บทที่15 ประกาศล้มละลาย
แล้วแต่เธอจะเรียก? แล้วเธอจะรู้ได้ไงว่าเรียกยังไงเขาถึงจะพอใจ? ลี่เชิน? โจวโจว?
ชื่อเรียกแต่ละชื่อผุดออกมาจากสมองของไป๋เสว่เอ๋อร์ ทำเอาเธอรู้สึกนึกรังเกียจ ช่างมันๆ ก็เรียกชื่อปกติก็พอแล้วนั่นล่ะ
……
จากบ้านเผยลี่เชินจนกลับมาถึงบ้าน ไป๋เสว่เอ๋อร์ถอดรองเท้าเปลี่ยนที่หน้าประตูบ้าน ก่อนจะมองไปทั่วแต่ก็ไม่มีแต่เงาคุณแม่ไป๋ของเธอ
วันนี้เธอตกลงทำข้อตกลงกับเผยลี่เชิน ซึ่งก็คือต้องยอมปล่อยไป๋ซื่อ การตัดสินใจครั้งนี้ แน่นอนว่าเธอจะต้องบอกแม่ของเธอมันถึงจะสมบูรณ์ ส่วนพ่อของเธอนั้น ก็ต้องค่อยๆว่ากันต่อไปทีละขั้นตอน
ท้ายที่สุดเมื่อจะต้องเลือกการเอาชีวิตรอด กับเรื่องที่ต้องเผชิญของไป๋ซื่อ แน่นอนว่าเธอจะต้องเลือกรีบจัดการกับความเป็นอยู่ขั้นพื้นฐานของเธอก่อน
“แม่คะ?”
ไป๋เสว่อเอ๋อร์เดินขึ้นบันไดไปด้วย เรียกไปด้วย วนไปรอบก็ยังไม่เจอร่างของอีกคน สุดท้ายเธอก็เลยเดินลงไปข้างล่าง เข้าห้องครัวอย่างคิดที่จะทำอะไรกินดีแทน
แม่ของเธอเคยใช้ชีวิตที่มีเกียรติมั่งคั่งและร่ำรวยมาก่อน แต่ก่อนจะคอยมีแต่คนรับใช้มาคอยดูแลจะทำอะไรก็ไม่แม้แต่จะต้องลงมือทำด้วยตนเอง แต่ตอนนี้ตระกูลไป๋ล้มละลาย คนรับใช้ก็ออกไปกันหมด แม่ของเธอก็เลยเริ่มที่จะลองเข้าครัว แต่สิ่งที่เธอพอจะพยายามทำได้บ้างกลับไม่ใช่การต้มเส้นก๋วยเตี๋ยว แต่กลับข้าวต้มเปล่าๆแค่นั้นเอง
แต่สำหรับไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอชำนาญในเรื่องเปียโน, การเขียนอักษร, และการวาดภาพ จริงๆแล้วก็ไม่เคยเข้าครัวมาก่อน แต่ตอนนี้สถานการณ์นั้นบังคับให้เธอต้องทำมัน เธอคงต้องยอมรับว่าแม้ว่าจะไม่รู้อะไรแต่ก็ยังหัวรั้นทำมัน
ในขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังติดตามการสอนเกี่ยวกับการทำไข่กวนบนโทรศัพท์มือถือของเธอ ทั้งมือก็พยายามตอกไข่อยู่ ไม่ทันที่เธอจะได้เปิดเตา เสียงก็ดังมาจากข้างนอก
เธอวางมือในสิ่งที่ทำอยู่ก่อนจะออกไปและมองเห็นแม่ของเธอที่กลับออกมาจากข้างนอก
“แม่ออกไปไหนมาคะ?”
คุณแม่ไป๋มองเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์เดินออกมาจากห้องครัวก็อดจะแปลกใจไม่ได้ ก่อนจะตอบกลับไป “ม แม่... แม่ไปติดต่อกับพวกเพื่อนเก่าของแม่หลายๆคน ไปลองดูว่าพวกเขาพอจะช่วยบริษัทของเราได้บ้างไหม”
เพื่อน? เท่าที่ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้ เพื่อนๆของไป๋ซื่อ ทันทีที่เราตกชะตากรรมลำบากพวกเขาก็เปลี่ยนหน้าเร็วเสียยิ่งกว่าเปลี่ยนหน้าหนังสือ ไม่มีใครที่จะให้ความช่วยเหลือได้สักคน
หญิงสาวสูดลมหายใจตั้งสติ ก่อนจะเดินเข้าไปหา เอื้อมมือจับมือผู้เป็นแม่ก่อนจะบีบมันเบาๆ “แม่คะ หนูมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกแม่”
เมื่อคนเป็นแม่เห็นสีหน้าลูกสาวเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด สีหน้าก็เปลี่ยนมาเป็นจริงจัง “เสว่เอ๋อร์ ลูกบอกแม่มาตรงๆว่าลูกหาคนมาช่วยพวกเราได้แล้วหรือไม่?”
“แม่คะ หนูพูดตามตรงเลยนะ ไป๋ซื่อตอนนี้มันพังไปแล้ว นอกจากเหลือแต่เพียงชื่อ ที่เหลือก็ไม่มีอะไร...”
“ลูกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร?” ทันใดนั้นสีหน้าของคุณแม่ไป๋ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “ลูกก็ไปหลงเชื่อข่าวลือที่ข้างนอกเขาพูดกันใช่ไหม! อะไรพัง! บริษัทยิ่งใหญ่จะตายอยู่ๆจะมาพูดว่ามันเหลือแต่ชื่อ ทุกอย่างพังไปแล้วปล่อยให้พังอย่างที่ว่างั้นเหรอ!”
ใบหน้าคนโตกว่าเปลี่ยนแทบจะทันที ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เธอหายใจเข้าลึกๆก่อนจะอธิบายอย่างอดกลั้น “แม่คะ ฟังหนูก่อน ตอนนี้ทางธนาคารกำลังเร่งพวกเรา ถ้าเรายังไม่มีอะไรไปคืนเขาบ้านเราก็จะถูกยึด และถ้าเรารอจนถึงตอนนั้นเราก็ไม่มีอะไรเหลืออีกต่อไปแล้ว!”
“ยังมีพ่อไง ตอนนี้พ่อจะเป็นยังไงบ้างก็ยังไม่รู้ เรายังต้องใช้เงินเพื่อไปช่วยเขา ถ้าไป๋ซื่อพังพินาศ เราก็จะยิ่งพังเข้าไปอีก!”
ยิ่งคุณแม่ไป๋ได้ยินว่าบ้านจะถูกยึดไปขาย ยิ่งทำให้สติแตกมากกว่าเดิม “แล้วเราจะทำยังไง เสว่เอ๋อร์ บ้านนี้ไม่สามารถไม่มีมันได้แล้ว ไม่งั้นเราจะไปซุกหัวนอนที่ไหน!”
“แม่คะ อยู่ในป่ายังไงก็ไม่กลัวว่าไม่มีฟืน ตอนนี้เราทำได้แค่ประกาศเรื่องบริษัทล้มละลาย แล้วเลิกกิจการซะ หลังจากนั้นเราก็มาหางานทำกัน เพื่อรักษาชีวิตเราเอง”
หน้าตาคนเป็นแม่ไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วเธอก็ทำได้แค่ถอนหายใจ “เฮ้อ ตอนนี้ก็คงทำได้แค่นี้ ไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วล่ะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์จ้องมองสภาพแตกสลายของแม่ของเธอ ในใจเธอรู้สึกละอายใจไม่น้อย เธอซบใบหน้าลงที่ไหล่ของคนเป็นแม่ก่อนจะกระซิบเสียงเบา “แม่คะ วางใจเถอะนะ หนูจะพยายามเพื่อที่แม่จะอยู่อย่างสุขสบาย...”
ตอนนี้เธอเองก็ไม่มีทางเลือก เธอเคยอยู่จุดสูง ซ้ำยังเป็นคนมีชื่อเสียงคนหนึ่ง แต่ว่าตอนนี้เธอก็ไม่สามารถขายตนเองเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญาร้ายของประธานปีศาจ
มีตอนต่อไปไหม...