สัญญาร้ายของประธานปีศาจ นิยาย บท 15

สรุปบท บทที่15 ประกาศล้มละลาย: สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

บทที่15 ประกาศล้มละลาย – ตอนที่ต้องอ่านของ สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

ตอนนี้ของ สัญญาร้ายของประธานปีศาจ โดย หยุนซู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่15 ประกาศล้มละลาย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่15 ประกาศล้มละลาย

แล้วแต่เธอจะเรียก? แล้วเธอจะรู้ได้ไงว่าเรียกยังไงเขาถึงจะพอใจ? ลี่เชิน? โจวโจว?

ชื่อเรียกแต่ละชื่อผุดออกมาจากสมองของไป๋เสว่เอ๋อร์ ทำเอาเธอรู้สึกนึกรังเกียจ ช่างมันๆ ก็เรียกชื่อปกติก็พอแล้วนั่นล่ะ

……

จากบ้านเผยลี่เชินจนกลับมาถึงบ้าน ไป๋เสว่เอ๋อร์ถอดรองเท้าเปลี่ยนที่หน้าประตูบ้าน ก่อนจะมองไปทั่วแต่ก็ไม่มีแต่เงาคุณแม่ไป๋ของเธอ

วันนี้เธอตกลงทำข้อตกลงกับเผยลี่เชิน ซึ่งก็คือต้องยอมปล่อยไป๋ซื่อ การตัดสินใจครั้งนี้ แน่นอนว่าเธอจะต้องบอกแม่ของเธอมันถึงจะสมบูรณ์ ส่วนพ่อของเธอนั้น ก็ต้องค่อยๆว่ากันต่อไปทีละขั้นตอน

ท้ายที่สุดเมื่อจะต้องเลือกการเอาชีวิตรอด กับเรื่องที่ต้องเผชิญของไป๋ซื่อ แน่นอนว่าเธอจะต้องเลือกรีบจัดการกับความเป็นอยู่ขั้นพื้นฐานของเธอก่อน

“แม่คะ?”

ไป๋เสว่อเอ๋อร์เดินขึ้นบันไดไปด้วย เรียกไปด้วย วนไปรอบก็ยังไม่เจอร่างของอีกคน สุดท้ายเธอก็เลยเดินลงไปข้างล่าง เข้าห้องครัวอย่างคิดที่จะทำอะไรกินดีแทน

แม่ของเธอเคยใช้ชีวิตที่มีเกียรติมั่งคั่งและร่ำรวยมาก่อน แต่ก่อนจะคอยมีแต่คนรับใช้มาคอยดูแลจะทำอะไรก็ไม่แม้แต่จะต้องลงมือทำด้วยตนเอง แต่ตอนนี้ตระกูลไป๋ล้มละลาย คนรับใช้ก็ออกไปกันหมด แม่ของเธอก็เลยเริ่มที่จะลองเข้าครัว แต่สิ่งที่เธอพอจะพยายามทำได้บ้างกลับไม่ใช่การต้มเส้นก๋วยเตี๋ยว แต่กลับข้าวต้มเปล่าๆแค่นั้นเอง

แต่สำหรับไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอชำนาญในเรื่องเปียโน, การเขียนอักษร, และการวาดภาพ จริงๆแล้วก็ไม่เคยเข้าครัวมาก่อน แต่ตอนนี้สถานการณ์นั้นบังคับให้เธอต้องทำมัน เธอคงต้องยอมรับว่าแม้ว่าจะไม่รู้อะไรแต่ก็ยังหัวรั้นทำมัน

ในขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังติดตามการสอนเกี่ยวกับการทำไข่กวนบนโทรศัพท์มือถือของเธอ ทั้งมือก็พยายามตอกไข่อยู่ ไม่ทันที่เธอจะได้เปิดเตา เสียงก็ดังมาจากข้างนอก

เธอวางมือในสิ่งที่ทำอยู่ก่อนจะออกไปและมองเห็นแม่ของเธอที่กลับออกมาจากข้างนอก

“แม่ออกไปไหนมาคะ?”

คุณแม่ไป๋มองเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์เดินออกมาจากห้องครัวก็อดจะแปลกใจไม่ได้ ก่อนจะตอบกลับไป “ม แม่... แม่ไปติดต่อกับพวกเพื่อนเก่าของแม่หลายๆคน ไปลองดูว่าพวกเขาพอจะช่วยบริษัทของเราได้บ้างไหม”

เพื่อน? เท่าที่ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้ เพื่อนๆของไป๋ซื่อ ทันทีที่เราตกชะตากรรมลำบากพวกเขาก็เปลี่ยนหน้าเร็วเสียยิ่งกว่าเปลี่ยนหน้าหนังสือ ไม่มีใครที่จะให้ความช่วยเหลือได้สักคน

หญิงสาวสูดลมหายใจตั้งสติ ก่อนจะเดินเข้าไปหา เอื้อมมือจับมือผู้เป็นแม่ก่อนจะบีบมันเบาๆ “แม่คะ หนูมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกแม่”

เมื่อคนเป็นแม่เห็นสีหน้าลูกสาวเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด สีหน้าก็เปลี่ยนมาเป็นจริงจัง “เสว่เอ๋อร์ ลูกบอกแม่มาตรงๆว่าลูกหาคนมาช่วยพวกเราได้แล้วหรือไม่?”

“แม่คะ หนูพูดตามตรงเลยนะ ไป๋ซื่อตอนนี้มันพังไปแล้ว นอกจากเหลือแต่เพียงชื่อ ที่เหลือก็ไม่มีอะไร...”

“ลูกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร?” ทันใดนั้นสีหน้าของคุณแม่ไป๋ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “ลูกก็ไปหลงเชื่อข่าวลือที่ข้างนอกเขาพูดกันใช่ไหม! อะไรพัง! บริษัทยิ่งใหญ่จะตายอยู่ๆจะมาพูดว่ามันเหลือแต่ชื่อ ทุกอย่างพังไปแล้วปล่อยให้พังอย่างที่ว่างั้นเหรอ!”

ใบหน้าคนโตกว่าเปลี่ยนแทบจะทันที ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เธอหายใจเข้าลึกๆก่อนจะอธิบายอย่างอดกลั้น “แม่คะ ฟังหนูก่อน ตอนนี้ทางธนาคารกำลังเร่งพวกเรา ถ้าเรายังไม่มีอะไรไปคืนเขาบ้านเราก็จะถูกยึด และถ้าเรารอจนถึงตอนนั้นเราก็ไม่มีอะไรเหลืออีกต่อไปแล้ว!”

“ยังมีพ่อไง ตอนนี้พ่อจะเป็นยังไงบ้างก็ยังไม่รู้ เรายังต้องใช้เงินเพื่อไปช่วยเขา ถ้าไป๋ซื่อพังพินาศ เราก็จะยิ่งพังเข้าไปอีก!”

ยิ่งคุณแม่ไป๋ได้ยินว่าบ้านจะถูกยึดไปขาย ยิ่งทำให้สติแตกมากกว่าเดิม “แล้วเราจะทำยังไง เสว่เอ๋อร์ บ้านนี้ไม่สามารถไม่มีมันได้แล้ว ไม่งั้นเราจะไปซุกหัวนอนที่ไหน!”

“แม่คะ อยู่ในป่ายังไงก็ไม่กลัวว่าไม่มีฟืน ตอนนี้เราทำได้แค่ประกาศเรื่องบริษัทล้มละลาย แล้วเลิกกิจการซะ หลังจากนั้นเราก็มาหางานทำกัน เพื่อรักษาชีวิตเราเอง”

หน้าตาคนเป็นแม่ไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วเธอก็ทำได้แค่ถอนหายใจ “เฮ้อ ตอนนี้ก็คงทำได้แค่นี้ ไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วล่ะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์จ้องมองสภาพแตกสลายของแม่ของเธอ ในใจเธอรู้สึกละอายใจไม่น้อย เธอซบใบหน้าลงที่ไหล่ของคนเป็นแม่ก่อนจะกระซิบเสียงเบา “แม่คะ วางใจเถอะนะ หนูจะพยายามเพื่อที่แม่จะอยู่อย่างสุขสบาย...”

ตอนนี้เธอเองก็ไม่มีทางเลือก เธอเคยอยู่จุดสูง ซ้ำยังเป็นคนมีชื่อเสียงคนหนึ่ง แต่ว่าตอนนี้เธอก็ไม่สามารถขายตนเองเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด

“ฉันทำงานให้ไป๋ซื่อมา7-8ปีแล้ว! จะมาคิดจะไล่ก็ไล่ไม่ได้นะ! เปิดประตู!”

“ใช่! ตอนบริษัทมีปัญหาพวกเราก็อยู่ไม่ได้หนีไปไหน ตอนนี้ค่าชดเชยก็ไม่ให้! ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน?!”

“……”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินคำพูดเหล่านั้น สมองก็แทบระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ

เธอกัดฟันกำหมัดแน่น ตอนนี้พ่อเธอไม่อยู่ แน่นอนว่าเธอจะต้องจัดการกับมันเพียงลำพัง

สุดท้าย เธอก็ลุกไปยืนอยู่ตรงหน้าประตูก่อนจะเอ่ยกับเลขาของตัวเอง “ส้ง เปิดประตู”

“ไม่ได้นะคะท่านประธาน! คุณไม่เห็นเหรอว่าพวกเขาเป็นอย่างไร! ไม่รู้ว่าเปิดมาจะมาต่อยตีกันที่นี่หรือเปล่าก็ไม่รู้!”

“เรียกรปภ. เถอะ!” คนที่พึ่งรายงานการประชุมเมื่อครู่อย่างผู้จัดการอู๋ก็เอ่ยขึ้นมา

เลขาส้งส่ายหน้า ราวกับจะสื่อว่ามันไร้ประโยชน์ “รปภ.ก็อยู่ร่วมกับพวกเขาข้างนอก...”

“แล้วจะทำยังไง? พวกเราจะปล่อยให้พวกเขาโวยวายแบบนี้ต่อไปไม่ได้! งั้นก็เรียกตำรวจเลยแล้วกัน!”

“ไม่ได้!” ไป๋เสว่เอ๋อร์ปฏิเสธในทันที

ภ้าหากว่าเรียกตำรวจมาล่ะก็ เวลานั้นพนักงานของบริษัททุกคนคงจะผิดหวังเข้าไปใหญ่ และเรื่องก็จะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ ตอนนี้สิ่งที่สามารถทำได้นั้นก็คือการที่เธอเผชิญหน้ากับมัน ต้องบอกพวกเขาให้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน!

“เปิดประตูเดี๋ยวนี้!” เสียงของไป๋เสว่เอ๋อร์แข็งขึ้นในทันที “ฉันจะออกไปคุยกับพวกเขา!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญาร้ายของประธานปีศาจ