เข้าสู่ระบบผ่าน

ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว นิยาย บท 14

เหล่าขุนนางที่อยู่ในที่นั้นต่างพากันก้มหน้าลง แต่หางตาก็ยังคงเหลือบมองฮ่องเต้เฉียนอยู่ตลอดเวลา

เซียวซูเฟยนั่งอยู่ข้างกายฮ่องเต้เฉียน มองดูสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนที่เปลี่ยนจากเขียวเป็นแดงสลับกันไป ในใจก็รู้สึกซับซ้อน

การกระทำของฉินหมิง นางไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือว่าโกรธดี

ตามหลักแล้วนี่เป็นเรื่องที่ดี

สามารถทำให้สถานะของฉินหมิงในพระทัยของฮ่องเต้เฉียนตกต่ำลงไปอีก

แต่เหตุใด ตนเองกลับรู้สึกโกรธอย่างยิ่ง

ท่าทางของฉินหมิงดูเหมือนจะไม่ใส่ใจตำแหน่งองค์รัชทายาทนี้จริง ๆ

เพียงแค่มาที่นี่ เพื่อที่จะอ่านบทกวีนี้ให้ฮ่องเต้เฉียนฟัง...

ในที่สุด ฮ่องเต้เฉียนผู้มีสีพระพักตร์มืดมนก็ทรงเอ่ยปากขึ้น

“เอาแต่อยู่ในเรือนทั้งวัน ก็คงจะศึกษาแต่บทกวีน้ำเน่าพวกนี้กระมัง?”

“คนที่ไร้ความสามารถเช่นเจ้า ไม่ได้เป็นองค์รัชทายาท ก็ถือเป็นโชคดีของราชวงศ์นี้แล้ว!”

วาจาของฮ่องเต้เฉียนนั้นรุนแรงมาก

บทกวีของฉินหมิง ทำให้พระองค์ทรงนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่ไม่อยากจะเอ่ยถึง

สตรีผู้นั้น เขาลืมไปนานแล้ว

ในราชสำนักก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึง

ยกเว้นฉินหมิง

แคร่ก!

พร้อมกับเสียงหนึ่งที่ดังขึ้น

แผ่นป้ายที่แขวนอยู่บนซุ้มประตูหน้าตำหนัก ซึ่งเขียนว่าต้อนรับกองคาราวานสินค้าหนานหยาง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของเหล่าขันทีหรือไม่ แขวนไว้ไม่ดี จนร่วงหล่นลงมาบนพื้น

แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ !

สีหน้าของทุกคนพลันดูย่ำแย่ลงในทันที!

ในใจของซุนเหลียนอิงหนักอึ้ง รีบเดินเข้าไปนำคนมาเก็บกวาด

วาจาที่ฮ่องเต้เฉียนทรงเตรียมจะตำหนิฉินหมิง ก็ติดอยู่ในลำคอ

พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ดวงพระเนตรสั่นไหว

หรือนี่จะเป็นลางบอกเหตุบางอย่างที่สวรรค์ส่งมาให้พระองค์?

หลังจากผ่านไปนาน ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงกัดฟันแล้วตรัสถามคนของกรมพิธีการว่า

“ผู้ใดเป็นผู้รับผิดชอบงานเลี้ยงครั้งนี้”

“ฝ่าบาท กระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวดังออกมาจากฝูงชน

เมื่อทอดพระเนตรเห็นคนที่พูด ฮ่องเต้เฉียนและเซียวซูเฟยต่างร่างกายแข็งทื่อ

เซียวผิงซานขุนนางผู้ช่วยกรมพิธีการ น้องชายแท้ ๆ ของเซียวซูเฟย!

หากว่ากันตามฐานะแล้ว เซียวผิงซานก็นับเป็นน้องเขยของฮ่องเต้เฉียน

“เหตุใดจึงเป็นเจ้ารับผิดชอบเรื่องนี้?”

“เดิมทีเป็นฉินอ๋องที่รับผิดชอบงานเลี้ยงพ่ะย่ะค่ะ ปีนี้ไม่มีใคร กระหม่อมก็เลยรับผิดชอบเองพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวผิงซานกลืนน้ำลาย เอ่ยปากอย่างลังเล

อันที่จริงงานเลี้ยงในวันนี้ เขาทุจริตไปไม่น้อย

แม้กระทั่งหมุดที่ใช้แขวนแผ่นป้าย เขาก็ยังเปลี่ยนเป็นของที่ห่วยที่สุด

มิใช่ว่าขันทีน้อยแขวนไม่ดี แต่เป็นเพราะของสิ่งนี้ โดยเนื้อแท้แล้วก็เป็นของชำรุด ทนอยู่ได้ไม่นาน

เดิมทีคิดว่าเป็นเพียงแค่งานเลี้ยง คงไม่มีใครสังเกตเห็น

แต่กลับมาเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในตอนที่ฮ่องเต้เฉียนทรงพระพิโรธที่สุด

เฉินซื่อเม่าที่นั่งอยู่เบื้องล่างส่ายหน้าเล็กน้อย

เฉียนไฉเบ้ปากแล้วกล่าวกับคนข้าง ๆ ว่า

“หากองค์ชายยังอยู่ในราชสำนัก ไหนเลยจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น”

“ทำการค้าขายมาก็หลายปีแล้ว พอองค์ชายจากไป แม้แต่งานเลี้ยงพื้นฐานที่สุดก็ยังจัดให้ดีไม่ได้”

“ไม่รู้ว่านี่เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จทางการค้าขายแบบไหนกันแน่ คิดจะทำให้กองคาราวานสินค้าหนานหยางรังเกียจจนหนีไปหมดหรือไร?”

น้ำเสียงของเขาไม่ดังและไม่เบา

ส่งไปไม่ถึงพระกรรณของฮ่องเต้เฉียน แต่กลับสามารถส่งไปถึงหูของเหล่าขุนนางได้

ทันใดนั้น ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย

“ข้าได้ยินมาว่าการค้าขายครั้งนี้ ก็เป็นจ้าวสี่ที่ทำเรื่องราวให้มันใหญ่โตขึ้น องค์ชายต้องไปตามเช็ดก้นให้เขา”

“สองวันก่อนฝ่าบาทยังทรงหลงเชื่อจ้าวสี่ผิด ๆ สั่งยุบสามหน่วยพิทักษ์ขององค์ชายมิใช่หรือ?”

“นั่นมันเรื่องเมื่อสองสามวันก่อนแล้ว ภายหลังก็คืนให้แล้วยังมอบค่ายทหารอู่เวยให้อีก ไปขอร้องให้องค์ชายช่วยทำให้กองคาราวานสินค้าหนานหยางสงบลง”

“สุดท้ายก็ยังต้องให้องค์ชายยื่นมือเข้าช่วยมิใช่หรือ จะวุ่นวายไปมาทำไมกัน...”

แม้ว่าเสียงของเฉียนไฉจะส่งไปไม่ถึงพระกรรณของฮ่องเต้เฉียน

แต่การวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าขุนนาง กลับทำให้ฮ่องเต้เฉียนทรงได้ยินอย่างชัดเจน

พระองค์เพิ่งจะตรัสไปว่า ฉินหมิงไม่เหมาะกับตำแหน่งองค์รัชทายาทของราชวงศ์นี้

ก็เกิดเรื่องแผ่นป้ายร่วงหล่นขึ้นมาทันที เมื่อเปรียบเทียบกับงานเลี้ยงในปีก่อน ๆ แล้ว ก็เหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่

สิ่งนี้ทำให้แม้แต่ฉินหมิงก็ยากที่จะเล่นงานนางได้

แต่ก็ไม่เป็นไร ฉวยโอกาสนี้ เล่นงานทายาทชายคนเดียวของตระกูลเซียวของนางก็ได้

ฉินหมิงจำได้ว่า เมื่อหลายปีก่อนเซียวผิงซานผู้นี้ อาศัยที่พี่หญิงของตนเองเป็นที่โปรดปราน ก็เคยขัดขาตนเองมาไม่น้อย!

“ฝ่าบาท ฉินอ๋องเอาเรื่องเล็กมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ ช่างไร้มารยาทนักเพคะ”

เซียวซูเฟยเห็นสถานการณ์ไม่ดี รีบขอความช่วยเหลือจากฮ่องเต้เฉียน

ฮ่องเต้เฉียนทรงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทอดพระเนตรฉินหมิงอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง

“เอาละ เรื่องนี้ให้ดำเนินการไปตามนี้ก่อน”

เฉินซื่อเม่าและคนอื่น ๆ ต่างพากันขมวดคิ้ว

ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ยังจะลำเอียงเข้าข้างเซียวซูเฟยถึงเพียงนี้

เกรงว่าหลังจากนี้ไป คงจะมีขุนนางนับไม่ถ้วนด่าทอลับหลังเซียวซูเฟยอย่างสาดเสียเทเสียเป็นแน่

แต่เรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้ อันที่จริงก็ใกล้จะจบแล้ว

ในตอนที่เซียวผิงซานจ้องมองฉินหมิงอย่างเคียดแค้นแวบหนึ่ง เตรียมจะจากไป

ฉินหมิงกลับขวางเขาไว้ทันที

“เสด็จพ่อ เซียวกุ้ยเฟยไม่เข้าใจกฎหมายของราชวงศ์เรา ท่านคงจะไม่ทรงลืมใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“ต้าเฉียนของเราเป็นแคว้นแห่งจารีตประเพณี ผู้ใดทำลายพิธีการ ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรง จะต้องถูกโบยสามสิบที!”

“เห็นแก่ที่เซียวผิงซานเป็นผู้กระทำผิดครั้งแรก กจะละเว้นให้เขาสักหน่อย โบยยี่สิบเก้าที เป็นอย่างไร?”

ขุนนางเบื้องล่างเมื่อได้ยินดังนั้น ต่างก็มุมปากกระตุก

ไม่อยากจะละเว้นก็ไม่ต้องละเว้น

เพียงแค่ละเว้นให้หนึ่งที นี่มิใช่ว่าจงใจจะกวนประสาทอีกฝ่ายหรอกหรือ?

“ท่านอย่าได้ทำเกินไปนัก!”

เซียวซูเฟยร้อนใจขึ้นมา

การลงโทษโบยของพวกเขานั้น โหดเหี้ยมเป็นพิเศษ

โบยไม่กี่ทีก็สามารถทำให้คนลุกจากเตียงไม่ได้ไปครึ่งเดือน

โบยสามสิบที สามารถทำให้คนพิการได้โดยตรง!

ตอนนี้ฮ่องเต้เฉียนก็ถูกมัดมือชกเช่นกัน

พระองค์เพิ่งจะทรงตระหนักได้ในตอนนี้เองว่า บุตรชายที่พระองค์ไม่เคยให้ความสำคัญมาโดยตลอด

กลับรู้กฎหมายของราชสำนักอย่างทะลุปรุโปร่ง

เมื่อกฎหมายของบรรพชนวางอยู่ตรงนี้ พระองค์จะช่วยเซียวผิงซานได้อย่างไร?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว