สัญญาร้ายของประธานปีศาจ นิยาย บท 95

สรุปบท ตอนที่ 95 งานนี้มีแต่เธอเท่านั้นที่ช่วยได้: สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

ตอนที่ 95 งานนี้มีแต่เธอเท่านั้นที่ช่วยได้ – ตอนที่ต้องอ่านของ สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

ตอนนี้ของ สัญญาร้ายของประธานปีศาจ โดย หยุนซู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 95 งานนี้มีแต่เธอเท่านั้นที่ช่วยได้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 95 งานนี้มีแต่เธอเท่านั้นที่ช่วยได้

เมื่อเห็นสีหน้าของเธอไม่ต้อนรับนัก ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “เพื่อป้องกันเรื่องที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ฉันจึงต้องสำรองข้อมูลเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดส่วนที่คลุมเครือหรือไม่ชัดเจนหลังจากนี้ค่ะ”

อู๋เจียเจียแบะปาก พร้อมกลอกตามองบน “ฉันเข้ามาทำงานที่นี่เมื่อเดือนก่อน อยู่ที่บริษัทนี้มาได้เดือนกว่าแล้ว ปกติ ฉันกับโจวเลี่ยงไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน มีแค่บังเอิญไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน 1 ครั้ง แล้วก็ไปร้องเพลงด้วยกันตอนสุดสัปดาห์ อะไรทำนองนั้น”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ถามต่อ “ถ้าอย่างนั้น คุณเคยได้ยินเขาพูดเรื่องงบประมาณสำหรับการส่งเสริมกิจกรรมไหมคะ”

อู๋เจียเจียนิ่งไปอย่างเห็นได้ชัด “ไม่ค่ะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์มองเรื่องราวออกทั้งหมดจากปฏิกิริยาอันเล็กน้อยของอู๋เจียเจีย เธอจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ค่ะ ฉันทราบแล้ว ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณช่วยหลบไปทีค่ะ ฉันอยากจะถามเพื่อนร่วมงานของคุณสักครู่”

อู๋เจียเจียได้แต่กลอกตามองบน พร้อมกับเคี้ยวหมากฝรั่งและเดินออกไปอย่างช้าๆ

เมื่อเห็นว่าเธอเดินไปไกลแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงเข้าไปสอบถามพนักงานฝ่ายการตลาดถึงรายละเอียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์สอบถามพนักงานทุกคนครบแล้ว ในใจของเธอนั้นเห็นภาพชัดเจน เพื่อนร่วมงานทั้งแผนกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างอู๋เจียเจียและโจวเลี่ยงนั้นไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นเล่า ทั้งสองคนมักจะอยู่ด้วยกันสองต่อสองในออฟฟิศ และแต่ละครั้งก็มักจะนานเกิน 1 ชั่วโมง

สถานการณ์แบบนี้เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนมีปัญหา โจวเลี่ยงถูกไล่ออกไปแล้ว ส่วนอู๋เจียเจียก็ไม่สามารถให้เธออยู่ที่นี่ต่อไปได้อีก

ไป๋เสว่เอ๋อร์ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว เธอกลับไปยังแผนกการตลาด และมุ่งตรงไปยังโต๊ะด้านหน้าสำนักงานของอู๋เจียเจียในทันที เธอเอามือเท้าโต๊ะเอาไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ขอโทษนะคะ หลังจากสอบถามแล้ว ทางบริษัทคงต้องขอให้คุณลาออกค่ะ”

“อะไรนะ” อู๋เจียเจียวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ “ครั้งนี้จะไล่ฉันออกอย่างนั้นเหรอ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบเธอโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “คุณทำงานที่นี่มาได้เดือนกว่า แต่ทางบริษัทได้เล็งเห็นว่าคุณเป็นนักศึกษาฝึกงาน ดังนั้น ทางบริษัทจะจ่ายเงินเดือนให้กับคุณจำนวน 2 เดือน เพื่อถือว่าเป็นค่าชดเชย”

“ใครอยากได้ค่าชดเชยของเธอกัน!” อู๋เจียเจียลุกขึ้นยืนในทันที ความโกรธถาโถมเข้ามาในแววตาของเธอ “เธอมาที่นี่แล้วเล่นบทตำรวจถามเรื่องนั้นที เรื่องนี้ที ฉันจะบอกเธอให้นะว่าพี่ชายฉันเป็นตำรวจ เขายังไม่เห็นทำแบบนี้เลยสักนิด คิดว่าตัวเองเป็นใครกันน่ะ”

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอรู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมา “ขอโทษนะคะ แต่ว่านี่คือการตัดสินใจของบริษัทค่ะ”

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์พูดจบ เธอก็หมุนตัวเตรียมเดินจากไป ทว่าทันใดนั้น อู๋เจียเจียกลับเดินมาข้างหน้าเธอ และขวางทางไม่ให้เธอเดินไปในทันที

สายตาของเธอหยุดอยู่ที่ป้ายชื่อบริเวณหน้าอกของไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่สักครู่ หลังจากที่เธอมองเห็นชื่อของไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างชัดเจน เธอก็หัวเราะอย่างเย็นชา “ชื่อไป๋เสว่เอ๋อร์สินะ ได้ ฉันจะจำชื่อของเธอเอาไว้!”

ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันทำงานอยู่ที่นี่ตลอด ไม่จำเป็นหรอกค่ะ”

“นี่เธอ!” อู๋เจียเจียโกรธจนหน้าแดงก่ำ

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้อู๋เจียเจีย “ขอให้คุณเจองานที่เข้ากับคุณเร็วๆ นะคะ”

เมื่อเธอพูดจบ เธอก็เดินอ้อมอู๋เจียเจียและจากไป

อู๋เจียเจียที่ยืนอยู่ด้านหลังของไป๋เสว่เอ๋อร์กระทืบเท้าไม่หยุด เธอเดินออกไปด้านนอก และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อโทรหาใครบางคน “พี่ ฉันถูกไล่ออกจากบริษัท! มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อไป๋เสว่เอ๋อร์...”

หลังจากเดินออกมาจากฝ่ายการตลาด ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เดินตรงไปที่ประตูทางเข้าลิฟต์ ระหว่างที่เธอกำลังรอลิฟต์อยู่ เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู

ปรากฏว่ามีสายที่ไม่ได้รับหลายสายจากฉีเฟิง ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย

เธอจึงตัดสินใจโทรกลับไปหา “สวัสดีค่ะ ผู้ช่วยฉี”

“เลขาไป๋ คุณอยู่ที่ไหน”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่สักพัก “ฉันอยู่ที่ฝ่ายการตลาดค่ะ”

“คุณรีบกลับมาที่นี่เร็ว ท่านประธานบอกว่ามีเรื่องต้องให้คุณช่วย”

หลังจากฟังฉีเฟิงผู้ตรงไปตรงมา กลับพูดจาอย่างตะกุกตะกัก ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างประหลาด

“ให้ช่วยอะไรงั้นเหรอ ท่านประธานเป็นอะไรไปน่ะ”

“งานนี้มีแต่เธอเท่านั้นที่ช่วยได้”

เธอทำซุปไก๋ตุ๋นมาให้เขางั้นหรือ

สายตาของเผยลี่เชินนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เข้าใจในทันที ท่าทีที่นิ่งขรึมของเขาเมื่อครู่กลับผ่อนคลายขึ้นมาก พร้อมกับตอบเธอไปว่า “แต่ผมชอบนะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์และเหอหย่าหานต่างอึ้งไปชั่วครู่

คำพูดของเผยลี่เชินนอกจากจะชัดเจนเกินบรรยายแล้ว เหอหย่าหานไม่ใช่คนโง่ เธอย่อมฟังแล้วเข้าใจอย่างแน่นอน

สีหน้าของเธอซีดเผือด สายตาของเธอจ้องมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ กำปั้นของเธอกำแน่นขนัด

เผยลี่เชินอาศัยโอกาสนั้นวางช้านในมือของเขาลง และเงยหน้ามองไป๋เสว่เอ๋อร์ สายตาของเขาช่างหวานหยดย้อยราวกับน้ำผึ้งที่พร้อมจะหยดลงได้ทุกเมื่อ “มื้อเย็นวันนี้ผมยังอยากทานซุปไก่ตุ๋นฝีมือของคุณ คุณคิดว่าอย่างไร”

ไป๋เสว่เอ๋อร์นึกไม่ถึงว่าเผยลี่เชินจะแสดงได้สมบทบาทถึงเพียงนี้ เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อเธอรู้ตัวอีกที เธอก็ตอบรับด้วยการพยักหน้าไปเสียแล้ว “ได้ค่ะ ฉันจะทำให้คุณ”

สีหน้าของเหอหย่าหานที่นั่งอยู่ด้านข้างนั้นทั้งซีดและแดงก่ำ ช่างดูไม่ได้เอาเสียเลย เธอลุกพรวดขึ้นในทันที และจ้องมองไปที่ภาพ “ความรักอันหวานซึ้ง” ที่อยู่เบื้องหน้าของทั้งสองคน จนเธอได้แต่นิ่งเงียบ ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เป็นเวลานาน

เหยหย่าหานขบฟันด้วยความโกรธ “ลี่เชิน!”

เผยลี่เชินละสายตาจากไป๋เสว่เอ๋อร์ หันไปมองเหอหย่าหาน สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเฉยเมยในทันที “มีอะไรเหรอ”

ดวงตาของเหอหย่าหานแดงก่ำ เธอพูดไม่ออกสักคำ ได้แต่มองเผยลี่เชินสลับกับมองไป๋เสว่เอ๋อร์ ทันใดนั้นเธอก็หมุนตัวและรีบก้าวออกไปจากห้อง

เมื่อเสียง “ตึง” ของประตูปิดดังขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา

เธอรู้ดีว่านี่ยังคงเป็นเวลาทำงาน ตอนที่เธอกำลังถอยหลังออกไปครึ่งก้าว เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นเผยลี่เชินกำลังจ้องมองเธอด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก

“ท่านประธานคะ ฉันให้อู๋เจียเจียที่อยู่ฝ่ายการตลาดลาออกแล้วค่ะ”

“อืม” เผยลี่เชินไม่ได้ตอบอะไรมาก ครู่ต่อมา เขาก็กลับถามเธอในทันที “ไป๋เสว่เอ๋อร์ คุณทำซุปไก่ตุ๋นเป็นด้วยเหรอ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญาร้ายของประธานปีศาจ