถอะ” เธอภาวนาให้พ่อกับแม่ช่วยเธออีกแรง พ่อกับแม่ของเธอนั้นท่านทั้งสองได้จากไปตั้งแต่เธอเรียนอยู่ ม.ปลายเทอมสุดท้ายแล้ว ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ท่านทั้งสองได้ทิ้งเงินประกันก้อนหนึ่งเอาไว้ให้เธอ ตอนนั้นเธอคิดได้อย่างเดียวว่าหากได้ทำงานเร็วขึ้นก็จะมีรายรับเพิ่มขึ้น เพราะตอนนั้นเงินที่เธอมีอยู่ก็ไม่มากพอที่จะให้เธอเรียนต่อได้ ส่วนเงินของพ่อแม่เธอนั้นเธออยากเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉินมากกว่า เธอเลยตัดสินใจจะเรียนให้จบแค่ ม.ปลาย พอเธอเรียนจบแล้วเธอก็ไปหาสมัครงานทันที จนได้งานทำที่โรงงานแห่งนี้ ตอนนี้ก็ผ่านไป 10 ปีแล้วที่โรงงานแห่งนี้ได้เป็นอู่ข้าวอู่น้ำให้เธอมาโดยตลอด
“ตอนนี้ฉันกำลังวิ่งให้เร็วที่สุด แต่เวลาช่วยเดินช้าๆ ก็ได้นะ” เธอวิ่งไปตะโกนไป พอวิ่งไปได้สักพักยังไม่พ้นพื้นที่ที่พวกพี่ๆ เขาทำท่อระบายน้ำ จู่ๆ สิ่งที่ไม่เธอคาดฝันก็เกิดขึ้น “โอ๊ย!!!” เธอร้องอุทานเสียงดัง เพราะเธอวิ่งไปสะดุดกับก้อนหินก้อนหนึ่ง ด้วยความรีบของเธอนั้นตอนเธอวิ่งจึงไม่ได้สังเกตว่ามีอะไรกำลังขวางทางเธออยู่หรือเปล่า ทำให้เธอต้องสะดุดล้มลงไป โดยส่วนหัวของเธอนั้นได้ฟาดเข้าไปกับขอบฝาท่ออย่างจัง เจ้ากรรมคนที่เขาทำท่อระบายน้ำนี้ก็ดันมาลืมปิดฝาท่อในวันนี้อีก จึงทำให้เธอต้องผลัดตกลงไปในท่อระบายน้ำที่มีความลึกประมาณ 3 ฉื่อได้ ความรู้สึกของเธอตอนนี้คือเจ็บตรงบริเวณศีรษะอย่างมากจากนั้นภาพทุกอย่างก็ดับวูบไป
หลิวฟางเหนียงเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งความเจ็บปวดตรงบริเวณศีรษะของเธอก็หายไปแล้ว เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ แล้วปรับสายตามองไปรอบๆ แต่รอบด้านที่เธอมองไปนั้นมีแค่ความมืดสลัว เธอเริ่มรู้สึกมึนงงและสับสนว่าเธออยู่ที่ไหน ทำไมที่นี่ถึงมีแต่ความมืดจัง ความมืดนี้ทำให้เธอเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ ในขณะนั้นเองก็มีแสงสว่างที่ริบหรี่อยู่ไกลๆ ค่อยๆ เคลื่อนที่เข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ แสงสว่างเข้ามาใกล้เธอมากเกินไปทำให้เธอแสบตาจนต้องรีบหลับตาลงทันที สักพักเธอจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ อีกครั้ง แสงที่ปรากฏตรงหน้าเธอค่อยๆ เปลี่ยนจากแสงสีขาวธรรมดากลายเป็นรูปภาพของเด็กทารกคนหนึ่ง แล้วจึงเปลี่ยนจากรูปภาพเป็นภาพเคลื่อนไหวความเป็นอยู่ของหญิงสาวคนนั้นที่มีชื่อเดียวกันกับเธอ เธอดูเรื่องราวของหญิงสาวคนนั้นตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนหญิงสาวคนนั้นได้เสียชีวิตลงเพราะหมดอายุขัย พอเธอดูเรื่องราวของหญิงสาวคนนั้นจบลง ขณะนั้นเองก็มีแรงดึงดูดมหาศาลจากที่ไหนก็ไม่รู้ดูดร่างของเธอเข้าไปในหลุมดำขนาดใหญ่
ณ หมู่บ้านอันชัง เป็นหมู่บ้านขนาดกลางที่ติดกับเชิงเขาและอยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอซีอาน ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 6 ลี้เป็นหมู่บ้านที่มีฐานะในระดับปานกลางไม่ได้ยากไร้มากนัก “ฟางเหนียง แม่ข้าให้เอาปลานึ่งมาให้เจ้า วันนี้พ่อข้าไปจับปลาที่ริมธารตรงเชิงเขาได้ปลามาหลายตัวเลยล่ะ แม่ข้าจึงอยากแบ่งมาให้เจ้าด้วย อ่ะนี่ ทานให้อร่อยนะ” ลี่เหมยเหม่ยยื่นปลานึ่งให้กับหลิวฟางเหนียง
“ขอบใจเจ้ามากนะเหมยเหม่ย ฝากขอบคุณท่านลุงท่านป้าแทนข้าด้วย” เหมยเหม่ยพยักหน้าตอบ แล้วรีบเดินจากไปเพราะมีงานรอให้นางทำอยู่ที่บ้าน ฟางเหนียงถือถ้วยปลานึ่งเดินเข้ามาในบ้านแล้วนั่งลงทานข้าวอย่างเงียบๆ ทานข้าวไปได้สักพักจู่ๆ นางก็คิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่ของนางขึ้นมา “ตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่จะเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ สบายดีหรือไม่ ข้าคิดถึงพวกท่านมากเลยนะเจ้าค่ะ นั่งกินข้าวคนเดียวไม่อร่อยเลยสักนิด หากได้ทานข้าวกับท่านทั้งสองข้าคงมีความสุขไม่น้อย ฮือๆๆ ” ฟางเหนียงพูดด้วยน้ำตาที่ไหลรินออกมา ท่านแม่ของนางจากไปด้วยโรคประจำตัวตอนนางอายุได้ 13 ปี ส่วนท่านพ่อของนางก็ได้จากไปตอนนางอายุได้ 15 ปี ท่านพ่อของนางได้พลาดท่าให้กับเสือโคร่งตัวหนึ่งเพราะไปช่วยเพื่อนของท่าน ตั้งแต่ที่ท่านพ่อจากไปนางก็อยู่คนเดียวมาตลอด 2 ปี
“วันนี้ทำไมข้าถึงได้คิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่มากยิ่งนัก” ฟางเหนียงทานข้าวเสร็จแล้วก็อาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนเพราะพรุ่งนี้นางต้องรีบไปทำงานแต่เช้าตรู่ นางดับตะเกียงแล้วนอนหลับไป หลับไปสักพักเหมือนนางได้ยินเสียงใครมาเรียกนางอยู่หลายครั้ง นางปรือตาขึ้นมาด้วยความสะลึมสะลือเหมือนคนนอนครึ่งหลับครึ่งตื่น นางมองเห็นรางๆ เหมือนคนสองคนยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง “นั่นคือ ท่านพ่อกับท่านแม่หรือเจ้าคะ” ฟางเหนียงเอ่ยถามเพราะท่านทั้งสองนั้นเหมือนท่านพ่อกับท่านแม่ของนางมากยิ่งนัก พอมองดูให้ชัดแล้วท่านทั้งสองคือท่านพ่อกับท่านแม่ของนางจริงๆ ด้วย “ท่านพ่อ ท่านแม่ มาหาข้ารึเจ้าค่ะ” ท่านทั้งสองพยักหน้าตอบฟางเหนียง “ท่านทั้งสองคงรู้ว่าวันนี้ข้าคิดถึงท่านมากสินะ ท่านจึงได้มาหาข้า” ฟางเหนียงเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจแล้วยิ้มให้ท่านพ่อกับท่านแม่ “ลูกคงเหนื่อยมากแล้ว มาอยู่กับพ่อและแม่เถอะนะ” ท่านแม่ของนางเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่มีความสุขมอบให้นาง ส่วนฟางเหนียงที่ท่านแม่เอ่ยเช่นนั้น นางก็รีบพยักหน้าตอบไปในทันที เพราะกลัวว่าหากตอบช้ากว่านี้ ท่านพ่อกับท่านแม่ของนางอาจจะเปลี่ยนใจได้ ฟางเหนียงรีบลุกขึ้นแล้วเดินเจ้าไปกอดท่านทั้งสองด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข จู่ๆภาพทั้งสามร่างที่กำลังกอดกันอยู่นั้นก็ค่อยๆเลือนหายไปอย่างไม่มีหวนกลับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ