"ครั้งนี้ข้าจ่ายเงินคนเดียวเหมือนทุกครั้งคงไม่ได้แล้ว เพราะแป้งที่เราสั่งจากทางโรงงานครั้งนี้ มันทำมาจากข้าวโพด แล้วราคาของข้าวโพดเจ้าก็คงจะรู้ดีอยู่แล้วว่ามันราคาสูง" เสี่ยวหลวนซานคิดตามที่เจิ้งเจี๋ยอธิบาย "หากมันเป็นพืชที่มีราคาสูงเช่นนี้ เราเปลี่ยนเป็นพืชอย่างอื่นไม่ได้รึ" เจิ้งเจี๋ยพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบ "ได้แน่นอน แต่ถ้าหากเจ้าเลือกที่จะขายของที่ทุกคนไม่มี เพราะเป็นของมาใหม่ ผู้ใดก็อยากลองของใหม่ อีกอย่างคุณสมบัติของข้าวโพดก็ยังดีกว่าแป้งถั่วทั่วไป แน่นอนว่าแป้งข้าวโพดนี้คนที่มีฐานะนั้นย่อมต้องการมันอยู่แล้ว เจ้าลองคิดดูอีกครั้งก็ได้" เสี่ยวหลวนซานรู้ว่าความคิดนี้ดีมากๆ แต่เงินทุนที่เขามีอยู่ตอนนี้นั้นมันคงไม่พอแน่ๆ เขาจึงพูดความจริงให้เจิ้งเจี๋ยฟัง "เงินที่ข้ามีอยู่มันไม่พอตามที่เจ้าต้องการ" เจิ้งเจี๋ยทำหน้าครุ่นคิด "เช่นนั้นจวนของเจ้าล่ะ เอ่อ ขอโทษทีข้าพูดมากไปหน่อย" เสี่ยวหลวนซานได้ยินเช่นนั้นเขาทำตาลุกวาวทันที "ใช่แล้ว จวนนี้ท่านแม่ยกให้ข้าแล้วนี่น่า ได้ๆ เดี๋ยวข้าไปเอาใบโฉนดมาให้เจ้า" แต่ก่อนที่เสี่ยวหลวนซานจะไปเขาหันมาถามเจิ้งเจี๋ยอีกครั้ง "เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าแป้งข้าวโพดจะขายดี" เจิ้งเจี๋ยยิ้มแล้วตอบกลับไป "การลงทุนครั้งนี้เจ้าสามารถเอาลูกค้าจากแม่ของเจ้ามาได้ทั้งหมดทุกเจ้าแน่นอน" เสี่ยวหลวนซานยิ้มออกมา นี่แหละคือสิ่งที่เขาอยากได้ยิน
ณ จวนตระกูลเสี่ยวหรือจวนเดิมของตระกูลเหย่ "หลวนซาน เจ้าจะออกไปอีกแล้วรึ เจ้าเพิ่งกลับมานะ" เสี่ยวจื่อลู่ เอ่ยถาม "ข้ามีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อยขอรับ" พูดจบหลวนซานก็ออกไปทันที "หลวนซาน เจ้าจะไปที่ใด บอกแม่ก่อน" หลวนซานเดินออกไปโดยไม่ฟังเสียงของท่านแม่ของตนเลยสักนิด "เจ้าเด็กคนนี้นี่ ไม่ฟังกันเลย ให้ไปฝึกทำการค้าอยู่หลายครั้งจนตอนนี้ก็ยังไม่ได้เรื่อง แล้วจะให้ข้าปล่อยให้เจ้าดูแลการค้าคนเดียวได้อย่างไรกัน ยิ่งช่วงนี้การค้าของเราก็เริ่มจะกลับมาอยู่ในช่วงวิกฤตไม่ดีอีกครั้งแล้ว ข้ายังไม่รู้เลยว่าจะแก้ปัญหาพวกนี้อย่างไรดี เฮ้อ" เสี่ยวจื่อลู่เป็นกังวลกับเรื่องการค้าครั้งนี้เป็นอย่างมาก โดยที่นางไม่รู้ตัวเลยว่าเรื่องที่ทำให้เกิดปัญหาทั้งหมดกับการค้าของนางนั้น เป็นเพราะลูกชายของตนเอง
ณ โรงงานแป้งข้าวโพด "ฟางเหนียงซุปข้าวโพดของเจ้านี่มันอร่อยมากๆ ทั้งหอม ทั้งหวาน ส่วนทอดมันนี่ก็อร่อยไม่แพ้กันเลย" ลีหยางเอ่ยขึ้นขณะที่เขากำลังยกซดซุปข้าวโพด มืออีกข้างก็ถือทอดมันอยู่ "เจ้า ทานช้าๆหน่อยเถอะ ไม่มีใครมาแย่งเจ้าหรอกนะ" ฟางเหนียงส่ายหน้าให้กับความมูมมามของลีหยาง "ไม่ได้หรอก หากเลี่ยงเฟิ่งมาถึงล่ะก็ ข้าต้องทานไม่ทันเจ้านั้นแน่ๆ" เลี่ยงเฟิงตอนนี้กำลังติดธุระอยู่ยังมาไม่ถึงโรงงาน ลีหยางกับฟางเหนียงก็เพิ่งมาถึงที่โรงงานเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งสามคนนัดเจอกันที่นี่เพราะฟางเหนียงจะมาดูวิธีการผลิตแป้งข้าวโพดที่นางเพิ่งส่งมาให้พวกเขา นางจึงถือโอกาสนี้เอาอาหารที่ทำมาจากแป้งข้าวโพดมาให้พวกเขาชิมดูก่อน แต่เลี่ยงเฟิ่งยังมาไม่ถึงนางจึงแบ่งเป็นสองส่วนเพื่อจะให้ลีหยางได้ทานตอนที่มันยังร้อนๆอยู่ "ข้าแบ่งไว้ให้เลี่ยงเฟิ่งส่วนหนึ่งแล้ว เจ้าก็ค่อยๆทานเถอะ"
ฟางเหนียงเอ่ยจบ เลี่ยงเฟิ่งก็มาถึงที่โรงงานพอดี "อ้าว เลี่ยงเฟิ่งเจ้าถึงแล้วรึ พอดีเลย เจ้ามาทานอาหารพวกนี้ก่อนสิ ข้าทำมาจากแป้งข้าวโพดให้พวกเจ้าชิมด้วย" เลี่ยงเฟิ่งมองไปที่ฟางเหนียงแล้วเหลือบมองไปที่ลีหยางที่ตอนนี้ ไม่มีเสียงพูดทักทายเขาเหมือนทุกครั้ง "ลีหยาง เจ้าไม่คิดจะทักทายข้าเลยรึ" เลี่ยงเฟิ่งไม่ตอบฟางเหนียง แต่เอ่ยขัดลีหยางที่ตอนนี้กำลังมีความสุขกับอาหารตรงหน้าจนสนใจใครเลย "โอ้ เลี่ยงเฟิ่งเจ้ามาแล้วรึ มาๆ มาทานซุปข้าวโพดกับข้าสิ อร่อยมากๆเลยล่ะ แต่ไปทานในส่วนของเจ้านะ อย่ามาแย่งข้า" ลีหยางเอ่ยชวนแล้วเอาตัวมาบังอาหารของตนเองไว้ ฟางเหนียง ที่เห็นอาการหวงอาหารเหมือนเด็กของลีหยางแล้วก็ส่ายหน้าไปมา "เจ้าจะเอาเก็บไว้ทานคนเดียวอย่างนั้นรึ เจ้ามันนิสัยไม่ดีเป็นที่สุด" เลี่ยงเฟิ่งพูดจบก็กระโจนเข้าไปหาลีหยางทันที ทั้งสองคนแย่งทานอาหารกัน โดยไม่สนใจฟางเหนียงที่ยืนนิ่งมองพวกเขาที่ทำตัวเหมือนกับเด็กที่กำลังแย่งของกินกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน
"นี่คือใบโฉนดที่ดินที่ข้าจะเอามาค้ำไว้" เจิ้งเจี๋ยยื่นมือไปรับ แล้วยื่นเอกสารอีกฉบับให้หลวนซานเซ็นชื่อ "เจ้าต้องเซ็นรับรองให้ข้าตรงนี้ก่อนนะ อีกอย่างที่ข้าจะบอกเจ้าให้รู้ ข้าใส่ชื่อข้าเป็นคนสั่งซื้อไปก่อนเพราะหากใส่ชื่อเจ้ากลัวว่าท่านแม่ของเจ้าจะสงสัยเอาได้" หลวนซานพยักหน้าแล้วเซ็นชื่อโดยที่ไม่ได้อ่านรายละเอียดเลยสักนิด "ตอนนี้โรงงานกำลังผลิตแป้งให้เราอยู่ และข้าก็ได้ทำสัญญาว่าจะเป็นเจ้าเดียวที่โรงงานจะผลิตแป้งข้าวโพดให้ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะมีเจ้าอื่นที่จะมีแป้งข้าวโพดเช่นพวกเรา"หลวนซานยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ "ดีแล้วๆ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน แล้วเราค่อยมาเจอกันในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า" หลวนซานพูดแล้วก็เดินออกไปจากโรงเตี๊ยมด้วยอารมณ์ที่พอใจเป็นอย่างมาก
เจิ้งเจี๋ยได้แต่ยิ้มแสยะออกมาด้วยความสะใจ เขามองกระดาษโฉนดที่ดินที่ตอนนี้เป็นชื่อของหลิวฟางเหนียงเรียบร้อยแล้ว "ถึงแม้ข้าจะเอาเจ้ากลับคืนมาช้าหน่อย แต่ข้าก็เอาเจ้ากลับคืนมาได้แล้วนะ" เจิ้งเจี๋ยเอาโฉนดที่ดินเก็บไว้ในตะกร้ามิติ แล้วเดินออกมาจากโรงเตี๊ยมด้วยอารมณ์ที่สะใจอย่างยิ่ง เจิ้งเจี๋ยเดินทางกลับหมู่บ้านทันที วันนี้เขาได้ส่งผักให้ลูกค้าครบหมดทุกเจ้าแล้ว ตอนนี้เขามีผักเพิ่มมากขึ้นทุกครั้งที่เอามาขายที่เมืองเฟิ่งฟู่ เพราะเขาได้ให้เมล็ดพันธุ์กับชาวบ้านในหมู่บ้านอื่นๆอีกหลายหมู่บ้าน ตอนนี้เขาได้ซื้อที่ดินในตัวอำเภอซีอานเพิ่มแล้ว เพราะรถม้าที่เอาผักมาส่งเขาจะได้มีที่พักรถม้าสะดวกมากขึ้น
หลังจากที่มาถึงบ้านเจิ้งเจี๋ยก็ยื่นโฉนดที่ดินให้ฟางเหนียงทันที "นี่คือจวนของเจ้าแล้วนะ สมบัติของครอบครัวข้าเหลือเพียงเท่านี้ ข้าขอมอบให้เจ้า" ฟางเหนียงทำหน้ามึนงง สมบงสมบัติอะไร มอบให้นางทำไม ฟางเหนียงเอาเอกสารมาดูก็ตาลุกวาวทันที "เจ้าเอามันมาได้อย่างไรกัน" นี่มันโฉนดของจวนตระกูลเหย่นี่น่า ทำไมเขาไปเอามันมาได้ล่ะ อิป้านั้นคงจะยอมให้เขามาง่ายๆหรอกนะ "เจ้าลืมที่ข้าบอกเจ้าไปเมื่อครั้งก่อนแล้วรึ ว่าข้าร่วมมือกับลูกชายของท่านป้าอยู่" เจิ้งเจี๋ยเอ่ยแล้วยิ้มออกมา "ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะได้มันมาเร็วถึงเพียงนี้ แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป" ฟางเหนียงพลิกดูใบโฉนดที่ดินไปมาด้วยความดีใจ "ไม่รู้สิ ต้องรอดูต่อไป แล้วที่โรงงานของเพื่อนเจ้าล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง" ฟางเหนียงพยักหน้า "ทางโรงงานของเลี่ยงเฟิ่งเราทำสัญญากันแล้วว่าจะผลิตให้ข้าแค่เจ้าเดียวในระยะเวลา 1 ปี ข้าคิดว่าเวลานี้กำลังพอดี เพราะถึงเวลานั้นข้าวโพดก็น่าจะแพร่หลายในเมืองต่างๆแล้ว" เจิ้งเจี๋ยเห็นด้วยกับความคิดของฟางเหนียง แล้วจึงเอ่ยเรื่องมะเขือเทศ "ตอนนี้ข้าได้ยินมาว่ามีอยู่เมืองหนึ่งปลูกมะเขือเทศสำเร็จแล้ว ไม่นานเมืองอื่นๆก็น่าจะทำสำเร็จด้วยเช่นกัน" ต่อไปราคามะเขือเทศก็จะลดลงสินะ ฟางเหนียงคิด "ข้าคงต้องแปรรูปมะเขือเทศสักหน่อยแล้วล่ะ" เจิ้งเจี๋ยขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "มะเขือเทศเอามาทำเป็นอย่างอื่นได้ด้วยรึ ไม่ได้เอาไว้ทานเล่นๆอย่างเดียวหรอกรึ" ฟางเหนียงส่ายหน้าตอบ "ข้าจะทำซอสมะเขือเทศ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวโก๊ะทะลุมิติ มาใช้ชีวิตในยุคโบราณ