ตำนานฉือฮั่ว นิยาย บท 8

“เจ้าลูกคนนี้นี่ ตั้งแต่เจ้าฟื้นจากป่วยไข้ครานี้ ลูกของแม่นั้นเปลี่ยนไปมากเลย” อนุป๋ายอยากจะฉิวเด็กคนนี้เสียเหลือเกินที่มักหาเรื่องลูกสาวคนโปรดของสามี อันที่จริงชีวิตของนางนั้นก่อนที่จะกลายมาเป็นอนุตระกูลนี้ นางต้องผ่านความยากลำบากต่างๆเช่นกัน ด้วยนางนั้นเป็นบุตรสาวของคหบดีผู้หนึ่ง หากแต่ต้องพบกับบ้านแตดสาแหลกขาดนางถึงได้ขายตัวยอมเป็นอนุในเรือนโหวแห่งนี้ และมีเฒ่าฮูหยินที่ช่วยนางต่างๆนาๆ ทั้งที่นางไม่เคยได้บอกกล่าวว่านางขาดสิ่งใด แม่สามีผู้นี้นางให้สาวใช้นั้นนำสิ่งนั้นมาให้ ถึงแม้ว่านางจะถูกตัดค่าใช้จ่ายต่างๆที่สมควารได้ นางได้สินเดิมและข้าวของจากเรือนผู้เฒ่านี้นางถึงได้มีใช้มีเงินจ่ายค่ารักษาของเด็กจอมซนหาเรื่องอย่างนี้

ชีวิตของอนุป๋าย เดิมทีคือคุณหนูให้ห้องหอของตระกูลพ่อค้า แต่เกิดการคดโกงของตระกูล ท่านแม่ถึงได้ส่งตัวนางมาเป็นอนุแต่งให้กับนายท่าน จะบอกว่าตัวของนางเองหาได้ชอบพอสามีของนางไม่ แต่เมื่อตกแต่งเป็นเมียแล้วจะดื้อดึงไปด้วยเหตุใด ถึงแม้จะไม่ได้ถึงขั้นรัก แต่ก็มิได้เกลียดชัง ชีวิตนี้อยู่ได้เพียงลูกสาวของนางและเด็กมีอยู่ในครรภ์กำลังจะถือกำเนิดมาเท่านั้น

“ท่านแม่! ข้าจะเปลี่ยนเจ้าค่ะ ! และจะเปลี่ยนไปมากกว่านี้ ข้าจะมิยอมให้ผู้ใดรังแกพวกเราแม่ลูกได้อีก” ท่าทางหมายมั่นออกมาพร้อมกับสายตา และนางจะทำจริงๆ นางจะเปลี่ยนทุกสิ่งที่นี่เป็นสิ่งที่นางอยากทำเพื่อมีชีวิตสามารถอยู่ที่นี่ได้โดยที่นางนั้นมิต้องคิดพึ่งพาใครๆทั้งหลายเหล่านั้น นางจะสร้างทุกๆอย่างด้วยมือของนางคู่นี้

“เจ้าเป็นเพียงบุตรสาวจะทำสิ่งใดได้กันหรือดรุณีน้อยของแม่” ถามกลับอย่างเอ็นดูในตัวของบุตรสาวตน และไม่คิดว่าบุตรสาวของนางผู้นี้มิใช่บุตรสาวคนเดิมที่เงียบไม่ถือสาเรื่องใดๆจนต้องพบเจอด้วยเรื่องที่น่าอนาจจนต้องป่วยตายไปไม่รู้ตัว ไม่มีแม้คำกล่าวอำลาจากมารดาผู้ให้กำเนิด ตายไปโดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วการเจ็บป่วยเช่นนี้คือ! มีผู้ต้องการให้นางตายไปอย่างเงียบๆ

“ท่านแม่ ข้าคิดจะทำการค้าเจ้าคะ และข้าคิดจะพาท่านออกไปจากเรือนแห่งนี้” ฉือฮั่วคิดแล้วว่าการที่นางจะสามารถพามารดาของนางออกไปจากที่นี่ได้นางต้องมีเงิน มีทรัพย์สินมากพอที่พาผู้หญิงสี่คนและหนึ่งในนั้นตั้งครรภ์ด้วย ค่าใช้จ่ายอย่างไรแล้วก็ต้องมี สิ่งเดียวที่จะมีได้คือการค้าขายเป็นวัฏจักรของทุกยุคทุกสมัย การซื้อมาขายไปมันมีอยู่จริงและนางนั้นโชคดีอย่างหนึ่งคือเมื่อชาติที่แล้วนางเองก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้เช่นนั้นเพราะความอุตสาหะ ด้วยสองมือของตัวเอง หากชาตินี้นางต้องนับหนึ่งใหม่ทำไมจะเป็นไปไม่ได้กันเล่า

“เจ้า…เจ้าไปเอาความคิดเช่นนี้มาจากที่ใดกัน แม่ไม่เห็นด้วย! เจ้าล้มเลิกความคิดนี้ซะ นายท่านถึงไม่โปรดแม่แต่มิได้คิดทอดทิ้งเราแม่ลูก” ป๋ายอี๋เหนียงยังคงปฏิเสธความคิดของลูกสาวเพราะชีวิตนี้ที่นางได้ดิบได้ดีถึงแม้จะไม่เป็นที่โปรดปรานแต่สามีก็มิคิดทิ้งขว้างแต่อย่างใดนี่นา ลูกสาวของนางเริ่มมีความคิดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และเพราะอะไรกันนางถึงอยากคิดการใหญ่เช่นนี้

“ท่านแม่ ข้าขอเอ่ยคำพูดที่ไม่น่าฟังให้ท่านไตร่ตรองสักครู่นะเจ้าคะ ถึงแม้ท่านพ่อจะมิได้คิดมอดทิ้งท่านแม่และข้า แต่เอกสิทธ์ทุกอย่างที่ผ่านมาขึ้นอยู่กับอนุที่ท่านพ่อโปรดปรานการแก่งแย่งความรักความเอ็นดูจากท่านพ่อ ข้ารู้ดีว่าท่านแม่มิได้หมายให้ท่านพ่อโปรดท่าน แต่ท่านอย่าลืมนะเจ้าคะว่าในเรือนแห่งนี้มิได้มีฮูหยินใหญ่ แต่มีอนุหลีเช่นกัน ในครรภ์ของท่านมิได้รู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย ท่านคือมารผจญเป็นก้างขวางคอผู้คนเช่นกัน หรือว่าท่านแม่มิได้คิดเรื่องนี้เลย” นางนั้นคิดดีแล้วและนั่งวิเคาะห์เรื่องทุกอย่างภายในเรือนแห่งนี้ และนางสามารถเอ่ยออกมาได้ตรงจุดเป็นอย่างมากทีเดียว

ป๋ายอี๋เหนียง “…”

“ท่านแม่ ถึงข้าจะคิดทำการค้าแต่ใช่ว่าข้าจะออกจากเรือนแห่งนี้ทันทีนีเจ้าค่ะ อนาคตข้างหน้าข้าจำต้องแต่งออกจากเรือนไป ท่านแม่เองก็หาได้มีสินเดิมไม่ ทั้งอาหารการกินจากการแบ่งจ่ายให้แต่ล่ะเรือน จำนวนเงินน้อยกว่าพวกบ่าวไพร่เรือนใหญ่หรือเรือนอนุหลีด้วยซ้ำ ที่มีกินมีใช้ทุกวันนี้ มิใช่เงินสินเดิมของท่านหรอกหรือ ท่านแม่ได้โปรดเข้าใจลูกด้วย” นางนั้นเอาเรื่องจริงมาพูดทั้งนั้นให้มารดาของนางผู้นี้ได้ตระหนักถึงเรื่องพวกนี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถโต้เถียงได้เลยเพราะมันคือเรื่องจริง ค่าใช้จ่ายที่อยู่ในมือของอนุผู้นั้นสร้างความน้อยเนื้อต่ำใจให้มารดาผู้นี้ของนางแอนนอนร้องไห้เพียงผู้เดียวแล้วยังบอกว่าเรื่องทุกอย่างดีขึ้นแล้วอย่างนั้นหรือนางไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด

“ข้าไม่คิดเลยว่าลูกสาวข้ามีความคิดความอ่านโตกว่าอายุแล้วจริงๆ” สุดท้ายอนุป๋ายแทบหมดแรงเลยทีเดียวที่ได้ยินคำพูดของลูกสาว มันแจ่มชัดมาก เพราะนั้นเป็นเรื่องจริง ที่นางไม่สามารถเอ่ยขัดขึ้นมาได้เลย

ทั้งสามคนที่สนทนากันมิได้ล่วงรู้ว่าบุคคลด้านนอกได้ยินคำสนทนาเหล่านี้และคนผู้นั้นตะลึงสิ่งที่ได้ยินมาเช่นกัน ไม่คิดเลยว่าลูกสาวคนเล็กมีความคิดเช่นนี้ต่อตน อีกทั้งมองออกและแยกแยะได้ ที่ผ่านมาเป็นเพราะตนไม่ค่อยได้ใส่ใจเรือนหลังนี่สักเท่าไหร่ถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นและผู้ที่ยืนฟังอยู่ไม่ใช่ใครเขาคือท่านโหว นายท่านของตระกูลนี่เอง ใช่ นางพูดถูกทุกอย่างเรื่องการปกครองเรือนเป็นเพราะตัวเขาเองที่ให้สิทธ์ดูแลเรือนหลังจวนของตนแก่อนุคนโปรด และตนเพิ่งกระจ่างแจ้งเช่นกันว่าเรือนอนุป๋ายนั้นต้องใช้สินเดิมของตัวเองเลี้ยงดูลูกของตน ใจบังเกิดความรู้สึกผิด

“เจ้าหายดีแล้วหรือลูกหก” ท่านโหวตัดสินใจเข้าไปเพื่อถามไถ่ ทั้งยังทำเมินไม่ได้ยินเรื่องที่สองแม่ลูกนั้นถกเถียงกันเมื่อสักครู่ทำตัวประหนึ่งว่าเขานั้นเพิ่งเข้ามา

“ลูกหก คารวะท่านพ่อ ขอให้ท่านพ่อมีสุขภาพแข็งแรงเจ้าคะ” นางคารวะบุคคลตรงหน้า และรู้ด้วยว่ามีคนอยู่ด้านนอกคอยฟังสิ่งที่นางและแม่สนทนากัน เพราะนางนั้นตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น ตั้งใจให้โหวผู้นี้รู้ว่าสุดท้ายแล้วความมั่งมีของตนนั้นและความยิ่งใหญ่ของตน ทำให้ละเลยคนดีๆเช่นนี้อยู่ละเลยครอบครัวและถูกกลั่นแกล้วเยี่ยงไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานฉือฮั่ว