พวกเขาไม่ได้ปิดบังอะไร เฉาชวนเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อน
“องค์ชาย หลิ่งหนานยากจนข้นแค้นที่สุด พวกเราจะไปทำอะไร?”
หวู่ชิงเหย่กล่าวว่า
“ค่ายทหารอู่เวยอยู่ที่เมืองหลวงยังมีราชสำนักคอยจัดหาเสบียงให้ หากไปหลิ่งหนานแล้ว แม้แต่ข้าวยังไม่มีจะกิน!”
ฉินหมิงพยักหน้าเบา ๆ แล้วถามต่อไปว่า
“ยังมีอีกหรือไม่?”
หลิวฉ่วงก็ไม่ได้ปิดบังเช่นกัน เอ่ยปากถึงปัญหาที่สำคัญที่สุดออกมาโดยตรง
“พวกเรากับท่านไม่คุ้นเคยกัน”
“เป็นไปไม่ได้ที่จะต้องทิ้งตำแหน่งในเมืองหลวง ไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเพื่อท่าน”
ตอนนี้ฉินหมิงไม่ใช่แม้แต่องค์รัชทายาทแล้ว
ผู้มีสายตาเฉียบแหลมล้วนมองออกว่าเขาถูกลดขั้นไปยังหลิ่งหนาน
ก่อนจะไปยังคิดจะพาค่ายทหารอู่เวยที่ไม่คุ้นเคยกับเขาไปด้วย
หากอีกฝ่ายยอมตามเขาไปโดยไม่มีคำบ่นแม้แต่น้อย นั่นสิถึงจะเรียกว่าแปลก
ฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย
แต่ในเมื่อเขาได้ค่ายทหารอู่เวยมาแล้ว ก็จะปล่อยมือไปไม่ได้
ในใจของเขาเริ่มคิดถึงเรื่องการแยกค่ายทหารอู่เวยแล้ว
ผลไม้ที่เด็ดมาโดยใช้กำลังบังคับอาจไม่หวาน แต่มันก็ช่วยดับกระหายได้
นี่คือวิธีสุดท้าย คือแยกพวกเขาออกจากกัน แล้วผนวกรวมเข้ากับสามหน่วยพิทักษ์ของตนเอง
จะได้ไม่ต้องมาต่อล้อต่อเถียงกันให้มากความ
“เช่นนั้นแล้ว ท่านคุ้นเคยกับข้าหรือไม่?”
ในขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียด
เสียงหนึ่งก็พลันดังมาจากข้างนอก
กวนเยว่เปิดม่านกระโจมแล้วเดินเข้ามา
เมื่อเห็นนาง แม่ทัพทั้งสามก็กล่าวด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง
“เยว่เยว่ เจ้ามาได้อย่างไร!”
“ท่านอาทั้งสาม ตระกูลกวนจะไปหลิ่งหนานพร้อมกับพวกท่าน!”
กวนเยว่จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเป็นประกาย น้ำเสียงค่อนข้างเอาแต่ใจเล็กน้อย
“ว่ากระไรนะ!?”
คำพูดนี้ ทำให้สมองของทั้งสามคนตามไม่ทัน
ตั้งแต่เมื่อไรกันที่กวนเยว่กับองค์รัชทายาท...
การหมั้นหมายไม่ได้ถูกระงับไปแล้วหรือ?
“ตัดสินใจกระทันหันเจ้าค่ะ”
กวนเยว่กล่าวอย่างเปิดเผย แต่หัวใจกลับเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นแอบเหลือบมองฉินหมิง
กลับพบว่าสายตาของฉินหมิง จับจ้องอยู่ที่นางมาโดยตลอด
ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางก็พลันแดงก่ำ
“นี่มันกะทันหันเกินไป พวกเรา...”
หวู่ชิงเหย่โบกมือปฏิเสธรัว ๆ
การปรากฏตัวของกวนเยว่ ทำให้แผนการของพวกเขาพังทลายลงทั้งหมด
“ดี! เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้!”
ฉินหมิงไม่ให้โอกาสพวกเขาได้พูดอะไรอีก
ก่อนจะจากไป เขากล่าวกับทั้งสามคนว่า
“ท่านทั้งสาม ข้ามิได้มาเพื่อเจรจากับพวกเจ้า”
“จะคุ้นเคยหรือไม่ จะรู้จักข้าหรือไม่ข้าไม่สน แต่หากพวกเจ้าไม่ไป ข้าก็จะแยกค่ายทหารอู่เวย!”
“ท่าน...!”
คำขู่ที่มีลักษณะอันธพาลเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในที่นั้นดูย่ำแย่ลง
“ท่านไม่ควรจะพูดเช่นนี้”
หลังจากออกมาแล้ว กวนเยว่ก็ขมวดคิ้วแล้วเตือนฉินหมิง
“หากไม่พูดเช่นนี้ พวกเขาก็จะหาโอกาสยืดเยื้อต่อไปอีก... ว่าแต่ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
ฉินหมิงหยุดฝีเท้าทันที จ้องมองกวนเยว่ที่งดงามราวกับเทพธิดาอย่างเงียบ ๆ
กวนเยว่หน้าแดงเล็กน้อย
“หากหม่อมฉันไม่มา วันนี้ท่านก็คงจะต้องสู้กับพวกเขาแล้ว”
กวนเยว่พูดไม่ผิดเลยจริง ๆ
หากเมื่อครู่ฉินหมิงพูดออกมาโดยตรงว่า ตนเองจะแยกค่ายทหารอู่เวย
คาดว่าแม่ทัพทั้งสามคนนั้นคงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
โชคดีที่มีกวนเยว่อยู่ที่นี่ พวกเขาเกรงใจนาง จึงไม่ได้ลงไม้ลงมือ
“อีกครึ่งเดือนข้าก็จะไปแล้ว ไปด้วยกันหรือไม่?”
ฉินหมิงก้าวเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จับมือของกวนเยว่แล้วเอ่ยถาม
“เวลาครึ่งเดือน ท่านจะหาเงินมาเลี้ยงดูค่ายทหารอู่เวยได้อย่างไร?”
กวนเยว่กังวลมาก เมื่อครู่อยู่ข้างนอก นางได้ยินคนในค่ายทหารพูดกันแล้ว
ค่ายทหารอู่เวยนี้ฉินหมิงใช้กำลังทวงกลับมา
ราชสำนักไม่สนใจ
แต่ค่ายทหารใหญ่ขนาดนี้ หากไม่มีเงินช่วยเหลือจากราชสำนัก ฉินหมิงอาจจะไม่มีปัญญาแม้แต่จะจ่ายเบี้ยหวัดทหาร
“ข้าย่อมมีวิธีของข้า”
ฉินหมิงแสยะยิ้ม
แล้วพากวนเยว่กลับไปยังจวนอ๋อง
เมื่อเห็นฉินหมิงออกไปรอบหนึ่ง ก็พากวนเยว่กลับมาด้วย
ฉางไป๋ซานและเสี่ยวชุ่ยต่างก็ตกตะลึง
“ใครกลัวเป็นลูกหมา”
“เช่นนั้นตกลงตามนี้”
ทั้งสองคนรออยู่สามวัน
คืนวันนั้น ในที่สุดคนของกองคาราวานสินค้าหนานหยางก็ทำการค้าขายเสร็จสิ้น
สินค้าต่าง ๆ ก็ถูกพวกเขาตรวจสอบและลงบัญชี ส่งเข้าไปในเรือใหญ่ของตน
ราชสำนักได้รับผลประโยชน์มากมายจากเรื่องนี้
จึงได้จัดงานเลี้ยงเป็นพิเศษ เชิญคนของกองคาราวานสินค้าหนานหยางเข้าวัง
ขุนนางระดับต่าง ๆ ก็ได้รับเชิญมาที่นี่ เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง
แต่ในฐานะผู้มีความดีความชอบในการค้าครั้งนี้ ฉินหมิงกลับไม่ได้รับคำเชิญ
ฉางไป๋ซานยืนรออยู่ที่หน้าประตูจวนอ๋อง รออยู่ครึ่งค่อนบ่าย
ในที่สุดก็กลับมายังจวนของฉินหมิงด้วยความโมโห
“องค์ชาย ไม่มีใครมาเชิญท่านเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่มีใครมาก็ปกติ อย่างไรเสีย ข้าก็เป็นแค่เชื้อพระวงศ์ตกอับคนหนึ่ง”
ฉินหมิงพยักหน้ายิ้ม ๆ บนใบหน้าก็ไม่เห็นความผิดหวังใด ๆ
เขากำลังรอคนผู้หนึ่งอยู่
ในยามอาทิตย์อัสดง หญิงสาวงดงามนางหนึ่งในชุดกระโปรงยาวสีเหลืองก็เดินมาจากที่ไกล ๆ
“ฉินอ๋องของหม่อมฉัน ท่านได้รับคำเชิญแล้วหรือยัง?”
“ยังเลย”
“หม่อมฉันก็ยัง”
ทั้งสองคนสบตากันแล้วยิ้ม
ฉินหมิงเอ่ยปาก
“แต่ก็ไม่มีใครบอกว่า หากไม่มีคำเชิญแล้วจะไปไม่ได้”
“หม่อมฉันก็คิดเช่นนั้น”
ทั้งสองคนขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปยังพระราชวังอย่างเงียบ ๆ
เมื่อมาถึงหน้าประตูพระราชวัง องครักษ์เห็นรถม้าที่คุ้นเคย ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
“องค์ชาย...?”
“ข้ามาเข้าร่วมงานเลี้ยงยามค่ำในวัง”
ฉินหมิงโผล่ศีรษะออกมาจากรถม้า เอ่ยปากอย่างเรียบเฉย
องครักษ์สองสามคนพลันลังเลขึ้นมาทันที
ฉินหมิงส่งสายตาให้ฉางไป๋ซาน
“ขยับที่หน่อย อย่าให้ชนพวกเจ้า!”
ฉางไป๋ซานไม่รอช้า
ต่อหน้าพวกเขา ก็ควบม้าเบียดเข้าไปข้างในทันที

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว