บทที่ 164 ต้องยอมรับครอบครัวของเธอด้วย
“นี่ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า? ฉันมองอะไรผิดไปแน่ๆ?”
“นายไม่ได้ตาฝาด ฉันก็เห็นเหมือนกัน อาจเป็นไปได้ว่าโห้หลีเฉินโดนคนเก็บไปแล้วแน่ๆ คนคนนี้เป็นตัวปลอมหรือเปล่า?”
“ฉันเองก็สงสัย…”
พวกเขาทั้งสามคนดูตกใจ พวกเขาจ้องมองตรงไปที่โห้หลีเฉินราวกับกำลังจ้องมองช่องว่างในตัวเขาเพื่อจับผิด
แต่โห้หลีเฉินกลับมีสีหน้าสงบและมองไปที่พวกเขาทั้งสามอย่างเย็นชา
“มองกันเสร็จหรือยัง? มองเสร็จแล้วก็ออกไปได้”
ทั้งสามแทบจะสำลักอีกครั้ง
พวกเขาเดินทางมาตั้งไกลเพื่อมาเยี่ยมคนป่วย ยังไม่ทันพูดถึงสองประโยค น้ำก็ยังไม่ได้ดื่มกันสักอึกก็โดนไล่กลับแล้ว
โห้หลีเฉินนี่จริงๆเลย
“อะแฮ่ม...นานๆทีพวกเราพี่น้องกว่าจะได้อยู่รวมตัวกัน ในเมื่อมาถึงบ้านนายแล้วก็อยู่ที่นี่อีกสักพักจะเป็นไรไป ผมพูดถูกไหมพี่สะใภ้?”
ฉินฉู่พูดด้วยรอยยิ้ม
ตอนที่ถูกเรียกชื่อก็ผงะไปชั่วขณะ พอรู้ตัวก็พยักหน้าอย่างสุภาพ “อืม”
“สวนดอกไม้ที่บ้านของหลีเฉินสวยมาก เราไปจิบน้ำชายามบ่ายกันเถอะ พี่สะใภ้จะลงไปกับพวกเราไหม? ออกไปสูดอากาศแล้วนั่งคุยกันเถอะ”
จากการเปลี่ยนแปลงของโห้หลีเฉินในครั้งที่แล้ว หลังจากคำสี่คำที่บอกว่า “แต่งงานกับฉัน” ได้แก้ไขแล้ว สถานการณ์อื่นๆก็เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี
สองวันมานี้โห้หลีเฉินมักจะพาเย้นหว่านไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้เพื่อผ่อนคลาย
เย้นหว่านอยากไป แต่พอเห็นผู้ชายสองสามคนที่อยู่ตรงหน้า เธอก็หน้าแดงระเรื่อและส่ายหัว
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ คงไปด้วยไม่ได้ พวกคุณไปกันเถอะ”
สายตาฉินฉู่นั้นเฉียบคมมาก เขามองเห็นแก้มที่แดงระเรื่อของเย้นหว่านและการแสดงออกที่ผิดสังเกตได้อย่างรวดเร็ว นี่ไม่ได้เป็นเพราะไม่สบายอยู่แน่ๆ
อย่างงั้นเป็นเพราะอะไรล่ะ?
ทันใดนั้นสายตาของเขาก็มองสำรวจไปรอบๆโห้หลีเฉินกับเย้นหว่าน จากนั้นก็พูดกับเย้นหว่านว่า
“พี่สะใภ้ ข้างนอกอากาศดีมาก ไปสูดลมชมดอกไม้ให้สภาพจิตใจดี ร่างกายก็จะได้ดีขึ้นด้วย ลองออกไปข้างนอกดู ไม่แน่ว่าคุณอาจจะไม่ได้เป็นอะไรก็ได้”
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของฉินฉู่ เย้นหว่านกลับยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้น
เธอส่ายหน้ายืนยัน “ไม่เป็นไร ฉันไม่สบายจริงๆ”
เมื่อเห็นว่าเย้นหว่านกำลังหลบสายตา ฉินฉู่ก็ยิ่งสงสัย
ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ!
อย่างไรก็ตามโห้หลีเฉินกลับไม่เปิดโอกาสให้เขาลองหยั่งเชิงอีก เขาเดินไปที่หน้าต่างและนั่งลงมองเย้นหว่านด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
“ไม่สบายตรงไหน?”
น้ำเสียงของความห่วงใยนั้นลึกล้ำและเป็นเหมือนแม่เหล็ก
หัวใจเย้นหว่านสั่นสะท้าน สองวันมานี้โห้หลีเฉินดูแลเธอด้วยความใส่ใจ หากเธอไม่สบายตรงไหน เขาก็จะยิ่งเป็นกังวลมากกว่าเธอ
เมื่อกี้นี้เป็นเพราะเธอไม่อยากลงไปข้างล่างจึงพูดโกหกออกไป แต่มันทำให้เขาเป็นห่วง
เย้นหว่านอายเล็กน้อยจึงส่ายหน้า
“แค่ง่วงน่ะ อยากนอนต่อสักพัก”
“นอนเถอะ ถ้าไม่สบายตรงไหนก็โทรศัพท์มาเรียกฉัน ฉันอยู่ข้างล่าง”
โห้หลีเฉินกำชับ
เย้นเหวินหนานถอนหายใจอยู่ข้างๆ และพูดว่า “มิน่าล่ะไม่กี่วันมานี้หลีเฉินไม่เข้าบริษัท แล้วยังทิ้งงานไว้ให้ฉันจัดการเอาเอง ที่แท้แล้วไม่อยากห่างกับเย้นหว่านไปไหนนี่เอง”
“เป็นการยากที่วีรบุรุษจะฝ่าด่านหญิงงาม”
ฉินฉู่พูดเสริมอีกประโยค “เป็นเพราะภรรยาตัวน้อย หลีเฉินของพวกเราถึงได้กลายเป็นสามีกตัญญูยี่สิบสี่ประการไปเสียแล้ว”
สามี?
กตัญญูยี่สิบสี่ประการ?
ชื่อเรียกนี้ถูกนำไปใช้กับโห้หลีเฉินผู้สูงศักดิ์ ทำให้หัวใจของเย้นหว่านสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...