บทที่ 105 ถ้าหากว่าฉันแต่งงานกับเธอล่ะ
ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่ง มู่จื่ออี้ถามเสียงต่ำมา “ช่วงนี้ คุณสบายดีรึเปล่า?”
“อืม ก็พอได้ คุณล่ะ?”
“ก็ดี”
มู่จื่ออี้ตอบอย่างอ่อนโยน ช่วงเวลานี้เขาไม่สบายมาก แต่เหมือนกับว่าเวลานี้กลายเป็นไม่สำคัญเลย
เขาลังเลนิดนึง คล้ายกับรวบรวมความกล้าพูดไป “ต่อไปเจอปัญหาอะไร คุณมาหาผมได้ ผมจะช่วยคุณเอง หรือถ้าเบื่อๆ ก็มาหาผมคุยเล่นก็ได้ โดยเฉพาะ……ทุกคนเป็นเพื่อนกัน”
เย้นหว่านหยุดฝีเท้าลง เอียงหน้ามองมู่จื่ออี้ด้วยอาการมึนงง
“ช่วงนี้ฉันโทรศัพท์หาคุณตั้งหลายสาย คุณไม่รับเลยสักสาย”
เท่าที่เธอรู้จักมู่จื่ออี้ เขาไม่เหมือนคนที่ต่อหน้าพูดอีกอย่างลับหลังพูดอีกอย่างประเภทนี้ แต่ว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะ?
มู่จื่ออี้ตะลึง สายตาเผยความปลื้มใจอย่างไร้ขีดจำกัดออกมา
เขาจับไหล่ของเย้นหว่านเอาไว้ด้วยความตื่นเต้น “คุณโทรศัพท์หาผมมาตลอด?”
ที่แท้เธอไม่ได้ไม่ติดต่อเขา ไม่ใช่ไม่สนใจเขาเลยสักนิด
เย้นหว่านพยักหน้า “ฉันยังคิดว่าคุณเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว”
ต่อมาเห็นเขากับวางหนิงเวยอยู่ด้วยกัน เธอเลยคิดว่าเพราะแฟนมู่จื่ออี้ ดังนั้นถึงตัดขาดการติดต่อกับเธอไป พูดขึ้นมาในใจเธอยังผิดหวังอยู่บ้าง
“เย้นหว่าน คุณโทรศัพท์หาผมได้ ผมดีใจมากจริงๆ”
ราวกับเป็นความรู้สึกจากนรกกลับสู่สวรรค์อีกครั้ง
มู่จื่ออี้ปลื้มใจจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ กอดเย้นหว่านเอาไว้
เย้นหว่านไม่เข้าใจอะไร ความประทับใจหุนหันพลันแล่นของเขานี้มันเรื่องอะไรกัน?
เวลานี้เสียงตะโกนที่เย็นยะเยือกอันตรายของชายหนุ่มดังขึ้นที่ระเบียงทางเดิน
“พวกเธอกำลังทำอะไรกัน?”
เย้นหว่านตะลึงแวบหนึ่ง เหมือนผลักมู่จื่ออี้ออกไปโดยจิตใต้สำนึก หันหน้ามองทางชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลนัก
เห็นเพียงโห้หลีเฉินมองพวกเขาตรงๆ ในดวงตาที่ดูดีที่สุดคู่นั้นคล้ายเผยเกล็ดน้ำแข็ง ทั่วทั้งตัวเผยความหนาวเย็นที่ทำให้คนหายใจไม่ออก
“คุณโห้ คุณอย่าเข้าใจผิดนะ ฉันกับจื่ออี้เพียงแต่……”
ประคองเขาอยู่ กอดอยู่ด้วยกัน? พูดขึ้นมา เย้นหว่านไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี
เห็นท่าทางเธออธิบายไม่กระจ่าง ความโกรธของโห้หลีเฉินยิ่งเดือดขึ้น
เขารอเธออยู่ที่โถงงาน เธอก็ยังไม่กลับมาเลยสักที เขาเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง กลับเห็นเธอและมู่จื่ออี้กอดอยู่ด้วยกัน
หน้าเขาดำมิดอย่างกับสีก้นหม้อ ก้าวใหญ่ๆ เดินเข้ามา ดึงเย้นหว่านมาตรงหน้าตนเองทันที
“ไป”
เย้นหว่านเป็นห่วงแผลที่เท้าของมู่จื่ออี้ กลัวเขาคนเดียวจะยืนไม่ไหว รีบดึงโห้หลีเฉินไว้
“ยังไปไม่ได้ เท้าเขาบาดเจ็บ”
“เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย? เขาเป๋แล้วก็ยังคลายได้”
น้ำเสียงของโห้หลีเฉินเต็มไปด้วยนิสัยร้ายกาจ
เขาคว้าเย้นหว่านไว้แน่น แรงเยอะมาก เหมือนอยากคุมขังเธอเอาไว้ในเนื้อหนังของตนเอง ถึงจะวางใจ
เย้นหว่านดึงมุมปาก มองโห้หลีเฉินอย่างคาดไม่ถึง วันนี้เขากินยาผิดแล้วหรือ?
มู่จื่ออี้สีหน้าซีดเผือด มองทั้งสอคนอยู่ ในใจผุดความเศร้ารันทดเป็นชั้นๆ
พูดกันตามตรง เย้นหว่านเป็นคู่หมั้นของโห้หลีเฉิน
“เสี่ยวหว่าน ไม่ต้องเป็นห่วงผม ผมไปเองได้ คุณกับคุณโห้ไปเถอะ”
เย้นหว่านมองมู่จื่ออี้ เขายืนเองอยู่ สามารถยืนนิ่งได้ น่าจะสามารถเดินเองได้เช่นกัน
ที่สำคัญคือตอนนี้โห้หลีเฉินเหมือนวัตถุอันตรายที่ระเบิดแล้ว ดุร้ายไปทั้งตัว ความจริงดูเหมือนอันตรายเกินไป เธอไม่กล้าขัดใจเขา
โห้หลีเฉินจ้องมู่จื่ออี้ด้วยสายตาบางเบา น้ำเสียงเย็นชาสุดๆ
“คุณมู่ เมืองหนานไม่เหมาะให้คุณอยู่ มาจากที่ไหนก็กลับไปที่นั่น อย่าให้คนที่บ้านมาจับไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...