เจียงเป้ยนีตัวแข็งชะงักอยู่ในที่เกิดเหตุ
เธอแทบจะเป็นบ้า การลงโทษแบบนี้ ยิ่งทรมานกว่าการตีเธอให้ตายทั้งเป็น ตัดแขนตัดขาของเธอเสียอีก
ชื่อเสียง สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดในชีวิตนี้ก็คือชื่อเสียง
ในแวดวงนี้ เธอเป็นคนสูงส่ง สง่างาม วางตัวดี เดินไปถึงไหนก็เป็นที่รัก เป็นที่ชื่นชมและเป็นที่เคารพของทุกคน
และก็ยิ่งเพราะเธอเคยถูกเลือกโดยตระกูลเย้น เป็นคนที่โดดเด่นสุดในบรรดาหมู่กุลสตรี
ถ้าหากว่าเธอถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย้นแบบนี้ ชื่อเสียงก็จะป่นปี้เสียหาย ต่อไปก็คงเงยหน้าสู้หน้าคนไม่ได้อีก จากกุลสตรีที่สูงส่ง สง่างาม สู่แม่ม่ายผู้ชั่วช้าอย่างที่ทุกคนรู้กัน
แล้วต่อไป เธอจะสู้หน้าคนอย่างไร
เธอจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร
เจียงเป้ยนีสั่นเทาไปทั้งตัว "ไม่ ไม่ได้ กู้จื่อเฟยเธอจะทำแบบนี้ไม่ได้"
กู้จื่อเฟยมองเจียงเป้ยนีอย่างสะใจที่เห็นท่าทางเธอตกใจจนแทบจะเป็นบ้าตาย
ตอนที่กล้าคิดจะตลบหลังเธอนั้น เจียงเป้ยนีเคยคิดบ้างไหมว่าตัวเองจะมีจุดจบเช่นนี้ได้
ชื่อเสียง มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่ต้องการ
เจียงเป้ยนีต้องการทำลายชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของเธอ เธอต้องหนามยอกเอาหนามบ่ง ให้เจียงเป้ยนีลิ้มลองรสชาติการถูกทำลายชื่อเสียง รสชาติของการถูกคนแทงสันหลังอยู่ตลอดเวลา
กู้จื่อเฟยกล่าว "เห็นเธอแล้วก็หงุดหงิดน่ารำคาญ รีบนำตัวเธอไปโยนทิ้งซะ"
"ครับ"
มีบอดี้การ์ดสองคนก้าวมาข้างหน้าทันที ประกบซ้ายขวาดึงกระชากลากถูเธอออกไปราวกับขยะก็ไม่ปาน
เจียงเป้ยนีถอยหลังขัดขืน ฉับพลันภาพลักษณ์ต่างๆ ก็ไม่มีให้หลงเหลืออีก
เธอเริ่มผวา เริ่มหวาดกลัว
กรีดร้องตะโกนขึ้น "กู้จื่อเฟยอย่านะ เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ พี่เย้นๆ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย"
ครั้นแล้ว ก็ไม่มีสนใจคำกรีดร้องตะโกนของเธอ
ทุกคนต่างชิงชังเธอมากจนถึงมากที่สุด
คนแบบนี้ให้เป็นไม้ตักอุจจาระในบ้านตระกูลเย้นก็ยังน่าขยะแขยง
ขณะที่เจียงเป้ยนีถูกลากตัวออกไป เสียงของเธอก็ไกลออกไปเรื่อยๆ ค่อยๆ จางหายจนไม่ได้ยินในที่สุด
บอดี้การ์ดอีกคนหนึ่งเดินมาที่ด้านหน้าของกู้จื่อเฟย แล้วกล่าวขึ้นอย่างนอบน้อม
"จะจัดการอย่างไรกับชิวเจ๋อดีครับ จะใช้มีดกรีดเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ"
กู้จื่อเฟยรีบส่ายหน้ารัวๆ "ฉันเป็นพลเมืองที่จิตใจดีบริสุทธิ์ จะให้พวกนายทำเรื่องที่อำมหิตแบบนี้ได้อย่างไร"
บอดี้การ์ด "......"
เมื่อสักครู่ตอนที่คุณพูดถึงมีดกรีดอย่างสนอกสนใจ ท่าทางไม่ใช่แบบนี้นะ
กู้จื่อเฟยหันหน้าไปมองเย้นโม่หลิน "ฉันเหนื่อยแล้ว คุณตัดสินใจเองแล้วกันว่าจะจัดการอย่างไรกับชิวเจ๋อดี"
"ครับ"
เย้นโม่หลินพยักหน้า สั่งกำชับกับสาวใช้ว่า "ส่งเธอกลับไปที่ห้องแล้วดูแลให้ดี"
"ฉันจะรอคุณอยู่ที่ห้องนะ จุ๊บๆ "
กู้จื่อเฟยส่งจูบให้กับเย้นโม่หลิน
ทันใดนั้นใบหูเย้นโม่หลินก็แดงก่ำขื้นอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง
คนอื่น "......"
นายน้อยกับคุณกู้กุ๊กกิ๊กรักกันจริงๆ เลย
สาวใช้เข็นกู้จื่อเฟยเข้าไปในตึกเล็ก ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้หันไปมองชิวเจ๋อแม้แต่แวบเดียว
อันที่จริงเธอไม่ได้คิดที่จะใช้มีดกรีดตั้งแต่แรก ที่พูดแบบนั้น ก็แค่อยากจะข่มขวัญชิวเจ๋อให้กลัวเท่านั้น
เช่นนี้แล้ว เขาที่รักตัวกลัวตายก็จะได้สาวตัวเจียงเป้ยนีออกมา
ทำลายชื่อเสียงของเจียงเป้ยนี ก็เท่ากับเป็นการทำลายทั้งชีวิตของเจียงเป้ยนี นี่ต่างหากคือสิ่งที่กู้จื่อเฟยสะใจที่สุด
สำหรับเสียงบันทึกนั่น......
กู้จื่อเฟยมาถึงที่ห้อง ได้ยื่นเสียงบันทึกนั้นให้กับสาวใช้
"โยนลงไปในเครื่องบด อย่าให้เหลือร่องรอยแม้แต่นิดเดียว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...