กลับมาที่จวนอ๋องเฉิน
ห้องหนังสือ
หานเฟิงกลับมาถึง อ๋องเฉินก็กลับจากการรายงานการปฏิบัติภารกิจในวังพอดี เขาก็เลยเข้าไปรายงานข้อมูล
“นายท่าน ยังมีอีกเรื่องที่ข้าน้อยลืมบอกท่าน หลังจากท่านตกหน้าผา ไฟลุกไหม้จนหยุดไม่ได้ ตอนนั้นสำนักอู๋จี๋ลงมือแล้ว… ”
เฟิงเย่เสวียนที่เพิ่งนั่งลง การกระทำชะงักเล็กน้อย
“สำนักอู๋จี๋?”
“ขอรับ”
เป็นสำนักที่ลึกลับมากในยุทธภพ
สถานะของลูกศิษย์ในสำนักอู๋จี๋ลึกลับ ความสามารถไม่แน่ชัด ได้ยินมาว่าบางคนมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่กลับเป็นคนตาบอด บางคนมีกลยุทธ์เหนือมนุษย์ แต่กลับเป็นคนง่อย บางคนผอมแห้งเตี้ยเล็ก กลับได้ฉายาปรมาจารย์แปลงโฉมอันดับหนึ่งในหล้า
ได้ยินมาว่า…
ไม่ควรมองข้ามคนเหล่านั้นเด็ดขาด
หลายปีมานี้ สำนักอู๋จี๋ไม่ฆ่าคนปล้นสินค้า หรือรับงานเพื่อหาเงิน แต่ที่ใดมีฝ่ายอธรรม ที่ใดต้องการความช่วยเหลือ ก็ปรากฏตัวที่นั่น
“จางขาเป๋ของสำนักอู๋จี๋มาขอรับ” หานเฟิงกล่าว “ตอนนั้นไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง จางขาเป๋ปล่อยว่าวที่ทำจากลวดเหล็กขึ้นฟ้า เรียกสายฟ้า ฝนตกหนัก นี่จึงสามารถดับไฟได้ขอรับ”
ไม่เช่นนั้น คนที่อยู่บนภูเขาจะตายทั้งหมด มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากกว่านี้
แววตาของเฟิงเย่เสวียนขรึมลง ไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดอะไร
เมื่อก่อนเคยได้ยินแต่ชื่อเสียงจิตใจดีมีคุณธรรมของสำนักอู๋จี๋ แต่กลับไม่เคยเห็น เดินทางไปปราบปรามโจรที่ภูเขากว่างหนิงครั้งนี้ กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้รับบุญคุณของสำนักอู๋จี๋
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขากล่าว
“ไฟไหม้ครั้งนี้น่าสงสัยมาก สามารถหาคนวางเพลิงหรือไม่?”
ไฟ
ไฟไหม้ครั้งใหญ่
เสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วน เสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิง เสียงหนีเอาชีวิตรอด เสียงไฟไหม้ที่โหมกระหน่ำ เหมือนอสูรยักษ์ที่ชั่วร้ายปกคลุมไปทั่ว
‘ช่วยด้วย!’
ภายในห้องที่ถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟ เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่ระวังถูกคานบ้านทับขา ไม่สามารถขยับตัว ได้แต่มองดูขาของตนเองถูกเปลวไฟกลืนกินต่อหน้าต่อตา เจ็บปวดทรมานจนอยากตาย
‘ช่วยด้วย! ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านแม่…’

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ