ถึงตอนพลบค่ำ ในที่สุดฉู่เชียนหลีก็ทำงานเสร็จ จัดแจงทุกอย่างให้ทุกคนเรียบร้อยแล้ว ลากร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับมายังโรงเตี๊ยมไหลฝู แต่กลับจับเรื่องหนึ่งได้แบบความรู้สึกช้า :
อดีตเจ้าสำนักถ่ายทอดสุดยอดวรยุทธ์กับเคล็ดวิชาเหมันต์ให้แก่นาง แต่นางใช้ไม่เป็นนี่ ลืมถามจิ่งอี้ไปเลย
แต่ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นมา กลับถูกหายไปพร้อมกับการหัวเราะของนาง
โง่จริง
คนพวกนั้นทั้งผอม ทั้งขี้โรค ทั้งบาดเจ็บ ทั้งพิการ มีท่าทางเหมือนจะเป็นยอดฝีมือแห่งยุทธภพที่ไหน?
ไม่แน่ว่าสำนักอู๋จี๋นี้อาจจะเป็นสถานที่ไร้ชื่อเสียงที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง สุดยอดวรยุทธ์ก็ไม่มีอยู่จริง เคล็ดวิชาเหมันต์เป็นของปลอม
ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าเป็นเรื่องหลอกลวง ยังทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อดูแลคนกลุ่มนี้ แม้แต่ตัวนางเองยังรู้สึกว่าตัวเองโง่
ฉู่เชียนหลีนวดคลึงตรงตำแหน่งระหว่างคิ้ว ถอนหายใจเบา ๆ อย่างเหนื่อยล้า ยกขาก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยม
ทันใดนั้น บนถนนด้านหลัง ผู้ชายคนหนึ่งวิ่งโซซัดโซเซเข้ามา
“พระชายา แย่แล้ว!”
สะดุดขั้นบันไดล้มลงไปนั่งบนพื้น เลือดไหลซึมออกมาจากบนแขน
ฉู่เชียนหลีรีบเข้าไปประคองเขาขึ้นมา มือเพียงแค่ใช้มือคลำทีเดียว ก็รู้ทันทีว่าแขนของคนนี้หัก
“เจ้าบาดเจ็บสาหัส ข้าจะ...”
“ไม่ต้อง ไม่ต้องสนใจข้า” ชายหนุ่มหอบหายใจ “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องพาทหารไปที่รังโจร แต่กลับเจอกับโจรภูเขาซุ่มโจมตี ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก เกรงว่าจะ...จากไปไม่หวนกลับ...”
ฉู่เชียนหลีตะลึงงันไปทันที
จากไปไม่หวนกลับ...
ผู้ชายคนนั้นบาดเจ็บสาหัสใกล้ตายแล้ว...
“พระชายา ท่านรีบไปเจอหน้าท่านอ๋องเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ โจรภูเขาพวกนั้นยังจับตัวเขาเอาไว้อยู่ ถ้าหากไปช้า ท่านอาจจะไม่ได้เจอหน้าเขาอีกแล้ว!”
ตอนที่เรื่องนี้แผ่กระจายอยู่ในหัวสมอง ฉู่เชียนหลีรู้สึกว่าลมหายใจหนักหน่วงขึ้นเล็กน้อย มีอารมณ์แปลกประหลาดกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในหัวใจ
อารมณ์ที่หนักอึ้งกลุ่มนี้ กดหัวใจของนางเอาไว้
เบาเหมือนกับฟางเส้นหนึ่ง แต่กลับทำให้นางรู้สึกกดดัน รู้สึกว่าไม่สบาย
“เขา...” ขยับริมฝีปาก เสียงแหบแห้ง “อยู่ที่ไหน?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ