บทที่491 ฉันเดินออกมาก็ได้
เธออารมณ์เสีย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหักล้างเขายังไง ในเมื่อเธอก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าตนไม่บาดเจ็บ โห้หลีเฉินจะรับประกันได้ยังไงว่าเขาไม่บาดเจ็บ
ต่อให้รับปากเธอแล้ว ก็เป็นเพียงการรับปากด้วยความไม่แน่ใจ
เขาไม่ตอบ เพราะไม่อยากโกหกเธอ
เย้นหว่านเข้าใจ แต่ในใจกลับยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เธอพูดเนือยๆ
“นายอย่าบาดเจ็บ ฉันเห็นแล้วปวดใจ”
เจ็บปวดยิ่งกว่าตัวเธอเองบาดเจ็บหลายเท่า
ในใจโห้หลีเฉินมีกระแสน้ำอุ่นไหลผ่าน ดวงตาที่มองเย้นหว่านอ่อนโยนขึ้น ความรู้สึกที่ถูกเธอเอาใจใส่ มันดีแบบนี้นี่เอง
เขาพูดเสียงทุ้มเบาๆ “ฉันรู้แล้ว”
เย้นโม่หลินฟังบทสนทนาระหว่างทั้งสอง ความสงสัยในใจก็ได้รับการอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผล
หลายวันก่อนความสัมพันธ์พวกเขาแปลกๆ ที่แท้ก็เป็นเพราะทั้งสองทะเลาะกัน กำลังทำสงครามเย็น
แต่ตอนนี้กู้ซึงช่วยเย้นหว่านไว้โดยไม่สนความปลอดภัยของตนเอง ความขัดแย้งในใจของเย้นหว่านต่างก็สลายหายไปแล้ว ดังนั้นจึงสนิทกับกู้ซึงขึ้นมาอีกครั้ง
ตามทฤษฎีแล้ว อันที่จริงก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
เพียงแต่......
เย้นโม้หลินมองทั้งสองด้วยแววตานิ่งๆ ในใจยังคงมีความสงสัยที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เป็นเพียงแค่นั้นจริงๆหรอ?
ไปไปมามาหลายชั่วโมง กลับมาถึงตระกูลเย้น ก็มืดค่ำแล้ว
เดิมทีเรื่องที่เย้นหว่านหลงทางไม่ได้วางแผนที่จะบอกคู่สามีภรรยาเย้นเจิ้นจื๋อ เลี่ยงไม่ให้พวกเขากังวล แต่ไม่คิดว่าเย้นเจิ้นจื๋อที่ยังไงก็เป็นผู้นำของบ้าน รู้เรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้ว
ทั้งสองทั้งกังวลและเฝ้ารอ ให้เย้นหว่านกลับมา จับเธอมาดูแล้วดูอีก สำรวจแล้วสำรวจอีก
ปากแผลเล็กๆบนตัวเย้นหว่านก็ย้ำเตือนไปแล้วหลายครั้ง ให้เย้นหว่านรักษาให้ดี
ไม่ง่ายเลย ที่เย้นหว่านจะปลอบคนชราทั้งสองได้ในที่สุด แล้วจึงรีบร้อนกลับไปที่ลานของตัวเอง
ตอนนี้เวลายังไม่แน่นอน โห้หลีเฉินก็ไปได้หลายวันแล้ว ในใจเธอไม่อาจสงบลงได้ เอาแต่อยากเห็นเขาตลอดเวลา ถึงจะพอสงบใจได้
หลังจากกลับไปแล้ว เย้นหว่านก็ตรงไปที่ห้องของกู้ซึง แต่ภายในห้องว่างเปล่า ไม่มีคน
เขาไปไหน?
“ลูกผู้พี่ ลูกผู้พี่ นายอยู่ไหน?”
เย้นหว่านเรียกเสียงดังไปสองรอบ ขณะเดียวกันก็เดินไปทางด้านนอก
เมื่อเดินไปถึงประตู เธอก็ได้ยินเสียงของผู้ชายดังสวนมาจากห้องของเธอ
“ตรงนี้”
เย้นหว่านตะลึงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย โห้หลีเฉินทำไมอยู่ในห้องของเธอ?
เธอรีบเดินไป ก็เห็นโห้หลีเฉินกำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความสง่าผ่าเผย ในมือถือไวน์แดงแก้วหนึ่ง จิบอย่างเชื่องช้า
เขายังคงสวมใส่เสื้อผ้าชุดนั้นจากในป่า บนเสื้อเชิ้ตสีขาวยังคงเปื้อนเลือด
“นายบาดเจ็บแล้ว อย่าดื่มไวน์”
เย้นหว่านเดินเข้าไปสองสามก้าว แล้วหยิบแก้วไวน์มือของโห้หลีเฉินไป
ถัดจากนั้น ก็มองดูเสื้อผ้าของเขา เอ่ยถาม “ทำไมนายยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า? ไหล่เจ็บ อาบน้ำไม่สะดวกหรอ?”
โห้หลีเฉินส่ายหน้า
มองไปที่เย้นหว่านด้วยแววตานิ่งเฉย พูดเสียงนิ่ง “ฉันไม่มีที่ให้นอนแล้ว”
เย้นหวานมองจ้องไปที่เขา หมายความว่ายังไง?
ห้องของเขาก็อยู่ตรงข้ามไม่ใช่หรอ
โห้หลีเฉินพูดขึ้นอีก “ห้องของฉันเคยถูกกู้ซึงใช้”
เตียงเคยนอน น้ำเคยอาบ ใครจะรู้ว่าเขานั่งบนโซฟาด้วยท่าทางแบบไหน
โห้หลีเฉินรักความสะอาดเสมอ ไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องของของเขา ยิ่งไม่ชอบให้ใครมาใช้ของของเขา รวมทั้งเตียงนอน
ดังนั้นห้องนั้นของกู้ซึง โห้หลีเฉินก็จะไม่ไปนอนบนเตียงแล้ว
ถ้าไม่เกินจากที่คาดไว้ หลังจากโห้หลีเฉินกลับมา ก็ไม่เคยเข้าไปในห้องนั้นเลย
“แต่ว่า......”
เย้นหว่านรู้สึกสับสน “ตอนนี้นายมีสถานะเป็นกู้ซึง ถ้าไม่นอนห้องของกู้ซึง จะทำให้คนอื่นสงสัยเอานะ”
โห้หลีเฉินมองเย้นหวานด้วยสายตานิ่งๆ มีความคลุมเครือลึกๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...