ถ้าหากโห้หยูเซิงวิ่งไปจากที่นี่จริงๆ เขาคงไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน มันมีความเป็นไปได้ที่จะวิ่งขึ้นหรือวิ่งลง
อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าจะซ่อนอยู่บนดาดฟ้า
เย้นหว่านนิ่งคิด วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือไปดูที่ด้านบนก่อน แล้วค่อยไปดูด้านล่าง
ที่ไหนก็ห้ามปล่อยผ่านไป
โห้หลีเฉินน่าจะลงไปข้างล่างแล้ว โห้หยูเซิงยังเด็กมากขนาดนั้น เขาคงไม่วิ่งออกจากโรงแรมเร็วถึงขนาดนี้
พอคิดได้แบบนี้ เธอก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที เธอตรวจดูทุกชั้นของบันไดหนีไฟ
ในขณะนั้น บันไดชั้นที่อยู่เหนือศีรษะของเธอ ก็มีเสียงฝีเท้าและเสียงคนคุยกันดังขึ้นมา
"ตรงดาดฟ้าชั้นบนสุดเราค้นดูแล้ว ไม่มีใครซ่อนอยู่ ไม่รู้ว่าพวกเขาตามหากันถึงไหนแล้ว"
"ที่นี่เป็นเพียงโรงแรมธรรมดา โห้หลีเฉินอาจไม่อยู่ที่นี่จริงๆ ก็ได้"
"ไม่ว่าจะยังไงนี่ก็เป็นคำสั่งจากชั้นบน ไม่ว่าที่ไหน แม้แต่ในสลัมก็ปล่อยไปไม่ได้ ให้ค้นหาอย่างละเอียดก็พอแล้ว"
คนพวกนี้เป็นคนของตระกูลหยู
เย้นหว่านหยุดเดินทันที เตรียมจะหันหลังเดินลงไป
"ใครอยู่ตรงนั้น?"
พวกเขาสังเกตเห็นเธออย่างรวดเร็ว แค่สามก้าวก็เดินข้ามบันไดลงมาได้ แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย้นหว่าน
เย้นหว่านรีบหยุดเดิน พยายามทำตัวให้เรียบนิ่งที่สุด
เธอมองไปที่ผู้ชายทั้งสี่คนตรงหน้าเธอ แล้วพูดด้วยความระมัดระวัง "พวกคุณเป็นใคร?"
พอเห็นหน้าตาของเย้นหว่าน พวกผู้ชายก็ไม่ได้สนใจมากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงถามอย่างขอไปที
"พวกเราเป็นรปภ.ของโรงแรม คุณดึกดื่นแบบนี้ยังไม่ยอมนอน มาทำอะไรอยู่ตรงบันไดหนีไฟ"
หนึ่งในกลุ่มถามออกมา ส่วนอีกคนมองมาด้วยสายตาที่แหลมคม มองเย้นหว่านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าหลายๆ รอบ แล้วถามออกมา
"เห็นคุณหน้าแดงยืนหอบ อย่าบอกนะว่าดึกขนาดนี้คุณวิ่งขึ้นลงบันไดเพื่อลดน้ำหนัก!"
เย้นหว่าน "..." ข้อแก้ตัวที่คิดไว้ถูกขัดขึ้นมาทันที
คนพวกนี้ถูกฝึกมาอย่างมืออาชีพ พวกเขามีสายตาที่เฉียบคม ถ้าหากพูดโกหกก็จะจับได้โดยง่าย
เย้นหว่านตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า "ฉันกำลังตามหาลูกชายของฉันอยู่ เขาเป็นโรคปิดกั้นตัวเอง เขาตกใจกลัวพวกผู้ชายที่บุกเข้ามาในห้อง แล้ววิ่งหนีออกไป ฉันกำลังตามหาเขาอยู่"
คนที่สามารถบุกเข้าไปในห้องพักของแขกได้ในเวลานี้ แน่นอนว่าต้องเป็นคนกลุ่มเดียวกันกับพวกเขา
เด็กที่เป็นโรคปิดกั้นตัวเอง จะถูกพวกเขาทำให้ตกใจก็ไม่แปลก
พวกผู้ชายคิดว่ามันสมเหตุสมผล จึงสะบัดมือบอกกับเธอ "งั้นก็ไปหาต่อเถอะ"
"ถ้าคุณพบลูกชายของฉัน โปรดช่วยจับตัวเขาไว้ แล้วพาเขาไปรอที่ล็อบบี้ตรงแผนกต้อนรับ ขอบคุณนะคะ"
เย้นหว่านขอร้องอย่างจริงใจ
พวกผู้ชายโบกมืออย่างหมดความอดทน "เข้าใจแล้ว รีบไปตามหาต่อเถอะ" พวกเขายังมีงานต้องทำ
เย้นหว่านเองก็ไม่รอช้า รีบวิ่งลงไปชั้นล่างอย่างร้อนใจ
ในเวลานี้เอง อินเตอร์คอมที่พวกเขาสวมคาดเอวไว้ก็ดังขึ้นมา
"ระวังด้วย แค่ก แค่ก พบเป้าหมายที่น่าสงสัยแล้ว เป็นครอบครัวสี่คนที่พักอยู่บนชั้นยี่สิบแปด พวกมันทำร้ายพวกเราแล้ววิ่งหนีไป พวกเขามีลูกสองคนอายุประมาณหนึ่งปีกว่า วิ่งหนีออกไปเองแล้ว พวกผู้ใหญ่กำลังออกไปตามหา เป็นชายหญิงที่ใส่ชุดนอน"
ฝีเท้าของเย้นหว่านชะงักไปเล็กน้อย
สายตาของผู้ชายทั้งสี่มองมาที่เธอทันที
"เธอเองก็ตามหาลูกชายของเธออยู่"
"แต่ในอินเตอร์คอมบอกว่ามีลูกสองคน..."
"ไอ้โง่ คำพูดของผู้หญิงคนนี้ต้องเชื่อทั้งหมดเลยหรือไง เธอโกหกเรา ออกมาตามหาลูกกลางดึก ต้องเป็นเธอแน่ๆ รีบจับตัวเธอไว้!"
พวกผู้ชายรีบวิ่งไปจับเธอ
เย้นหว่านก่นด่าในใจนับครั้งไม่ถ้วน นึกเสียใจจนแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด ตอนนั้นน่าจะเตะผู้ชายคนนั้นซ้ำหลายๆ รอบเอาให้ตายไปเลย
ตอนนี้มันกลับมาเล่นงานเธอแล้ว
เธอไม่หันกลับไปมอง เท้าของเธอเหมือนกับใส่วงล้อไฟไว้ รีบวิ่งลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว
"รีบตามเธอไป! เร็วเข้า!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...