ในขณะที่แสงไฟกำลังลอยมา มิลานก็ได้หันไปมอง ทีแรกตกใจคิดว่าเป็นกระสือ แต่พอมองดูดีๆ แสงไฟจากตะเกียงที่ส่องสว่างนั้นได้ส่องไปที่ใบหน้าของคนที่กำลังถือมันอยู่
หญิงสาวรีบลุกขึ้นทันทีที่แน่ใจว่าเป็นใครกำลังเดินตรงเข้ามา ..สายตาของเธอมองไปที่ป้ากับลุง ซึ่งนั่งเล่นคุยกันอยู่ใต้ถุนบ้าน
ทั้งสองเห็นใบหน้าของเธอเหมือนตื่นตระหนก ต่างก็หันกลับไปมองตามสายตานั้น พอหันกลับมาอีกทีเธอก็ได้หายไปแล้ว..คงหาที่ซ่อน
"ป้ากับลุงมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ครับ"
"ไอ้หำมาตั้งแต่เมื่อไรลูก" ลุงเป็นคนเอ่ยถามขึ้น และมันก็ทำให้พ่อกับแม่ของมิลานหันไปมองพร้อมกัน ..ผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้ทำไมถึงชื่อหำ
"ผมแวะมาส่งไอ้เสกมันครับ.. แล้วนี่?" ในขณะที่เหนือตะวันกำลังคุยกับลุงสายตาของเขาก็มองไปดูสองสามีภรรยาที่นั่งอยู่แคร่ไม้ด้วยกัน
"ลุงกับป้าย้ายมาจากกรุงเทพฯ" ลุงพงษ์กับป้าวรรณีพูดตะกุกตะกักนิดหนึ่ง แต่พอเห็นว่าเหนือตะวันถามว่าพวกท่านเป็นใคร ต่างก็เชื่อในคำพูดของมิลานแล้วที่บอกว่าพวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะถ้าเป็นต้องรู้สิว่านี่คือพ่อกับแม่ของเมียตัวเอง
ลุงกับป้าก็เลยเก็บเรื่องนี้ไว้ให้ เพราะสงสารเด็กสาวที่หอบครอบครัวมาหวังจะพึ่งน้ำบ่อหน้า ถ้าพวกเขามีวาสนาด้วยกันจริงคงจะเจอกันเอง โดยไม่ต้องได้ให้ใครบอกกล่าว
ชายหนุ่มยิ้มให้กับท่านทั้งสองที่เพิ่งจะรู้จัก แต่เขาก็แอบคุ้นหน้าของชายวัยกลางคนคนนี้อยู่บ้าง
ส่วนชายวัยกลางคน หรือพ่อของมิลานนั้น ก็ไม่เคยรู้จักเขาเช่นกัน เพราะส่วนมากจะเข้าหาแต่ทางท่านรัฐมนตรีเท่านั้น
"ผมคงอยู่ที่นี่ได้ไม่นานครับจะรีบกลับ" ชายหนุ่มยังไม่ทันได้คุยอะไรมากมาย เพราะเขาต้องรีบกลับไปตามหาเธอ
"จะรีบไปไหน"
"ธุระที่กรุงเทพฯยังไม่เสร็จเลยครับ"
"ถ้างั้นเราไปคุยที่บ้านกันดีกว่า" ป้าวรรณีเป็นคนชวน
พอทุกคนออกจากบ้านหลังนี้ไปมิลานก็ออกมาจากที่ซ่อน
"ลูกเตรียมที่นอนไว้ให้แล้วค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ขึ้นไปพักผ่อนดีกว่า" หญิงสาวทำเหมือนว่าที่เธอหายไปเพราะไปเตรียมที่นอนให้พวกท่าน และพ่อกับแม่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร
พอพวกท่านขึ้นไปข้างบนแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เธอที่ยังยืนมองไปบ้านหลังนั้น หลังที่มีเขาอยู่ในเวลานี้ ทั้งที่ในใจคิดถึงเขามาก และเขาก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ทำไมดูเหมือนว่าเขาอยู่ไกล..ไกลมากจริงๆ
วันต่อมาที่กรุงเทพฯ
"ทำไมมึงถึงทำงานช้าแบบนี้"
"กูก็พยายามตามหาให้มึงอยู่"
"หายไปทั้งครอบครัวขนาดนั้นทำไมมึงถึงตามไม่เจอวะ.." เหนื่อยก็เหนื่อยเพราะเพิ่งขับรถกลับมาถึง แถมยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย
"มึงว่าพ่อมึงจะรู้เรื่องนี้ไหมวะ" มกราแอบสงสัยเรื่องนี้มาก
"มึงคิดว่าเป็นฝีมือของพ่อกูเหรอ"
"กูเปล่าคิด" มกรารีบปฏิเสธ เพราะห่วงความรู้สึกของเพื่อนมากกว่า
ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อมูลว่าเป็นฝีมือของพ่อเขาจริงไหม แต่เหนือตะวันก็ไม่ทิ้งความสงสัยนี้ไป
"ผมมาหาพ่อ"
"เออ..ท่านไม่อยู่ค่ะ" ที่แรกที่เขามาก็คือบริษัท เพราะตอนนี้ท่านต้องอยู่ที่นี่
เห็นแค่ท่าทางของเลขาเขาก็พอจะเดาออกแล้ว ชายหนุ่มเดินไปที่ห้องทำงานของผู้เป็นพ่อและเปิดประตูเข้าไปโดยไม่บอกกล่าว
"พ่อ?" สิ่งแรกที่เขาเห็นถึงกับทำให้ ชายหนุ่มหมดศรัทธาในตัวของผู้เป็นพ่อ "พ่อทำแบบนี้ได้ยังไง"
"ไม่มีอะไรหรอกน่าา คนเราเกิดมามีชีวิตเดียว ชอบอะไรก็ทำตามที่ชอบเท่านั้นเอง" สำราญปล่อยมือจากการโอบกอดร่างบางของหญิงสาวที่เกือบจะได้มาเป็นลูกสะใภ้ออก
และดูเหมือนว่าเธอคนนั้นจะอายอยู่มากที่ถูกจับได้
"แล้วพ่อเอาแม่ผมไปไว้ที่ไหน!!"
"ออกไปก่อน" สำราญหันไปพูดกับวุ้นเส้นให้ออกไปจากห้อง ..ใช่แล้วผู้หญิงคนนี้ก็คือวุ้นเส้น ตอนที่สำราญพูดกับภรรยา นั่นคือเขาพูดจริง เพราะดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าผู้หญิงที่ภรรยาอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้กำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน พอสำราญเสนอให้นิดหน่อยก็รีบตะครุบเอาไว้
"ผมคิดว่าพ่อจะมีความคิดบ้าง"
"มาหาพ่อมีอะไร จะมาบริหารงานเองอีกเหรอ.." สำราญเลือกที่จะไม่คุยเรื่องนั้นกับลูกชาย จึงเปลี่ยนเรื่องพูด
"ผมไม่ต้องการ" เหนือตะวันรีบพูดแทรกขึ้น เพราะเขาไม่ต้องการของพวกนี้อีกแล้ว ก่อนที่จะออกจากห้องนั้นมา เขาไม่ลืมที่จะถามเรื่องที่ตั้งใจมาก่อนหน้านั้น แต่คำตอบที่ได้คือ พ่อของเขาไม่รู้เรื่องที่เธอหายไป และไม่คิดอยากจะรู้เรื่องนี้ด้วย
ชายหนุ่มออกจากบริษัทก็กลับไปที่บ้านก่อน เพราะเป็นห่วงแม่เมื่อเห็นการกระทำของผู้เป็นพ่อแล้ว
"ตะวัน" ประไพเห็นลูกชายเข้ามาก็รีบเดินเข้าไปกอดลูกไว้
"แม่เป็นอะไร" พอเห็นสีหน้าของผู้เป็นแม่เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าท่านคงจะรู้เรื่องนี้แล้ว
"แม่ผิดเอง แม่คิดว่าพวกนั้นจะไม่แว้งกัดแม่แบบนี้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สยบรัก