คุณหมอนั้นคอยเตรียมพร้อมอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา ไม่นานคุณหมอก็ได้มาถึง
ระหว่างรอนั้น เย้นหว่านทนไม่ไหวได้อาเจียนออกมาอีกครั้ง แม้แต่เครื่องสำอางบนใบหน้าก็ไม่สามารถปกปิดความอ่อนเพลียบนหน้าเจ้าสาวได้
หลังจากที่คุณหมอมาแล้ว ก็ได้จัดการด้วยวิธีที่ชำนาญ เย้นหว่านอาการถึงค่อยๆ ดีขึ้น
ตอนนี้เอง โห้หลีเฉินก็ได้มาถึงอย่างรวดเร็ว
เขาสวมชุดสูทสีดำเรียบ หลังจากผ่านการแต่งหน้าแต่งตามา คนทั้งคนก็หล่อเหลาเปล่งประกาย
แต่ใบหน้าที่หล่อเหลานั้น หว่างคิ้วกลับขมวดแน่น เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและทรมานใจ
เขาเดินเข้ามาข้างๆ เย้นหว่านแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กุมมือน้อยๆ ของเธอไว้
"เป็นอย่างไรบ้าง ไม่สบายอีกแล้วเหรอ"
พักนี้ อาการแพ้ท้องของเย้นหว่านยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงและบ่อยขึ้น เขาคอยดูแลทั้งวัน ถึงแม้ว่าจะคุ้นชินแล้ว แต่ทุกๆ ครั้งที่เห็นก็เจ็บปวดใจอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ถ้าหากรู้ตั้งแต่แรกว่าการตั้งท้องแล้วเธอจะทรมานขนาดนี้ เขายอมที่จะให้เธอชีวิตนี้ไม่ต้องมีลูกก็ได้
"ไม่เป็นไรแล้ว ดีขึ้นมากแล้ว"
เย้นหว่านส่ายหน้า ยิ้มแล้วก็มองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า "คุณมาได้ยังไง ก่อนพิธีแต่งงานพวกเรายังเจอกันไม่ได้"
"ผมเป็นห่วงคุณ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว"
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วด้วยความตระหนก
เย้นหว่านยิ้มอย่างจนปัญญา ชายหนุ่มคนนี้ก็มักจะเป็นแบบนี้ ไม่ว่าเรื่องใดก็มักจะวางเธอไว้เป็นอันดับแรก
ไม่ว่าจะเวลาไหน ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกสบายใจ
"โห้หลีเฉิน ดัจังที่ได้แต่งงานกับคุณ"
เธอโน้มตัวมาข้างหน้า แล้วประทับรอยจูบเบาๆ ลงกลางหน้าผากของเขา
บรรยากาศช่างโรแมนติก
แต่เมื่อเย้นหว่านถอยออกนั้น ก็ถึงกับชะงัก ใบหน้าแดงก่ำฉับพลัน และสีหน้าอึดอัด
บนหน้าผากของโห้หลีเฉิน มีรอยจูบสีแดงไม่เข้มมากแต่ก็ไม่จางประทับอยู่
ทำให้เครื่องสำอางบนใบหน้าของเขาที่แต่งมาอย่างประณีต เลอะไปหมด
โห้หลีเฉินเกิดความสงสัย "เป็นอะไร"
เย้นหว่านลุกขึ้นด้วยความเขินอาย
"บนหน้าของคุณเลอะแล้ว ไปทำความสะอาดก่อนสิ ฉันจะออกไปเตรียมตัวก่อน"
เมื่อพูดจบ เย้นหว่านยกกระโปรงแล้วเดินออกไปด้านนอก
เป็นการเดินที่ทั้งเร็วและรีบเร่งราวกับวิ่งก็ไม่ปาน
โห้หลีเฉินหรี่ตาลงมองแผ่นหลังของเธอ จากนั้นลุกยืนขึ้นเดินไปส่องดูตัวเองที่กระจกที่ยาวจรดถึงพื้น
บนตรงกลางหน้าผาก มีรอยจูบสีแดงของภรรยาของเขา
มุมปากของเขายกขึ้น แผ่รัศมีความรักความเอ็นดู ผู้หญิงเล็กๆ คนนี้ช่าง......
พิธีแต่งงานนั้นเป็นการจัดตามความชอบเย้นหว่าน ริมทะเลที่ใสสะอาด หายทรายสีทอง ยังมีการแต่งตัวที่เรียบหรูสดใส รวมไปถึงดอกกุหลาบสีขาวที่เบ่งบานสะพรั่ง
ทุกอย่างดูงดงาม สมบูรณ์แบบอย่างลงตัว
นี่เป็นงานแต่งในฝันของเธอ และเจ้าบ่ายก็คือชายหนุ่มที่เธอต้องการอยากแต่งด้วยที่สุด
เย้นหว่านทั้งตื่นเต้นแล้วก็ดีใจ จนร่างกายนั้นเกร็งแน่นไปหมด
หรือบางทีอาจตื่นเต้นเกินไป ทำให้เธอรู้สึกได้ว่ากระเพาะเริ่มปั่นป่วนจนอึดอัดขึ้นอีกครั้ง
"คุณเย้น ไหวไหมครับ"
ท่านอาวุโสแปดที่สวมสูทอยู่ข้างๆ มองเย้นหว่านด้วยความเป็นห่วง
เย้นเจิ้นจื๋อไม่สามารถมาเข้าร่วมงานแต่งได้ เขาก็เลยไม่ได้มาส่งตัวเจ้าสาวเข้าไปในห้องโถงทำพิธี
ที่นี่ ก็มีแต่ท่านอาวุโสแปดที่เย้นหว่านสนิทที่สุด และเขาก็เป็นผู้อาวุโส ก็เลยให้เขาได้ทำหน้าที่บทบาทแทนพ่อ
วันนี้ เย้นหว่านจึงคล้องแขนของท่านอาวุโสแปดแล้วเดินเข้ามาหาโห้หลีเฉิน
เย้นหว่านยืนใต้ซุ้มดอกไม้ที่ยังไม่ได้ทำการเปิด ภายใต้ผ้าม่านสีขาวบางๆ สามารถมองเห็นกลีบดอกไม้ที่โรยเป็นพรมไปจนสุดปลายทางที่โห้หลีเฉินยืนอยู่
เจ้าบ่าวของเธอที่กำลังรอเธอ
วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดของเธอกับเขา เธออยากให้ทุกอย่างนั้นงดงามสมบูรณ์แบบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...