เฉินซิวตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกกับความเร็วที่เหนือจินตนาการของอวี้ฮ่าวหราน
ก่อนที่เขาจะทันได้ขยับตัว จู่ ๆ เขาก็รู้สึกราวกับว่ามีรถไฟพุ่งมาชนหลังจนร่างกระเด็นพุ่งไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้และชนเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง
“โครม!!”
แค่เพียงพริบตามีดที่กำลังจ่อคอฟ่านซีเหยียนก็ร่วงหล่นลงไปที่พื้น และหลังจากนั้นร่างกายของเธอที่กำลังอ่อนปวกเปียกจากอาการสั่นกลัวก็อยู่ภายใต้อ้อมแขนของอวี้ฮ่าวหราน
“ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องกลัว!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนฟ่านซีเหยียนตั้งตัวไม่ทัน เธอมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าสับสนและหวาดกลัว
จากนั้นเมื่อเธอเริ่มเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้คร่าว ๆ อารมณ์ของเธอก็เริ่มพลั่งพรู น้ำตาของเธอไหลออกมาเป็นสายอีกรอบพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟาย
“ฮือ….ฉันกลัว….ฮือ…ฉันกลัวจริงๆ”
เธอร้องไห้ไปกอดอวี้ฮ่าวหรานไปด้วยความลืมตัวว่าตอนนี้เธอกำลังกอดกับผู้ชายที่เพิ่งจะรู้จักได้ไม่นาน!
อวี้ฮ่าวหรานลูบหัวปลอบอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่สายตาของเขาจะกวาดมองไปยังพวกนักเลงที่ยังคงตะลึงอยู่รอบ ๆ กายด้วยสายตาเย็นชา
เขากระซิบที่ข้างหูของฟ่านซีเหยียนเบา ๆ “คุณช่วยหลับตาก่อน ผมขอจัดการคนพวกนี้สักครู่หนึ่ง แล้วจากนั้นผมจะพาคุณไปส่งที่ ๆ คุณพักอยู่”
“อืม….”
ฟ่านซีเหยียนพยักหน้าและหลับตาอย่างว่าง่าย ในตอนนี้ด้วยเหตุผลใดเธอก็ยังอธิบายไม่ได้ แต่เธอรู้สึกไว้ใจกับทุกคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน!
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะกวาดสายตาไปมองพวกนักเลงที่อยู่รอบ ๆ อีกครั้งและพูดว่า
“ฉันลั่นวาจาเอาไว้แล้วใช่ไหมว่าฉันจะฆ่าพวกแกทุกคน? เอาล่ะถึงเวลาที่ฉันจะทำตามที่พูดแล้ว!”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็โคจรพลังวิญญาณอย่างรวดเร็วและสร้างพายุหมุนล้อมรอบกายเขา
อวี้ฮ่าวหรานยืนอยู่ด้านในศูนย์กลางของพายุหมุนที่เขาสร้าง ในทุก ๆ วินาทีที่ผ่านไป พายุหมุนมันใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และเรื่อย ๆ รวมไปถึงความเร็วของลมมันเร็วจนสามารถฉีกกระชากเนื้อหนังของมนุษย์ธรรมดาได้อย่างง่ายดายภายในพริบตา!
“วูบ!!!”
“อ๊ากกกก ม่ายยยยย!!”
“พ่อจ๋า แม่จ๋า ช่วยด้วยยยย!!!”
แค่เพียงไม่กี่วินาที ทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ภายใต้ความรุนแรงของพายุหมุน ด้วยความเร็วของลมพวกโต๊ะและเก้าอี้ทั้งหลายต่างพังพินาศย่อยยับ ขวดเหล้าขวดไวน์ทั้งหลายถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด
แน่นอนว่าขนาดโต๊ะและเก้าอี้ยังไม่เหลือ เนื้อหนังของคนจะเหลืออะไรได้ยังไง?
แค่ไม่กี่วินาทีถัดมา นักเลงแก็งมังกรครามมากกว่า 80 คนที่อยู่ในห้องโถงต่างถูกแรงลมจากพายุหมุนฉีกกระชากร่างกายจนแหลกสลายออกเป็นชิ้น ๆ เลือดและเศษเนื้อกระเด็นกระจายติดเต็มกำแพงจนเป็นภาพที่น่าสยดสยองเป็นอย่างมาก
ภาพนี้มันไม่ต่างอะไรกับในหนังสยองขวัญ!
หลังจากนั้นแค่ไม่กี่อึดใจทั่วทั้งห้องก็กลายเป็นเงียบเหมือนป่าช้า
“กร๊อบ!”
“กร๊อบ!”
ท่ามกลางความเงียบงันของห้องโถง เสียงย่างก้าวของอวี้ฮ่าวหรานที่เหยียบเศษแก้วที่แตกอยู่เต็มพื้นดังขึ้นจนได้ยินอย่างชัดเจน เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเฉินซิวที่นั่งคุกเข่าด้วยดวงตาไร้ประกายราวกับคนหมดพลังชีวิต
อวี้ฮ่าวหรานแน่ใจว่าอีกฝ่ายยังไม่ตายแน่นอน เพราะเมื่อครู่เขาไม่กล้าใช้พลังมากเท่าไหร่เนื่องจากกลัวว่าฟ่านซีเหยียนอาจจะได้รับอันตรายไปด้วย พลังที่เขาใส่ไปมันมากพอที่จะฆ่าคนธรรมดาแต่กับผู้บ่มเพาะมันยังขาดอยู่อีก
เฉินซิวในเวลานี้เหม่อมองไปที่คราบเลือดและเศษเนื้อที่ติดอยู่เต็มห้องโถง แต่แล้วเมื่อเขาเห็นอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามา ดวงตาของเขาก็พลันเบิกกว้างและตะโกนขึ้นราวกับคนเสียสติ
“ม…ม…ไม่นะ! ย…อย่า เข้ามา! อย่าเข้ามา! อย่าฆ่าฉัน ๆๆๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]