สีหน้าอวิ๋นฉ่ายเปลี่ยนไปทันที เธอยกแขนขึ้นจับยายหลี่ไว้แน่น
ความตกใจกลัวฉายแววในดวงตาของยายหลี่ จากนั้นนางกัดฟันแน่น และหยิบเอาท่อนไม้ที่วางอยู่ตรงหน้าประตูขึ้น
"ยายแก่ ข้าคนนี้ไม่ยอมแพ้พวกเจ้าหรอก"
อินชิงเสวียนยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ จึงสวมรองเท้าและตามออกไป
"เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
อวิ๋นฉ่ายรั้งเธอเอาไว้ ร้องไห้พร้อมพูดว่า "ไม่เป็นไรเพคะ พระสนม พระองค์อย่าออกไปเพคะ"
อินชิงเสวียนผลักอวิ๋นฉ่ายออก และเดินออกมาที่ประตูวังอย่างรวดเร็ว
ก็ได้ยินเสียงหวังเอ้อร์หวู่พูดด้วยเจตนาไม่ดีว่า "ต่อไปถ้าปรนนิบัติข้าให้พอใจแล้ว รับรองเรื่องกินของพวกเจ้าไม่มีขาด ดังนั้นถ้ารู้ความก็รีบย้ายหินที่ปิดรูบนกำแพงออก ให้พวกข้าสองคนได้เข้าไปเล่นสนุกเสีย"
หวังต้าหวู่ก็พูดสบทบตามว่า "เดิมทีว่าจะเข้าไปลิ้มรสพระสนมถูกปลดดูเสียหน่อย ใครจะไปนึกว่านางดันตายไปเสียก่อน น่าเสียดายจริงๆ"
เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว สีหน้าของอินชิงเสวียนก็เปลี่ยนไปทันที
เมื่อหันกลับหลัง ก็มองเห็นอวิ๋นฉ่ายน้ำตาไหลพราก นางส่ายหัวให้อินชิงเสวียน แล้ววิ่งเข้าไปในห้อง
วินาทีนั้น อินชิงเสวียนรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
ดูเหมือนสองสารเลวนั้นจะรู้เรื่องของรูบนกำแพงและเคยเข้ามาข้างในแล้ว
เช่นนั้นแผลบนตัวของอวิ๋นฉ่าย...
อินชิงเสวียนรีบวิ่งตามเข้าไปในห้อง ถามด้วยความโมโหว่า "สองสารเลวนั้นเคยเข้ามาข้างในใช่ไหม พวกมันทำอะไรพวกเจ้ากันแน่?"
อวิ๋นฉ่ายคุกเข่าลงดังตึ่ง พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า "พระสนม อย่าถามเลยเพคะ"
เมื่อมองดูลักษณะท่าทางของอวิ๋นฉ่าย อินชิงเสวียนก็ยิ่งรู้สึกเย็นวาบในใจ
จึงกัดฟันพูดว่า "ไอ้สองสารเลวเอ้ย พวกเจ้าวางใจ แค้นนี้ข้าต้องชำระแน่ ใครกันแน่ที่เข้ามา หรือว่าทั้งสองคนเลย?"
ยายหลี่คุกเข่าตรงประตู พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า "น่าจะเป็นหวังเอ้อร์หวู่เพคะ เมื่อคืนหลังจากพี่พระสนมออกไปไม่นาน มันก็มุดเข้ามา และเอ่อ...อ่า...อวิ๋นฉ่าย บ่าวเข้าไปสู้ฟัดกับมัน แต่กลับถูกมันทุบสลบไป จากนั้นมันก็ถามหาพระสนม และยังอยากให้พวกเราเอาของให้พวกมันเอาไปขายเพคะ"
เมื่อได้ยินดังนั้น อินชิงเสวียนก็โกรธจนหน้าแดงก่ำ
เป็นแค่สุนัขรับใช้เฝ้าประตูยังกล้าหยามหัวของพวกนางได้ขนาดนี้
และเมื่อมองดูดวงตาที่ร้องไห้จนบวมแดงของอวิ๋นฉ่าย ก็อดเจ็บใจไม่ได้
เธอกอดอวิ๋นฉ่ายเอาไว้ และตบลูบเบาๆ ที่หลังของนาง
"เจ้าวางใจ ข้าสัญญาจะต้องให้สองสารเลวนั้นชดใช้ในสิ่งที่ทำไป"
อวิ๋นฉ่ายสูดหายใจและพูดว่า "พระสนมอย่าวู่วามเพคะ เช้านี้บ่าวใช้หินใหญ่อีกก้อนไปปิดรูบนกำแพงไว้แล้ว แค่เราไม่ออกไป พวกมันก็เข้ามาไม่ได้เพคะ"
อินชิงเสวียนพูดอย่างแค้นใจว่า "นั่นจะมีประโยชน์อะไร จะยอมเสียเปรียบไปเปล่าๆ เช่นนี้หรืออย่างไร?"
จากนั้นก็ถามต่ออีกว่า "พวกมันเจอเจ้าหมาน้อยแล้วหรือยัง?"
ทั้งสองคนส่าายหน้าพร้อมกัน "ยังเพคะ"
ยายหลี่พูดสะอื้นว่า "เมื่อคืนอวิ๋นฉ่ายคิดว่าเป็นพระสนม จึงออกไปก่อน บ่าวได้ยินเสียงของผู้ชายจึงนำเจ้าหมาน้อยที่หลับสนิทไปซ่อนเอาไว้"
อินชิงเสวียนพูดด้วยใบหน้าเรียบตึงว่า "เข้าใจแล้ว พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะไปขอยืมบางอย่างกับท่านเซียน"
หลังจากที่ทั้งสองคนออกไป เธอก็เข้าไปในมิติทันที
เธอใช้คะแนนแลกซื้อสเปรย์พริกไทยมาสามสี่ขวด จากนั้นก็แลกซื้อนมผงและเนื้อหมูอีกนิดหน่อยจากร้านค้า พร้อมทั้งขนบะหมี่กับผักผลไม้จากในมิติออกมา
เธอเรียกทั้งสองเข้ามา และให้สเปรย์พริกไทยกับทั้งคู่
"กำแพงวังสูงเกือบสามเมตร พวกมันน่าจะเข้ามาไม่ได้ ทางเดียวที่เหลืออยู่ก็คือรูบนกำแพง พวกเจ้าคอยเฝ้าที่หน้ารูไว้ ถ้ามีคนเข้ามาก็ใช้สิ่งนี้พ่นไปที่ใบหน้าของพวกมัน"
อินชิงเสวียนสอนวิธีใช้ให้กับทั้งสองคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...