ดังนั้น เย้นโม่หลินไม่ให้โอกาสเขาโต้แย้งเลย ก้าวเท้าเดินออกไปเลย
ป่ายฉียืนทื่ออยู่ที่เดิม ท่าทางมึนงง
นี่เขาถูกรังเกียจหรือถูกกีดกันหรือว่าอะไรกันเนี่ย?
ขณะที่เขากำลังรู้สึกอึดอัดใจ โห้หลีเฉินเดินไปยืนข้างเขา มือใหญ่ของเขาตบไหล่เขาเบาๆ
เขามองเขาอย่างลึกซึ้ง พูดว่า
“บางทีคิดอยากจะเปลี่ยนสถานะของตัวเอง ลงมือหนักหน่อย ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร”
พูดจบ โห้หลีเฉินก็เดินออกไปข้างนอก
ป่ายฉียืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ แต่ในใจกลับเหมือนมีคลื่นลมพายุซัดอยู่ในใจ
เขาเป็นคนฉลาด แน่นอนว่าเข้าใจความหมายคำพูดโห้หลีเฉินทันที
ช่วงนี้เขาได้รับความเห็นดีเห็นชอบจากกู้หรง ก็ได้สร้างความขุ่นเคืองให้กับเย้นโม่หลินอย่างไม่ได้ตั้งใจหลายครั้งแล้ว ใช้ชีวิตอย่างอันตรายทุกวันเหมือนเดินอยู่บนเส้นด้าย
อีกอย่าง สถานการณ์แบบนี้ยิ่งอยู่ยิ่งหนักขึ้นทุกวัน กลัวว่าวันหนึ่งหากเส้นด้ายขาดแล้ว เขาต้องร่วงลงไปตายแน่
ตอนนี้เย้นโม่หลินไม่ให้เขาตามไปด้วย เกรงว่าคงไม่อยากให้เขาเข้าใกล้กู้จื่อเฟย ในใจคงจะถือสาเป็นอย่างมากแล้ว
แต่ว่าตัวเย้นโม่หลินก็ไม่รู้ว่าตัวเองถือสาเรื่องอะไร ป่ายฉีก็กลายเป็นตัวระบายอารมณ์อย่างไร้เดียงสา
“ลงมือหนักเหรอ?”
ป่ายฉีมองดูร่างที่จากไปของเย้นโม่หลิน ความคิดที่อันตรายอย่างหนึ่ง ก็ผุดขึ้นมาในใจ
เย้นหว่านและกู้จื่อเฟยรออยู่ในป่า มีลมพัดมาอยู่เรื่อยๆ ทำให้พวกเธอรู้สึกถึงความหนาวเย็น
จึงต้องถูมือตัวเองไปมาเพื่อให้รู้สึกอบอุ่น หวังว่าพวกโห้หลีเฉินจะรีบมาถึง
ตามด้วยได้ยินเสียงรถยนต์จอดลง ร่างสูงใหญ่ของชายทั้งสองเดินมาจากป่า
เย้นหว่านแค่มองก็เห็นคนที่เดินมานั้น คือโห้หลีเฉิน
เธอรีบตะโกนเรียก
“โห้หลีเฉิน ฉันอยู่ที่นี่”
ตะโกนไป เย้นหว่านก็อยากยิ่งไปทางโห้หลีเฉิน แต่เขากลับขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดต่อว่า
“ยืนตรงนั้นอย่าขยับ”
เย้นหว่านรีบหยุดฝีเท้าไว้ มองเขาด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจเพราะอะไร
โห้หลีเฉินรีบเร่งฝีเท้า รีบเดินเข้าไป รองเท้าหนังขัดเงาสว่างเดินอยู่บนผิวหญ้า เหยียบกิ่งไม้ใบหญ้าแห้งบนพื้นจนเกิดเสียง
ฟังเสียงพวกนี้ ในใจของเย้นหว่านหวั่นไหว เข้าใจแล้ว โห้หลีเฉินเพราะกลัวว่าเธอวิ่งเข้าไปแล้วจะถูกกิ่งไม้บาดขา
ช่างละเอียดอ่อนจนทำให้เธอรับไม่ทัน
กู้จื่อเฟยยืนอยู่ข้างกายเย้นหว่าน มองดูผู้ชายที่กำลังเดินมาอย่างรวดเร็ว อดรู้สึกอิจฉาไม่ได้
อยู่กับโห้หลีเฉิน เย้นหว่านคงมีความสุขจริงๆ
มีความจริงใจของเขา ถึงจะทุกข์จะยากแค่ไหนก็คุ้มค่า
ส่วนเธอ......
สายตาอันสดใสของกู้จื่อเฟยมองผู้ชายที่เดินห่างหลายก้าวด้านหลังโห้หลีเฉิน ท่าทางสง่า ก้าวเดินอย่างใจเย็น เหมือนดั่งเจ้าชายที่สูงส่ง มองได้แต่ต้องไม่ได้
โห้หลีเฉินเดินไปถึงตรงหน้าเย้นหว่านอย่างรวดเร็ว สายตามองตามตัวเธอ แล้วก็ถอดเสื้อกันหนาวของตัวเองออก ห่อบนตัวเธออย่างรวดเร็ว
“ไม่รู้จักหาสถานที่บังลมหน่อยเหรอ? อยากจะหนาวจนเป็นหวัด แล้วทำให้ผมเป็นห่วงเหรอ”
น้ำเสียงต่อว่า แต่คำพูดนั้นทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ
เย้นหว่านรู้สึกถึงความอบอุ่นจากเสื้อผ้า ความเหน็บหนาวตามร่างกายหายไปทันที
เธอกอดแขนของโห้หลีเฉินอย่างออดอ้อน “ก็มีคุณอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ฉันไม่หนาวเลยแม้แต่น้อย”
โห้หลีเฉินมองดูท่าทางใบหน้ายิ้มแย้มของเย้นหว่าน ถอนหายใจอย่างเอือมระอา
พูดด้วยเสียงเรียบ “ดูแล้วให้คุณอยู่ห่างสายตาผมไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว”
ถอนหายใจอย่างเป็นห่วง ทำให้เย้นหว่านอดยิ้มไม่ได้
กอดแขนเขาไม่ได้ ทำสีหน้าท่าทางดีใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...